คำพูดของไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านทำให้หยางเฉินยืนเหม่ออยู่กับที่ไปโดยสิ้นเชิง
หากตัวเองทำลายม่านพลังจริง ๆ จะถูกผู้คนในโลกมนุษย์ตราหน้าว่าเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายชีวิตอันสงบสุขของพวกเขาจริง ๆ หรือ?
ลี่เฉินพูดอย่างโกรธเคือง: “พวกเจ้าอย่าได้กล่าววาจาเท็จสะกดฝูงเชียว! ต่อให้ม่านพลังนี้แตกสลายไปแล้ว มันก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหยางเฉิน หากจะโทษ ก็ต้องโทษผู้คนในโลกบู๊โบราณอย่างพวกเจ้าที่ไม่สนกฎเกณฑ์ของพันธมิตรพิทักษ์ เข้ามาในโลกมนุษย์ตามอำเภอใจ”
“ที่นี่คือโลกมนุษย์ มิใช่โลกบู๊โบราณ อ้างอิงตามกฎเกณฑ์ของพันธมิตรพิทักษ์คือ ไม่อนุญาตให้นักบูโดในโลกบู๊โบราณย่างกรายเข้ามาในโลกมนุษย์ หากพวกเจ้าไม่อยากทำให้ม่านพลังแตกสลาย ก็รีบไสหัวออกไปจากโลกมนุษย์ซะ!”
หลังจากตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยวใส่ไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านเสร็จ ลี่เฉินก็หันไปมองหยางเฉินอีกครั้ง ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความตึงเครียด: “หยางเฉิน เจ้าอย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลของพวกมัน ทุกการกระทำในปัจจุบันของเจ้าล้วนเป็นการปกป้องโลกมนุษย์ วันนี้หากเจ้าประนีประนอมต่อพวกมัน ต่อไปพวกมันมีเพียงจะกําเริบเสิบสานมากยิ่งขึ้น ผู้แข็งแกร่งในโลกบู๊โบราณก็จะเข้ามาในโลกมนุษย์มากยิ่งขึ้น”
“พวกมันคงจะคิดว่าในโลกมนุษย์ไม่มีผู้ใดที่สามารถต้านทานพวกมันได้ หากพันธมิตรพิทักษ์เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ มันก็ยังเป็นภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่สำหรับโลกมนุษย์อยู่เช่นเคย”
“เพราะฉะนั้น วันนี้จะประนีประนอมต่อพวกมันไม่ได้เด็ดขาด!”
คำพูดของลี่เฉินทำให้หยางเฉินเหมือนตื่นมาจากฝัน
หากตัวเองประนีประนอมจริง ๆ ก็เท่ากับต้องปล่อยให้พวกเขานำตัวเฝิงเสียวหว่านไปยังโลกบู๊โบราณมิใช่หรือ?
หากไปโลกบู๊โบราณจริง ๆ เฝิงเสียวหว่านยังจะถูกปล่อยออกมาได้อีกหรือ?
หากครั้งนี้พวกเขานำตัวเฝิงเสียวหว่านไป เช่นนั้นครั้งต่อไปผู้แข็งแกร่งในโลกบู๊โบราณก็จะย่างกรายเข้ามาในโลกมนุษย์อีกหรือไม่ และใช้อำนาจนำตัวผู้คนในโลกมนุษย์ที่พวกเขาต้องการไป?
