โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานประมูลแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขาเคยเข้าร่วมเป็นครั้งแรก และรู้ดีถึงความระมัดระวังของตระกูลเมิ่งผู้จัดงานหลัก
ที่แท้พอหยวนเซ่าเพิ่งพูดจบ ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งก็เดินลงมาจากชั้นสอง
“นั่นหงฝู ผู้รับผิดชอบทำหน้าที่ดำเนินงานประมูลโดยเฉพาะของตระกูลเมิ่ง!”
“เมื่อก่อนงานประมูลแบบนี้ เขาไม่เคยเปิดเผยตัวมาก่อน วันนี้กลับปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว”
“ดูแล้วคุณภาพ‘สินค้า’ในครั้งนี้คงสูงมาก ตระกูลเมิ่งจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นหงฝูคงไม่ปรากฏตัวหรอก”
......
ผู้คนโดยรอบมองเห็นหงฝูปรากฏตัวขึ้น ล้วนทำท่าทางตกใจ
มุมปากหยวนเซ่าฉีกขึ้นเบาๆ มองหยางเฉินอย่างดูถูกแวบหนึ่ง จากนั้นหรี่ตาพูดว่า “ไอ้หนุ่ม ฉันจะดูหน่อยสิว่าถ้านายไม่มีหนึ่งร้อยล้าน จะยุติลงยังไง!”
หยางเฉินนั่งหน้าตานิ่งเฉยอยู่ตรงนั้น และไม่มีความคิดจะลุกขึ้นด้วยซ้ำ ไม่เหมือนพวกคนจนที่กำลังจะโดนไล่ออกไปจากคลับหลงเถิงสักนิดเดียว
ตอนที่ซูซานมองเห็นหงฝู บนใบหน้าดูตกใจขึ้นมานิดๆ เช่นกัน ขณะเดียวกันยังกังวลใจขึ้นมามากด้วย
สถานะของหงฝู เธอในฐานะลูกสาวคนรวยย่อมรู้ดี
การที่สามารถรับผิดชอบงานประมูลสำคัญเช่นนี้แทนตระกูลเมิ่งได้ พอจะอธิบายได้แล้วว่าเขาเป็นผู้ที่ได้รับความสำคัญมากแค่ไหนในตระกูลเมิ่ง
“สวัสดีครับคุณผู้ชาย ผมคือหงฝูผู้รับผิดชอบงานประมูลในคืนนี้ ขอความกรุณาคุณให้ความร่วมมือกับพวกเราในการตรวจสอบเงินทุนด้วยครับ!”
หงฝูเดินมาด้านหน้าของหยางเฉิน ไม่ได้เพิกเฉยแม้แต่น้อยเพราะหยางเฉินถูกสงสัย ท่าทางสุภาพมากตั้งแต่ต้นจนจบ
“ลุงหงคะ เขาเป็นเพื่อนที่หนูพามาเอง คุณลุงคิดว่าพอจะข้ามการตรวจสอบเงินทุนขั้นตอนนี้ไปได้หรือเปล่าคะ?”
เห็นได้ชัดว่าซูซานรู้จักกับหงฝู แต่สีหน้ายังคงเคร่งขรึมมาก
หงฝูราวกับคนที่ไม่มีความรู้สึกแม้สักนิดคนหนึ่ง พูดจาด้วยหน้าตาไร้อารมณ์ “คุณซู ขอโทษด้วยนะครับ ว่าตามกฎระเบียบแล้ว ไม่ว่าใครที่เข้าไปในงานประมูล จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบเงินทุนครับ!”
บนหน้าซูซานเต็มไปด้วยความกังวล ถึงแม้เธอจะรู้ว่าหยางเฉินไม่ธรรมดา แต่ไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถนำเงินหนึ่งร้อยล้านออกมาได้ในครั้งเดียว
“ลุงหง......”
ซูซานกำลังอยากพูดต่อไป กลับถูกหงฝูขัดจังหวะ “คุณซู เห็นแก่หน้าของคุณพ่อของคุณ ผมจะไม่ถือสาหาความกับคุณได้ แต่ถ้าคุณยังดันทุรังต่อไป งั้นอย่าโทษว่าผมไม่ไว้หน้าตระกูลซูนะครับ!”
หงฝูยังคงมีท่าทางนิ่งสงบแบบนั้น แม้กระทั่งน้ำเสียงที่พูดจายังไม่เปลี่ยนอีกด้วย แต่ใครๆ ต่างสามารถสัมผัสได้ถึงการข่มขู่และแข็งกร้าวในคำพูดของหงฝู
หยางเฉินมองหงฝูด้วยความรู้สึกสนใจ ไม่เคยเจอคนประเภทมานานมากแล้ว
คนประเภทนี้ ภายใต้สถานการณ์ปกติมีสองแบบ แบบแรกเป็นคนทั่วไปไม่ได้คาดหวังต่อสิ่งใด เป็นประเภทที่สภาพจิตใจดีมาก อีกแบบหนึ่งคือเสแสร้ง
แต่ที่อยู่ตรงหน้านี้ เขายังมองไม่เห็นท่าทางที่แกล้งทำบนตัวของหงฝูออกมาสักนิด นั่นอธิบายได้เพียงว่าเขาเป็นแบบแรก สภาพจิตใจดีมาก ไม่คาดหวังต่อสิ่งใด
คนประเภทแบบเขา จริงจังต่อการทำงานเป็นที่สุด เป็นประเภทที่ถึงไม่โกรธแต่ก็ดูน่าเกรงขาม สำหรับเจ้านาย เขาจะละเอียดถี่ถ้วน สำหรับลูกน้อง คำสั่งของเขา ไม่อนุญาตให้ใครสงสัยทั้งนั้น ทุกอย่างมองเพียงผลลัพธ์
จากมุมมองด้านความสำเร็จนั้น คนแบบนี้ประสบความสำเร็จได้ง่ายที่สุด
เวลานี้กวนเจิ้งซานเดินเข้ามาแล้ว สีหน้าดูไม่ดีอย่างมาก
“คุณหง เขาเป็นเพื่อนต่างวัยของผม ขอให้คุณเห็นแก่หน้าผม......”
คำพูดของกวนเจิ้งซานยังพูดไม่จบ ในสายตาของหงฝูสาดยิงแสงเหน็บหนาวออกมาทันใด แต่น้ำเสียงยังคงปกติ สีหน้าไม่หวั่นไหว เอ่ยปากบอก “ตระกูลกวนเล็กๆ คู่ควรให้ฉันหงฝูไปเห็นแก่หน้าตาของพวกนายด้วยเหรอ? ถ้ามีใครกล้าแทรกแซงเรื่องของฉันอีก ก็ไสหัวออกไปจากที่นี่เองเลย!”
คำพูดประโยคนี้ของหงฝูไม่ไว้หน้ากวนเจิ้งซานเลยแม้แต่น้อย นี่ทำให้สีหน้าเขายิ่งดูแย่เพิ่มขึ้นในชั่วขณะนั้น
เขาไม่ได้เป็นห่วงหยางเฉินว่าจะไม่มีทางผ่านการตรวจสอบเงินทุน แต่ในเวลานี้แบบนี้ เขาจำเป็นต้องออกมาแสดงท่าที ต่อให้เป็นตระกูลเมิ่ง ก็ห้ามเหยียดหยามหยางเฉิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...