The king of War นิยาย บท 1882

สรุปบท บทที่ 1882: The king of War

สรุปเนื้อหา บทที่ 1882 – The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง

บท บทที่ 1882 ของ The king of War ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตู้จ้งเกิดเรื่อง

หลังจากฟังคำพูดของหยางเฉิน หม่าชาวก็มีสีหน้าดูเศร้าหมอง เขารู้ว่าหยางเฉินพูดถูก แต่ว่า เมื่อคิดถึงความแค้นอันยิ่งใหญ่ขอตน เขาก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่

เช่นเดียวกับครั้งนี้ หยางเฉินต้องผ่านความยากลำบากนับไม่ถ้วนและถึงขั้นต้องต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด หลายครั้งที่เขาเกือบจะเสียชีวิตในแม่น้ำหวยเหอ แต่ก็ยังได้รับแก้ววิเศษจรัสราตรีที่สามารถหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณมาจากเมืองหวยเฉิงได้

และเป็นเพราะการครอบครองแก้ววิเศษจรัสราตรีนี้เอง ถึงทำให้เขาฟื้นขึ้นอย่างรวดเร็ว

“แต่ว่า ผมเองก็เป็นลูกคนหนึ่งเหมือนกัน!”

ผ่านไปเนิ่นนาน หม่าชาวก็พูดขึ้นด้วยดวงตาสีแดงก่ำ

หยางเฉินเงียบไปทันที ใบหน้าของเขามีความผิดหวังปรากฏขึ้น ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่หม่าชาว

หม่าชาวรู้สึกผิดทันทีและก้มศีรษะลง

เขารู้ว่านี่ก็แค่เป็นเหตุผลที่เขาบังคับตัวเองเพื่อไปที่ภูเขาวมาร เท่านั้น หรือพูดอีกอย่างก็คือ เพื่อแก้แค้น เขายอมละทิ้งภรรยาและลูก ๆ ของเขา

แม้ว่าการเดินทางไปยังภูเขาวมารจะไม่อาจฆ่าเขา แต่ภูเขาวมารก็ยังคงเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างมากและเหมือนการก้าวขาสู่ความตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง

แม้แต่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด ก็อาจจะถูกฆ่าได้ทุกเมื่อ รนับประสาอะไรกับเขาที่ตอนนี้ยังมีพลังอยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นต้นเท่านั้น

ในภูเขาวมาร ไม่มีใครพูดถึงเรื่องความยุติธรรม ไม่มีใครปล่อยคุณไปเพียงเพราะแดนบูโดของคุณอ่อนแอเกินไป ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด ถ้าอยากฆ่าคน ก็ไม่ลังเลที่จะฆ่าคนที่มีพละกำลังต่ำกว่าตัวเองไปมาก

หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง หยางเฉินก็ถอนหายใจและพูดว่า “บางที ฉันเองก็อาจไม่มีคุณสมบัติที่จะหยุดนายจากการไปที่ภูเขาวมาร เพราะฉันเองก็ทิ้งภรรยาและลูกๆ ไปเช่นกัน แถมยังมีอีกหลายครั้งที่ต้องเกือบตาย”

หม่าชาวลนลานทันทีและรีบพูดขึ้น “พี่เฉิน อย่าเข้าใจผมผิด ผมไม่เคยคิดว่าพี่ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะห้ามผม เพียงแต่ เพราะผม แม่ถึงต้องถูกกักบริเวณในบ้านตระกูลไป๋หลี่มาจนถึงทุกวันนี้จนเป็นเวลาถึง 27 ปีเต็มแล้ว ผมเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะต้องแบกรับความทุกข์ไปมากขนาดไหนแล้ว”

“นอกจากนี้ ผมยังอยากให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุดและพยายามตามพี่ให้ทัน”

หยางเฉินมองไปที่หม่าชาวด้วยใบหน้าที่ซับซ้อนและพูดว่า "ทุกคนมีชีวิตของตัวเอง เหตุผลที่ฉันต้องการห้ามนายก็เพราะนายเป็นน้องชายที่ดีของฉัน ฉันไม่อยากให้นายไปตายและไม่อยากให้นายทิ้งภรรยาและลูก ๆ ของนายไว้ข้างหลัง"

“ส่วนเรื่องจะไปภูเขาวมารหรือไม่ หากนายตัดสินใจที่จะไปแล้ว อย่างนั้นก็ต้องให้คำอธิบายกับอ้ายหลิน นายคิดดีแล้วหรือยัง”

พูดจบ หยางเฉินก็หันหลังกลับและเดินไปที่สำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโด

เมื่อเขามาถึงบริเวณสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโด ในลานล้วนเต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่งของสมาพันธ์บูโด ทุกคนมองมาที่เขาด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นและไม่ปกปิดความชื่นชมของตนที่มีต่อหยางเฉิน

อย่างไรก็ตาม ยังมีนักบู๊ 30 คนในนั้นที่ตอนนี้กำลังมีสีหน้าเป็นกังวล

คนเหล่านี้ก็คือนักบู๊ที่ติงเหวินจัวนำมา

คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ใช่สมาชิกของตระกูลติงซึ่งเป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ของภาคเหนือ เพราะต่อให้เป็นตระกูลติงก็ไม่มีนักบู๊แดนเหนือมนุษย์มากขนาดนี้

ในเวลานี้ นักบู๊แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลางคนหนึ่งก็ออกมาและเอ่ยปากว่า “สวัสดี หัวหน้าสมาคม! ผมหนิงเทียนเหอ รองหัวหน้าสมาพันธ์บูโดของสมาพันธ์บูโด!"

หลังจากได้ยินคำพูดของหยางเฉินหงฝูและเว่ยเทียนก็ตะลึงไปและกล่าวด้วยใบหน้าอับอาย “ขอบคุณหัวหน้าสมาคมที่เข้าใจ แต่หัวหน้าสมาคมได้โปรดลงโทษพวกฉันเถอะ ในฐานะผู้อาวุโสของสมาพันธ์ พวกเราละเลยที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เมื่อสมาพันธ์ถูกทรยศและข่มขู่”

“พวกเราไม่เหมาะที่จะเป็นผู้อาวุโสของสมาพันธ์บูโดเลยสักนิด ดังนั้นหัวหน้าสมาคมได้โปรดปลดพวกเราออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสเถอะ ตำแหน่งที่สำคัญเช่นนี้ควรให้บุคคลที่เหมาะสมกว่ามารับมันไป”

หนิงเทียนเหอ กลัวว่าหยางเฉินจะลงโทษหงฝูและเว่ยเทียนจริงๆ ดังนั้นเขาจึงรีบพูดว่า “หัวหน้าสมาคม แม้ว่าหงฝูและเว่ยเทียนจะไม่ได้ลุกขึ้นต่อสู้ในทันที แตท้ายที่สุดพวกเขาก็ลุกขึ้นมาต่อสู้ อีกทั้งพวกเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งสุดในสมาพันธ์บูโดของเรา ความสามารถของพวกเขาโดดเด่นอย่างมาก ได้โปรดหัวหน้าสมาคมอย่าได้ปลดพวกเขาออกจากตำแหน่ง”

หยางเฉินไม่มีจิตใจจะมาจัดการเรื่องพวกนี้ เขาพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ลงโทษผู้อาวุโสทั้งสองคน"

เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไปดังนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องทันทีและถามว่า “ท่านตู้ล่ะ?”

หนิงเทียนเหอ และคนอื่นๆ มีสีหน้าเคร่งขรึม หนิงเทียนเหอ เอ่ยว่า "หลังจากหัวหน้าสมาคมอยู่อาการบาดเจ็บสาหัสและหมดสติไป แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดที่ได้รับเชิญมาที่นี่ต่างบอกว่าพวกเขาไม่สามารถรักษาคุณได้ ท่านตู้ได้ยินว่ามียาโบราณที่เรียกว่ายาคืนชีพที่แม้ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดก็สามารถรักษาชีวิตได้ ดังนั้นเขาจึงออกจากสมาพันธ์ไปและตามหายาคืนชีพมาให้คุณ"

เมื่อได้ยินแบบนั้น ในใจของหยางเฉินก็อุ่นขึ้นในทันใด ตนและตู้จ้งเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ตู้จ้งกลับไปตามหายาช่วยชีวิตมาให้ตน

ในเวลานี้ เว่ยเทียนเฉิง ถอนหายใจและพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างมาก "มาตอนนี้บนโลกนี้ไม่มีไม่มีนักปรุงยาแล้ว และยาที่เหลืออยู่ในโลกนี้ก็ล้วนเป็นสิ่งที่หลงเหลือมาจากสมัยโบราณ"

“แม้แต่ในตระกูลบู๊โบราณ ยาคืนชีพเองก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่ามาก รองหัวหน้าตู้คิดจะหามันมา เกรงว่าเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง”

หงฝูเองก็กล่าวด้วยสีหน้ากังวลว่า “หวังว่ารองหัวหน้าตู้จะไม่เกิดเรื่องขึ้น!”

ในเวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีสมาชิกคนหนึ่งของสมาพันธ์บูโดวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่กระวนกระวายและรีบพูดว่า “ไม่ได้การแล้ว รองหัวหน้าตู้เกิดเรื่องแล้ว!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War