The king of War นิยาย บท 18

สรุปบท บทที่ 18 ไล่ออกจากตระกูล: The king of War

สรุปเนื้อหา บทที่ 18 ไล่ออกจากตระกูล – The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง

บท บทที่ 18 ไล่ออกจากตระกูล ของ The king of War ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 18 ไล่ออกจากตระกูล

นายท่านฉินพูดออกไปด้วยวาจาโหดร้ายอย่างวางก้าม

“ฉินซี ได้ยินแล้วใช่ไหม? มีเวลาแค่สามวัน ถ้าหากเธอยังจัดการกับประธานลั่วไม่ได้ ครอบครัวเธอทั้งครอบครัวจะต้องโดนไล่ออกจากตระกูลกันทั้งหมดแน่ ตั้งแต่ฉันจำความได้ ดูเหมือนว่าคำสั่งการของผู้นำจะยังไม่เคยถ่ายทอดคำสั่งเลยมั้ง?” ฉินเฟยพูดด้วยเสียงหัวเราะใหญ่โต สีหน้าเต็มไปด้วยความลำพองใจ

คำสั่งการของผู้นำเป็นคำสั่งที่มีระดับสูงสุดของตระกูลฉิน โดยผู้นำตระกูลใช้รูปแบบการเขียนอักษรออกคำสั่ง ทุก ๆ ปีจะออกคำสั่งการของผู้นำได้แค่ข้อเดียวเท่านั้น

ตอนนี้นายท่านฉินกลับจะออกคำสั่งการของผู้นำกับฉินซีให้ได้

ฉินซีเหม่อลอยไปแล้ว เธอไม่ได้คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่านายท่านฉินจะปฏิบัติต่อเธอเช่นนี้

ครั้งแรกที่เธอรู้สึกสิ้นหวังต่อตระกูล

ครั้งแรกที่ที่เธออยากจะตัดขาดจากตระกูลโดยสิ้นเชิง

ฉินซีไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปทุกวันมาสามวันติด แต่แม้แต่ประตูใหญ่เธอก็เข้าไปไม่ได้

ห้องทำงานประธานชั้นบนสุดของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป

ด้านหน้าของบานหน้าต่างขนาดใหญ่ที่ยาวจรดพื้น เงาของวัยรุ่นร่างหนึ่งยืนเอามือไพล่หลัง ก้มลงมองร่างกายที่บอบบางใต้ตึกนั่น ทั้งสายตาเต็มไปด้วยความไม่อดกลั้น

“ท่านประธานครับ สามวันแล้วนะครับ จะให้เธอเข้ามาไหมครับ?” ลั่วปิงถามด้วยท่าทางระมัดระวังเป็นพิเศษ

หยางเฉินส่ายหน้า “ต้องทำแบบนี้เท่านั้น เธอถึงจะสำนึกได้ แล้วตัดใจจากตระกูลฉิน ไม่อย่างนั้นตระกูลฉินก็จะทำแบบนี้กับเธออีก”

ฉินซีรออยู่ที่ประตูของบริษัทมาสามวันแล้ว หยางเฉินเองก็มองเธอจากด้านหน้าของหน้าต่างชั้นบนสุดมาสามวันแล้วเช่นกัน

เขากลับมาได้แค่ไม่กี่วันสั้น ๆ ฉินซีก็ต้องเจอกับความไม่เป็นธรรมและความอัปยศมากขนาดนี้แล้ว แค่คิดดูก็จะรู้ว่าห้าปีที่ผ่านมาผู้หญิงคนนี้ได้รับความทุกข์มามากเพียงไร

ฉินซียืนอยู่ข้างนอก แต่เขากลับเจ็บปวดอยู่ข้างในหัวใจ

ใต้อาคารเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ฉินยีมองพี่สาวด้วยสีหน้าปวดใจ พูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “พี่คะ นี่มันชัดเจนแล้วว่าตระกูลฉินล่วงเกินเยี่ยนเฉินกรุ๊ป แต่กลับให้พี่มาแบกรับภาระทั้งหมด ไม่คุ้มค่าเลยที่จะทำเพื่อตระกูลแบบนี้!”

ฉินซีพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “ฉันเป็นคนก่อตั้งซานเหอกรุ๊ปขึ้นมาด้วยตัวเอง ฉันทิ้งมันไปไม่ได้”

“แต่ว่าต่อให้พี่ทำให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปกลับไปทำสัญญากับตระกูลฉินได้จริง ๆ ตระกูลฉินก็ไม่มีทางคืนซานเหอกรุ๊ปให้กับพี่นะ!” ฉินยีขุ่นเคืองขึ้นมาบ้างแล้ว

“แต่ฉันเองก็ไม่สามารถยืนดูบริษัทพังทลายต่อหน้าต่อตาได้!” ฉินซีพูดไปน้ำตาไหลไป

ฉินยีเพิ่งจะโมโหอย่างรุนแรง แต่พอเห็นฉินซีร้องไห้ออกมาเธอเองก็ทนไม่ไหวแล้ว เธอกอดพี่สาวอย่างแนบแน่น พูดไปร้องไห้ไป “พี่คะ ทำไมพี่จะต้องทำแบบนี้!”

มองดูสองพี่น้องกอดคอกันร้องไห้ หยางเฉินที่ยืนอยู่ที่ชั้นบนสุดไม่ใจอ่อนลงเลยสักนิด

“ฉันจะไปหาประธานลั่ว!” ฉินยีปาดน้ำตาทีหนึ่ง พุ่งเข้าไปในบริษัท

สามวันมานี้ฉินซีรออยู่ข้างนอก เธอก็เคยไปหาประธานลั่วอยู่หลายครั้งหลายครา แต่เธอเป็นแค่เด็กใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาทำงาน จะไปพบประธานลั่วได้อย่างไร?

