The king of War นิยาย บท 1708

สรุปบท บทที่ 1708 ให้เขาเป็นคนทำ: The king of War

อ่านสรุป บทที่ 1708 ให้เขาเป็นคนทำ จาก The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง

บทที่ บทที่ 1708 ให้เขาเป็นคนทำ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต The king of War ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ในเวลานี้ เจ้าเมืองมู่อ่อนแรงอย่างมาก ขาทั้งสองของเขาไม่มีกำลังแม้แต่สักนิด

นักดาบเงาเพชฌฆาต รีบเดินมุ่งไปตรงหน้า พยุงเขาไว้ และพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ เจ้าเมือง เกิดอะไรขึ้นครับ?"

ด้วยความแข็งแกร่งของ นักดาบเงาเพชฌฆาต สัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังของเจ้าเมืองมู่ลดลงอย่างมากในทันใด เมื่อเปรียบเทียบกับ เจ้าเมืองมู่ ที่มีความได้เปรียบในการต่อสู้กับ เจ้าเมืองหวยเฉิง ในตอนนี้ เขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

เจ้าเมืองมู่ส่ายหัวเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “พาฉันกลับก่อน!”

นักดาบเงาเพชฌฆาตโดยไม่พูดอะไรสักคำ รีบพาเจ้าเมืองมู่กลับถึงที่พัก

“เจ้าเมือง!”

มู่ฮว๋า ซึ่งรออยู่ที่พักของเจ้าเมืองมู่ตั้งนานแล้ว เห็นว่านักดาบเงาเพชฌฆาตพาเจ้าเมืองมู่กลับมา และรีบเข็นรถเข็นของเขาไปตรงหน้า

เจ้าเมืองมู่นั่งบนรถเข็น ใบหน้าของเขาซีดมาก และลมหายใจบนร่างของเขาไม่สมดุล

นักดาบเงาเพชฌฆาต ถามอย่างเคร่งขรึม: "เจ้าเมืองครับ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ?เมื่อกี้นี้ท่านยังสามารถยืนขึ้นได้และต่อสู้กับเจ้าเมืองหวยเฉิงโดยไม่พ่ายแพ้ เกิดอะไรขึ้นในตอนนี้?"

เจ้าเมืองมู่พูด: "เสียวหว่านใช้ทักษะทางการแพทย์ฟื้นฟูขาของฉันให้เป็นปกติชั่วคราว แต่มันอยู่ได้เพียงสิบนาทีเท่านั้น เมื่อผ่านไปสิบนาที ฉันจะกลับสู่สภาพเดิม"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ นักดาบเงาเพชฌฆาตพูดด้วยท่าทางตกใจ: "ในโลกนี้มีทักษะทางการแพทย์ที่มีมนต์ขลังจริงๆ หรือ?"

เจ้าเมืองมู่พูดด้วยรอยยิ้ม “หากฉันไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง ฉันคงไม่เชื่อ เนื่องจากเสียวหว่านสามารถฟื้นฟูขาของฉันให้เป็นปกติได้ชั่วคราวได้ นั้นก็หมายความว่ามีความหวังอย่างยิ่งที่จะรักษาฉันได้”

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

การต่อสู้กับเจ้าเมืองมู่ในเมื่อกี้นี้ยังไม่ถึงจุดสูงสุดของเขา เขามั่นใจว่า หากขาของเขาสามารถกลับมาเป็นปกติได้ ความแข็งแกร่งของเขาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

เจ้าเมืองมู่มองไปที่มู่ฮว๋าและพูด “สั่งการลงไป เฝิงเสียวหว่านจะเป็นลูกทูนหัวของฉันในอนาคต และมีสิทธิ์ทั้งหมดเทียบเท่ากับรุ่นที่สามของตระกูลมู่ ถ้าใครกล้าที่จะดูหมิ่นเธอ มันคือการไม่เคารพฉัน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ นักดาบเงาเพชฌฆาต และ มู่ฮว๋าต่างก็ตกใจ

ก่อนหน้านี้เจ้าเมืองมู่อยากให้เฝิงเสียวหว่านเป็นลูกทูนหัวของเขา มันเป็นเพียงการพูดส่วนตัว แต่ตอนนี้ เจ้าเมืองมู่เผยแพร่ข่าวนี้ นั่นคือการให้นามชื่อกับเฝิงเสียวหว่าน

ด้วยคำพูดของเขา หลังจากนี้ใครจะกล้าดูหมิ่น เฝิงเสียวหว่าน ในจวนมู่อีกล่ะ?

เจ้าเมืองมู่พูดต่อ: “นอกจากนี้ จงประกาศให้หยางเฉินเป็นผู้ผู้อาวุโสในนามของจวนมู่ของเรา ไม่ว่าใครจะกล้าแตะต้องเขาก็ตาม นั่นแหละคือศัตรูของจวนมู่!”