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ จิตจะฆ่าที่อยู่บนตัวหยางเฉินก็เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ลี่เฉินแหงนหน้ามองท้องฟ้าแล้วพูดต่อ: “จะว่าไปมีเพียงเนื้อหนังของเจ้าเท่านั้นที่ฝ่าฟันภัยพิบัติสวรรค์ไปแล้ว ส่วนแดนบูโดยังไม่บรรลุถึงแดนนภา อิงจากกฎเกณฑ์ของพันธมิตรพิทักษ์ มีเพียงผู้ที่แดนบูโดบรรลุถึงแดนนภาแล้ว ถึงจะถูกนำตัวไปยังโลกบู๊โบราณ”
“ถึงแม้เจ้าจะมีศักยภาพที่สามารถเทียบเคียงกับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นได้ แต่ในขณะต่อสู้กับศัตรู เจ้าไม่จำเป็นต้องสูญเสียชี่ทิพย์จำนวนมากเหมือนดั่งผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น ดังนั้นด้วยเหตุนี้ม่านพลังจะไม่ถูกทำลาย”
เมื่อได้ยินคำพูดของลี่เฉิน สีหน้าของไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านต่างดูย่ำแย่มาก
พวกเขาปฏิบัติต่อหยางเฉินเหมือนเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาคนหนึ่งมาโดยตลอด แต่ทว่าบัดนี้พวกเขาถึงจะตระหนักได้ว่า หยางเฉินไม่ถือเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาที่แท้จริงแต่อย่างใด ในเมื่อไม่ใช่ การต่อสู้ระหว่างพวกเขาก็จะไม่ทำให้ม่านพลังแตกร้าว
ในเมื่อม่านพลังไม่แตก หยางเฉินก็ไม่มีเรื่องที่ต้องเป็นห่วงอีก หากต้องต่อสู้กันจริง ๆ โอกาสที่พวกเขาจะพ่ายแพ้นั้นสูงมาก ๆ
“ไสหัวไป!”
หยางเฉินคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
ออร่าบู๊ที่น่าเกรงขามและสยดสยองพุ่งตรงไปทางพวกเขาทั้งสอง
วินาทีนี้ ไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านต่างสัมผัสได้ถึงจิตจะฆ่าที่ทิ่มแทงไปถึงกระดูก ร่างกายของทั้งสองต่างสะดุ้งอย่างควบคุมไม่ได้
“หยางเฉิน เจ้าอย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลยนะ การที่พวกเราให้เจ้าเข้าร่วมตระกูลของเรานั้น มันเป็นเกียรติและโชคของเจ้า!”
ไป๋หลี่เย่พูดด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเคือง: “หากเจ้าประเมินสถานการณ์ออกว่าต้องทำอย่างไร ก็เข้าร่วมราชวงศ์ไป๋หลี่ซะ นี่เป็นที่พักพิงที่ดีที่สุดของเจ้าต่างหาก!”
เจียงจ้านก็พูดเช่นกันว่า: “หากเจ้าไม่อยากเข้าร่วมตระกูลของพวกเรานั้น ก็ได้อยู่ แต่ทว่าเฝิงเสียวหว่านจำเป็นต้องไปโลกบู๊โบราณพร้อมกับพวกเข้า!”
“รนหาที่ตาย!”
หยางเฉินตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนที่เขาจะขยับเท้าแล้วพุ่งตรงเข้าไปทางเจียงจ้าน
สีหน้าของเจียงจ้านเปลี่ยนไปในทันที ไม่นึกเลยว่าหยางเฉินจะกล้าลงมือโจมตีจริง ๆ
สีหน้าของไป๋หลี่เย่ก็ดูหนักอึ้งเช่นกัน เขารู้อยู่ว่าบัดนี้ตนจำเป็นต้องยืนอยู่บนแนวรบเดียวกันกับเจียงจ้าน มิเช่นนั้นหากพวกเขาทั้งสองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสูญเสียกำลังรบ อีกฝ่ายก็ต้องสูญเสียกำลังรบไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ออร่าบู๊ที่แผ่กระจายออกมาจากตัวหยางเฉินแข็งแกร่งมากเกินไป พวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะต้านทานมันได้เลยด้วยซ้ำ
“เจ้าและข้าร่วมมือกัน! แม้จะฆ่ามันไม่ได้ แต่ก็ต้องทำให้มันบาดเจ็บสาหัส!”
ไป๋หลี่เย่เอ่ยปากพูดกับเจียงจ้าน
เจียงจ้านหยักหน้า ยังไม่ทันได้ตอบกลับ การโจมตีของหยางเฉินก็มาถึงแล้ว
ทั้งสองคนพุ่งตรงเข้าไปทางหยางเฉิน โดยที่คนหนึ่งพุ่งไปทางซ้ายคนหนึ่งพุ่งไปทางขวา
“ปัง!”
กำปั้นของหยางเฉินร่วงลงอย่างดุดัน โจมตีลงกลางหน้าอกเจียงจ้านอย่างเต็มแรง เสียงกระแทกดังทุ้มขึ้น ก่อนที่ร่างกายของเจียงจ้านจะถอยหลังกลับไปเจ็ดแปดก้าว
ในขณะเดียวกัน การโจมตีของไป๋หลี่เย่ก็ร่วงลงไปทางหยางเฉินเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...