“ยียี เธออย่าวู่วามน่า! ถ้าตอนนี้เธอวิ่งเข้าไปหาประธานลั่ว ไม่แน่ว่าแม้แต่หน้าที่การงานของเธอก็จะหายไปด้วย”

มองดูฉินยีที่หุนหันพลันแล่นแล้วซุนเถียนก็มีสีหน้ากังวลใจ

“ต่อให้ต้องโดนไล่ออกฉันก็จะไปพบประธานลั่ว ต่อให้ไม่รับปาก แต่อย่างน้อยก็ต้องได้พบพี่สาวของฉัน! เธอยืนอยู่ข้างนอกมาสามวันแล้วนะ แม้แต่เงาของประธานลั่วก็ไม่ได้เห็น?” ฉินยีพูดด้วยความเดือดดาล

“เธอพูดเบา ๆ หน่อย!” ซุนเถียนรีบร้อนปิดปากของฉินยี

“เธอหลีกไปนะ!”

ฉินยีผลักตัวของซุนเถียนออกไป พุ่งเข้าไปทางห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่

“ปัง” เสียงหนึ่ง ฉินยีผลักประตูเข้าไปอย่างมีโทสะ

“ยียี!” ตอนที่ซุนเถียนตามเธอทันก็สายไปเสียแล้ว

“ประธานลั่ว ฉันรู้ค่ะว่าท่านเป็นคนใหญ่คนโต ไม่แลตามองพวกเราเลยสักนิด แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้นท่านก็ไม่สามารถมาดูถูกพวกเราได้นะคะ พี่สาวของฉันรอท่านมาสามวันแล้ว เรื่องนี้มันแค่พูดว่าได้หรือไม่ได้ แต่ทำไมท่านจะต้องทำแบบนี้ด้วย?” ฉินยีคำรามด้วยความเดือดดาล สองตาแดงก่ำ

ฉินเฟยยกมือขึ้นมาดูเวลาฉับพลัน ลุกขึ้นทันที “น่าจะได้เวลาแล้ว เรียกรปภ.ของบริษัทตามฉันไปดูเรื่องสนุก ๆ ในบ้านของฉินซี”

ทันใดนั้นคนที่มีความสัมพันธ์สายตรงของตระกูลฉินกลุ่มใหญ่ก็พารปภ. 7-8 คนตามฉินเฟยมุ่งหน้าไปในบ้านของฉินซี

“ปัง!”

โจวยู่ชุ่ยกำลังยุ่งอยู่ในครัว ก็ได้ยินเสียงดังมาจากประตูในฉับพลัน

“เหล่าฉิน เสียงอะไรน่ะ?” โจวยู่ชุ่ยรีบร้อนวิ่งออกมาจากห้องครัว มองดูฉินต้าหย่งที่ยังคงนั่งถือหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งด้วยมือทั้งสองข้างอ่านอยู่บนโซฟาด้วยความสงบนิ่ง

“คุณออกไปดูซิ!” ฉินต้าหย่งวางหนังสือพิมพ์ลงเดินออกจากห้องไป

เพียงแค่เขาออกไปก็เห็นประตูรั้วบ้านถูกรื้อออกมาแล้ว รปภ.ที่สวมชุดเครื่องแบบของซานเหอกรุ๊ป 7-8 คนก็พุ่งเข้ามา

และด้านหลังของรปภ.พวกนี้ยังมีบรรดาสายเลือดโดยตรงของตระกูลฉินหลายคนอยู่ด้วย ฉินเฟยยืนมองอยู่ด้านหน้าสุด

“ฉินเฟย นายจะทำอะไร?” ฉินต้าหย่งพูดด้วยความทั้งตกตะลึงทั้งโมโห

ฉินเฟยหัวเราะเหอะ ๆ เดินไปข้างหน้า มองดูฉินต้าหย่งที่มีใบหน้าเดือดดาล “ท่านปู่ให้เวลาลูกสาวของคุณสามวันให้ไปเกลี้ยกล่อมให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปทำสัญญากับพวกเราใหม่ ถ้าหากทำไม่ได้ก็จะขับไล่พวกคุณทั้งครอบครัวออกจากตระกูล ตอนนี้สามวันผ่านไปแล้ว คุณว่าผมมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”

“ใครกล้าวะ?” ฉินต้าหย่งขวางอยู่ที่ประตู โมโหจนไม่อาจระงับไว้ได้

“ลูกนอกสมรสคนหนึ่งครอบครองบ้านของตระกูลฉิน ยังกล้ามาอวดดีต่อหน้าฉัน!”

ฉินเฟยหัวเราะเสียงเย็น มือใหญ่โบกหนึ่งครั้ง “ไล่ทุกคนออกไปให้หมด”

โจวยู่ชุ่ยโผล่หน้าออกมานอกหน้าต่าง มองฉินต้าหย่งโดนรปภ.สองคนฝืนลากตัวเขาออกไปตาปริบ ๆ ทันใดนั้นก็ลุกลี้ลุกลนไม่หยุด หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกไปเบอร์หนึ่งทันที

สองพี่น้องที่กอดคอกันร้องไห้อยู่ที่ประตูของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปถูกเสียงเรียกเข้าที่ดังขึ้นมาฉับพลันทำให้หยุดชะงัก

ฉินซีเพิ่งจะรับสายโทรศัพท์ก็ได้ยินแค่เสียงที่สับสนอลหม่าน ฟังต่อไปก็ได้ยินเสียงโจวยู่ชุ่ยตะโกนเสียงดัง “เสี่ยวซี เธอกับเสี่ยวยีรีบกลับมา ฉินเฟยพาคนกลุ่มหนึ่งมาไล่พวกเราออกไป”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War