The king of War นิยาย บท 1936

สรุปบท บทที่ 1936 ก็ลองดูสิ: The king of War

ตอน บทที่ 1936 ก็ลองดูสิ จาก The king of War – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1936 ก็ลองดูสิ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต The king of War ที่เขียนโดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“พี่เฉิน!”

หม่าชาวหันหน้าไปมองหยางเฉิน แววตาเต็มไปด้วยความสับสน

พลังปราณบูโดที่กำลังปะทุขึ้น ก็ค่อย ๆ สลายไป

“สำหรับตัวเจ้า เรื่องสำคัญที่สุดในขณะนี้คือคิดวิธีทำให้ตัวเองแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นให้เร็ว อย่าคิดกังวลแต่ว่าตัวเองเป็นภาระของข้า พวกเราเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกัน หากวันหนึ่งวันใด ข้าจำเป็นต้องให้เจ้าช่วย ข้าก็จะไม่ขัดเจ้าเลย”

หยางเฉินมองหน้าพูดกับหม่าชาว

หม่าเชากำหมัดทั้งสองยกขึ้น ผงกหัวอย่างหนักแน่น “พลังฝีมือของเขาเก่งกาจมาก พี่เฉินต้องระวังให้มาก!”

หยางเฉินตบบ่าหม่าชาวเบา ๆ แล้วหันเดินมุ่งหน้าไปที่กลางลานประลองยุทธ

ลูกแก้วดูดเลือดในตัวหม่าชาว เพิ่งถูกลี่เฉินบล็อกไว้ไม่นาน ถึงแม้ในช่วงสั้น ๆ จะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่หม่าชาวใช้พลังมากเกินไป ลูกแก้วดูดเลือดก็สามารถฝ่าทะลวงจุดบล็อกกลับไปเหมือนเดิมได้

เวลานี้ ถึงแม้เขาจะเข้าไปฝึกพลังวิชาสายมาร แต่ด้วยพลังบูโดที่เขาฝึกอยู่ในขณะนี้ ไม่มีทางที่จะใช้พลังวิชาสายมารมาสยบลูกแก้วดูดเลือดได้

เกาสงถึงขนาดมารแดงยังถูกเขาถล่มแพ้ไปได้ คิดดูก็รู้ได้ว่า พลังฝีมือเขาเก่งกาจไปถึงขนาดไหน ด้วยพลังฝีมือของหม่าชาวในตอนนี้ ไม่มีทางเลยที่จะไปต้านรับฝ่ายตรงข้ามได้ถึงสามกระบวนท่า

เห็นหยางเฉินเดินขึ้นไปยังสนามประลองยุทธ เหล่าบรรดาผู้แข็งแกร่งสำนักมาร ต่างตื่นตาประหลาดใจกัน

ผู้แข็งแกร่งสำนักมารที่อยู่ในบริเวณนั้น ส่วนใหญ่ก็ได้เห็นกับตาแล้ว กับการศึกที่หยางเฉินถล่มเนี่ยชิวแพ้ไป ถึงแม้ดูจะเต็มกลืน แต่พลังฝีมือของหยางเฉินในขณะนั้น ยังอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง แต่มาตอนนี้ ขั้นแดนบูโดของเขา ได้ก้าวขึ้นไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายแล้ว

หยางเฉินหากต่อสู้กับเกาสง แล้วใครจะเก่งกาจกว่า?

ก่อนหน้านี้ที่หยางเฉินถล่มเนี่ยชิวแพ้ไปนั้น เกาสงไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ฉะนั้นกับหยางเฉิน จึงเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น

มองไปยังหยางเฉิน เกาสงขมวดคิ้วย่น พูดเสียงเหยียด “ข้าจะให้หม่าชาวขึ้นมาสู้ แล้วนี่แกเป็นตัวอะไร?คู่ควรหรือจะมาสู้กับข้า?”

นัยน์ตาหยางเฉินทอประกายคมกริบออกมาสายหนึ่ง หรี่ตามองไปที่ฝ่ายตรงข้ามพูดว่า “ท่านเจ้าสำนักลี่ยังไม่ทันได้ออกไปพ้นจากสำนักมาร เจ้าก็รีบรนคิดจะมาสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักสำนักมารแล้วหรือ?”

พูดคำนี้ออกไป ทำเอาเกาสงหน้าเสียขึ้นมาทันที

เหล่าบรรดาผู้แข็งแกร่งสำนักมาร ต่างตื่นตระหนกตกใจกันเต็มหน้า

เกาสงยิ่งโกรธด้วยความละอายขึ้นมาในพลัน ตวาดขึ้นมาลั่นว่า “ผายลม!ข้าเกาสงเคยคิดเมื่อไหร่ว่าจะชิงเอาตำแหน่งเจ้าสำนัก?”