คราวนี้ นักดาบเงาเพชฌฆาต และ มู่ฮว๋าก็ยิ่งตกใจกว่าเดิม

การประกาศให้ เฝิงเสียวหว่าน เป็นลูกทูนหัวของ เจ้าเมืองมู่เป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว แต่สิ่งที่คาดคิดไม่ถึงก็คือ เจ้าเมืองมู่จะให้ หยางเฉินเป็นผู้อาวุโสในนามของ จวนมู่

ถ้าเป็นเช่นนี้ ชัดเจนเลยว่าต้องการยืนอยู่ฝั่งตรงกับจวนเมืองหวยเฉิง

จวนเมืองหวยเฉิงกำลังมองหาหยางเฉิน และแม้แต่ เจ้าเมืองหวยเฉิงก็มาที่ จวนมู่ด้วยตนเอง เจ้าเมืองมู่ไม่เพียง แต่ปฏิเสธที่จะมอบคนเท่านั้น แต่ยังต้องการให้หยางเฉินกลายเป็นผู้อาวุโสในนามของจวนมู่อีกด้วย

นี่มันตบหน้าของเจ้าเมืองหวยเฉิงชัดๆ

มู่ฮว๋าถาม: “เจ้าเมืองครับ เกินไปไหมครับที่ประกาศให้หยางเฉินเป็นผู้อาวุโสในนามของจวนมู่?”

เจ้าเมืองมู่ส่ายหัว มองไปที่มู่ฮว๋าแล้วถาม: “นายคิดว่าชายหนุ่มผู้ถูกเจ้าเมืองหวยเฉิงไล่ตามตัวฆ่า และเป็นชายหนุ่มอายุไม่ถึงสามสิบปี มีพลังแดนเหนือมนุษย์ชั้นยอดชั้นเจ็ด เขาไม่มีคุณสมบัติมาเป็นผู้อาวุโสในนามของจวนมู่ของเรา?

หวยหลันพูดด้วยรอยยิ้ม: "ท่านเก้า เจ้าเมืองมู่ถูกเรียกว่าเจ้าเมืองมนุษย์หมาป่า เมตตาสักที่ไหนล่ะ?เพียงแค่การปรากฏตัวของ เสียวหว่าน ทำให้เขามีความหวังในการฟื้นขาของเขา ส่วนพี่หยางเองก็แข็งแกร่งมาก และเข้าใจถึงพลังของธาตุด้วย เขาเลือกที่จะปกป้องเราจากความตายเพราะเขาเห็นศักยภาพของพี่หยาง”

เหล่าจิ่ว พยักหน้า: “ที่ว่ามาก็ถูก! ฉันไม่สนใจเรื่องอื่น ตราบใดที่เจ้าเมืองมู่สามารถช่วยเราออกจาก ซ่านเฉิงได้ในครั้งนี้ เจ้าเมืองมู่ก็จะเป็นผู้มีพระคุณของฉันเหมียวจิ่ว”

หยางเฉินก็พยักหน้าและพูด “ท่านเก้าพูดถูกครับ ตราบใดที่เจ้าเมืองมู่ไม่มีความประสงค์ร้ายต่อเรา และสามารถช่วยเราออกจากซ่านเฉิงได้อย่างปลอดภัย เขาก็เป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา”

ข่าวจากจวนมู่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทั่วซ่านเฉิงและยังแพร่ไปถึงเมืองหวยเฉิง

เมื่อเจ้าเมืองหวยเฉิงได้ยินข่าว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

เขากัดฟันและพูด “ไอ้สารเลวนี้กล้าปกป้องคนที่ฉันต้องการจะฆ่า!”

หวยเจิ้นซึ่งอยู่ข้างๆเขาพูดอย่างเคร่งขรึม “ท่านพ่อครับ ตอนนี้เราควรทำไงดีครับ?หยางเฉินได้กลายเป็นผู้อาวุโสในนามของจวนมู่ หากเรากระทำอะไรลงไป นั้นก็หมายความว่าเรากระทำคนของจวนมู่”

เจ้าเมืองหวยเฉิงมองไปที่หวยเจิ้นและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายว่าควรทำไงล่ะ?”

หวยเจิ้นตกใจและพูดทันที: "ท่านพ่อครับ ผมคิดว่าเราสามารถขอความช่วยเหลือจาก ดอกเตอร์แบล็กในเรื่องนี้ได้"

เจ้าเมืองหวยเฉิงตะโกน: "พูดให้มันชัดเจน!"

หวยเจิ้นพูดต่อ: "ดอกเตอร์แบล็กเป็นคนบ้าวิทยาศาสตร์ ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกว่าเขามีความแค้นกับหยางเฉินไม่ใช่เหรอครับ? ด้วยการมกมุ่นกับวิทยาศาสตร์ เขาต้องกการหยางเฉินเพื่อนำเลือดของเขานั้นมาวิจัยไม่ใช่เหรอครับ?"

“และเรากำลังไล่ตามหาหยางเฉิน เหตุก็เกี่ยวกับดอกเตอร์แบล็ก อีกด้วย หากเป็นกรณีนี้ ทำไมไม่ให้เขาหาวิธีจัดการหยางเฉินล่ะ? ถ้าเขาสามารถนำตัวหยางเฉินกลับมาที่เมืองหวยเฉิงได้ นั้นก็เป็นเรื่องที่ดี"

“แน่นอน แม้ว่าเขาจะล้มเหลว มันก็ไม่สำคัญ เพราะเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนเมืองหวยเฉิงของเรา ถ้าเขาตาย เราก็แค่สูญเสียมนุษย์ครึ่งกลครึ่งคนแค่นั้นเอง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War