ติงเหวินจัวมองหน้าหยางเฉินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล คนอื่นต่างก็มองไปที่คนคนหนึ่งยางเฉินด้วย ในใจคิดแต่อยากดู หยางเฉินตกลงจะเอายังไงแน่ ที่จะยอมเปิดโอกาสให้ติงเหวินจัวอยู่ในสมาพันธ์บูโดได้
หยางเฉินหรี่ตามองไปที่ติงเหวินจัว เอ่ยปากขึ้นพูด “พรุ่งนี้การนัดประลองยุทธจากพวกผู้แข็งแกร่งตระกูลบูโดประเทศหยาง ให้เจ้าเป็นคนรับหน้าเปิดศึกคนแรก ขอเพียงเจ้าเอาชนะได้ในครั้งนี้ ก็จะให้เจ้าอยู่ในสมาพันธ์บูโดต่อไป”
พอคำพูดนี้ออกมา ติงเหวินจัวหน้าขาวซีดไปในทันที
เขามีพลังฝีมือเพียงแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นยอด ส่วนผู้แข็งแกร่งจากประเทศซัน ในเมื่อกล้ายกพลพรรคมาท้าประลองกับผู้แข็งแกร่งจิ่วโจว กองกำลังที่นำมาต้องมีพลังฝีมือที่เก่งกาจมากแน่นอน
ก็เหมือนอย่างอาโอกิ ยามาโตะที่มาท้าทายเมื่อก่อนหน้านี้ ระดับพลังบูโดก็ก้าวไปถึงกึ่งแดนหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นแล้ว และเขาคงไม่ใช่คนที่มีพลังฝีมือที่สูงที่สุดเป็นแน่
ติงเหวินจัวต้องกลัวจริง ๆ แน่นอน ให้เขาที่มีพลังฝีมือเพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นยอด ออกหน้าไปท้าดวล น่ากลัวจะดูไม่จืด
ถ้าให้เขาขึ้นเวทีประลองเป็นคนแรกจริง ผู้แข็งแกร่งจากประเทศซัน คงจะต้องฆ่าเขาทิ้งแน่นอน เพื่อจะได้เป็นการข่มขวัญผู้แข็งแกร่งจิ่วโจว
เห็นติงเหวินจัวไม่พูดอะไร ตู้จ้งออกปากเร่งรัด “ติงเหวินจัว แกจะเอาไงก็ว่ามาสิ!ท่านหัวหน้าอุตส่าห์ให้โอกาสนี้กับแกแล้ว รีบว่ามาเลย!”
“ติงเหวินจัว แกคงไม่ใช่กลัวตาย ที่ไม่กล้าขึ้นสู้ศึกแรกนะ?”
“ติงเหวินจัว ไหนแกคุยว่ามาจากตระกูลติงอันเป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ตอนเหนือ อยู่เขตุตอนเหนือ ก็เป็นคนใหญ่โตดังเอาการ ทำไมยังไม่ทันได้ถึงเวลาประลองยุทธ ก็ดันกลัวที่จะต้องขึ้นไปต่อสู้ซะแล้ว?”
……
ในช่วงเวลานั้น บรรดาเหล่าสมาชิกสมาพันธ์บูโดที่อยู่ภายในโถงจัดงาน ต่างพากันพูดประชดประชัน
ติงเหวินจัวมีสีหน้าชนิดดูไม่ได้อย่างสุด ๆ เรื่องการจัดตั้งสมาพันธ์บูโด ก็เขาเป็นคนนำเสนอ เดิมทีคิดว่ามีไป๋หลี่ฉางคงอยู่ ขอเพียงให้ไป๋หลี่ฉางคงได้ขึ้นเป็นหัวหน้าสมาพันธ์บูโด ก็เท่ากับเหมือนว่าตัวเขาได้เป็นหัวหน้า
โดยฐานะส่วนตัวของไป๋หลี่ฉางคงนั้น คงไม่ได้ประจำอยู่ในสมาพันธ์บูโดตลอด ถึงเวลานั้นกิจกรรมทุกอย่างในสมาพันธ์บูโด ก็ต้องเป็นไปตามที่เขาสั่งเท่านั้น
แต่ ที่ให้เขาคิดยังไงก็คิดไม่ถึงก็คือ ไป๋หลี่ฉางคงกลับอ่อนด้อยในฝีมือขนาดนี้ ไม่เพียงแต่สู้อาโอกิ ยามาโตะไม่ได้ ยังถึงขนาดต้องถูกหยางเฉินฆ่าทิ้งไปเสียแล้ว
ถึงเวลานี้ เขาผู้เป็นตัวจักรสำคัญในการนำเสนอให้จัดตั้งสมาพันธ์บูโด กลับกำลังจะถูกอัปเปหิออกจากสมาพันธ์บูโดเสียแล้ว
“ติงเหวินจัว โอกาสข้าก็ให้เจ้าแล้ว จะเก็บใช้ให้ดีหรือไม่ ก็อยู่ที่ตัวแกเองแล้ว ตอนนี้แกก็ไม่จำเป็นต้องรีบตอบคำถามอันนี้ของข้า ตอนนี้แกออกไปให้พ้นก่อนเลย!ถ้าหากพรุ่งนี้แกกระโดดขึ้นเวทีประลองเป็นคนแรก รอให้การประลองยุทธครั้งนี้เสร็จสิ้นลง ก็จะให้แกเข้าเป็นสมาชิกของสมาพันธ์บูโด”
ในตอนนี้หยางเฉินก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา พูดจบ เขากวาดสายตามองไปที่ทุกคน เอ่ยปากพูดว่า “ทุกท่านยังมีเรื่องอะไรจะพูดไหม?ถ้าไม่มี การประชุมครั้งที่หนึ่งของสมาพันธ์บูโด ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้”
ทุกคนส่ายหน้า ตู้จ้งก้าวขึ้นมาข้างหน้า เอ่ยปากพูดว่า “ท่านหัวหน้า พวกเราพรุ่งนี้พบกันที่โรงเทพบู๊!”
“ตกลง!”
หยางเฉินผงกหัว แล้วก็หันหลังเดินจากไป
หลังจากหยางเฉินจากไป ตู้จ้งมองไปที่ติงเหวินจัว สะบัดเสียงฮึออกจมูก พูดว่า “ติงเหวินจัว ข้ารู้ว่าเจ้าหวังจะครอบครองสมาพันธ์บูโดไว้ในมือเจ้า แต่ข้าจำเป็นต้องบอกแกไว้คือ มันเป็นเรื่องที่มีอยู่ได้แต่ในความฝันของแก ตอนนี้ไม่ต้องคิด ต่อไปก็ไม่ต้องคิด!”
พูดจบ เขาก็หันตัวเดินจากไป
สมาชิกสมาพันธ์บูโดคนอื่น ๆ ก็ทยอยกันจากไป ก่อนออกไปของแต่ละคน ต่างก็มองหน้าติงเหวินจัวอย่างไม่สบอารมณ์
คงเหลือติงเหวินจัวตัวคนเดียว ยืนอยู่ในห้องโถงจัดงาน สีหน้าท่าทาง ออกอาการบิดเบี้ยวขึ้นมา กำหมัดทั้งสองแน่น ด้วยเหตุจากความโกรธ ทั้งตัวสั่นระริกเบา ๆ
“หยางเฉิน!”
ติงเหวินจัวพูดไปกับการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ในเมื่อแกบีบคั้นข้าแบบนี้ ก็อย่ามาโทษข้าที่ไม่ไว้หน้าแกแล้ว”
พูดจบ หยิบเอาโทรศัพท์ออกมา ต่อโทรศัพท์ออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...