หยางเฉินพูดเสียงหนาวเหน็บไปว่า “ในเมื่อไม่มี งั้นคำสั่งของท่านเจ้าสำนักลี่ คนอื่น ๆ ถึงแม้มีที่ไม่พอใจอยู่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าออกมาท้ากวน แต่เจ้าที่เป็นหนึ่งในสี่ยอดขุนพลมาร กลับเลือกเอาเวลานี้ กระโดดตัวออกมา ท้าทายคำสั่งของท่านเจ้าสำนักอย่างเปิดเผย?”

ได้ยินคำพูดของหยางเฉิน พวกผู้แข็งแกร่งสำนักมารเหล่านั้น แต่ละคนต่างก็รู้สึกเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

เป็นอย่างที่หยางเฉินว่า ในสำนักมาร ลี่เฉินในฐานะเจ้าสำนัก คำสั่งของเขา แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครไม่เคารพ ให้แม้ว่ามีคนมีความเห็น แต่เมื่อลี่เฉินได้แจงเรื่องราวชัดเจนแล้ว ก็ไม่มีใครโต้แย้งอีก

ก็เช่นอย่างตอนที่ลี่เฉินว่าจะให้หม่าชาวสืบทอดตำแหน่งทายาทมารนั้น เท็จจริงแล้วก็มีผู้แข็งแกร่งสำนักมารจำนวนมากที่ไม่พอใจ แต่เมื่อลี่เฉินแจงชัดไป จะให้หม่าชาวรับสืบทอดเป็นทายาทมารแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าเสนอความคิดไม่เห็นด้วยอีกเลย

แต่มาขณะนี้ เห็นอยู่แล้วว่ากำลังจะเริ่มพิธีแต่งตั้งหม่าชาวให้สืบต่อเป็นทายาทมาร เกาสงกลับกระโดดออกมา ประกาศว่าจะต้องให้หม่าชาวรับมือเขาให้ได้สามกระบวนท่า จึงจะยินยอมนับถือหม่าชาวเป็นทายาทมาร

แต่ทว่า เกาสงเป็นถึงสุดยอดผู้แข็งแกร่งที่ขนาดมารแดงยังถูกถล่มแพ้ไป หม่าชาวเพียงแค่มีพลังบูโดในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นยอดเล็ก ๆ จะมารับมือเกาสงได้ถึงสามกระบวนท่ายังไงไหว?

หากว่าไปกระตุ้นสายเลือดคลั่ง ทั้งใช้พลังแห่งธาตุ เขามั่นใจได้เลยว่าชนะเกาสงได้อย่างง่ายดาย

ในชั่วพริบตาที่หยางเฉินขยับ สีหน้าเกาสงก็เปลี่ยนไปในฉับพลันนั้น

มาถึงขณะนี้ เขาถึงได้รู้สึกตัว หยางเฉินนั้นเป็นถึงขั้นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย ที่สำคัญ หยางเฉินอายุแค่เท่าไหร่เอง?

วินาทีต่อมา หยางเฉินก็ร่อนมาถึงตัวแล้ว

“ปึง!”

เห็นกันชัดกับหมัดตรงของหยางเฉิน อัดเข้าไปทีกลางอกเกาสงอย่างสุดโหด เสียงดังสนั่นลั่น เกาสงถูกแรงกระแทกเซถอยไปก้าวเล็ก ๆ

ถึงแค่เพียงก้าวเล็ก ๆ แต่ก็ทำเอาเกาสงหวั่นสะท้านและกินใจ

อายุเพียงน้อย ๆ นี้ มีพลังฝีมือแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย ก็ถือได้ว่าเป็นที่น่าสะท้านกลัวมากแล้ว

แต่ไม่คิดว่า หยางเฉินกลับสามารถระเบิดพลังแรงได้ถึงขนาดนี้ หมัดเดียวทำให้เขาเซถอยได้

ถึงแม้มีเหตุที่ทำให้เขาดูแคลนคู่ต่อสู้ได้ แต่แรงโจมตีมาครั้งนี้ ยังคงทำให้เขาสะท้านหวั่นไหวอย่างใหญ่หลวง

“มิน่าถึงกล้ารับคำท้ากับข้า ที่แท้ก็มีฝีมืออยู่มั่งนี่นะ”

เกาสงหัวเราะเสียงเยือก ๆ แววตายังคงเต็มไปด้วยความเหยียดหมิ่น จ้องหน้าหยางเฉินพูดว่า “ถ้าแกมีพลังฝีมือเพียงแค่นี้ งั้นคิดจะรับมือข้าถึงสามกระบวนท่า ความหวังท่าจะไม่มีเอาเลยเสียแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War