The king of War นิยาย บท 2020

ไม่นานนัก ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจของหยางเฉินก็หายไป เนื่องจากจิตวิญญาณของเทพมารกำลังจะหลับใหลแล้ว

ถึงแม้เทพมารจะนำวิชาลับเชียนเสวียนที่ผ่านการแก้ไขแล้วถ่ายทอดให้แก่เขา แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเพียงนักบูโดที่เพิ่งบรรลุสู่แดนนภาคนหนึ่ง และเมื่อครู่จิตวิญญาณของเทพมารอาศัยร่างกายของเขา ระเบิดศักยภาพที่เทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอดออกมา กดอัดเหล่าผู้แข็งแกร่งในพันธมิตรพิทักษ์

เรื่องนี้จะแพร่งพรายไปทั่วทั้งโลกบู๊โบราณล่างอย่างรวดเร็ว ทันทีที่กองกำลังทั้งหลายร่วมมือกันเพื่อมาทำลายจิตวิญญาณของเทพมารละก็ ถึงครานั้น จิตวิญญาณของเทพมารหลับใหลไปแล้ว เช่นนั้นก็หมายความว่าไฟโกรธทั้งปวงจะร่วงลงบนหัวเขามิใช่หรือ? 

“ผู้อาวุโสขอรับ ท่านหลับใหลนานเท่าไหร่ถึงจะฟื้นคืนมาหรือ?”

หยางเฉินถามอย่างระมัดระวัง 

แต่ทว่าเขาสอบถามติดต่อกันหลายครั้ง ก็ไม่ได้รับการตอบรับใด ๆ จากเทพมารเลย เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาเข้าสู่การหลับใหลไปโดยสิ้นเชิงแล้ว 

และในเวลานี้ เหล่าผู้แข็งแกร่งในพันธมิตรพิทักษ์ ต่างมองไปทางม่านพลังที่กำลังค่อย ๆ พังทลายลงไปด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่ พวกเขาทราบอยู่ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่มีทางซ่อมแซมม่านพลังให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีกแล้ว เกรงว่าใช้เวลาอีกไม่นาน ม่านพลังก็จะหายไปโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งรวมเข้ากับโลกมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกัน

นักบูโดในเยี่ยนตูต่างสัมผัสได้ถึงชี่ทิพย์ที่เข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ละคนเริ่มเข้าสู่สภาวะการบำเพ็ญตน และมีนักบูโดบรรลุอยู่ตลอดเวลา 

“ปรมาจารย์กู่ หมดหนทางแล้วจริง ๆ หรือ?”

สิงจี๋มองไปทางปรมาจารย์กู่พลางถามด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด

ปรมาจารย์กู่ส่ายหน้าแล้วตอบกลับเสียงต่ำ: “แค่อาศัยปรมาจารย์ค่ายกลในโลกบู๊โบราณล่าง ไม่มีความหวังที่จะซ่อมแซมรอยร้าวม่านพลังที่ใหญ่โตมหึมาเช่นนี้ให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ด้วยซ้ำ ดูจากสถานการณ์ ณ บัดนี้ หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ มากสุดอีกเพียงสามวัน ม่านพลังก็จะหายไปโดยสิ้นเชิง”

ใบหน้าของสิงจี๋เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ เขากัดฟันแน่นแล้วถามว่า: “ไม่มีวิธีการอื่น ๆ แล้วหรือ? ยกตัวอย่างเช่นตามหาปรมาจารย์ค่ายกลที่แข็งแกร่งมากกว่า”

ปรมาจารย์กู่หัวเราะอย่างขมขื่น: “นอกเสียจากว่าเป็นปรมาจารย์ค่ายกลที่อยู่เหนือแดนนภาขั้นสาม แต่ทว่าในโลกบู๊โบราณล่าง ไม่มีนักบูโดที่อยู่สูงกว่าแดนนภาขั้นสามด้วยซ้ำ แล้วจะมีทางมีปรมาจารค่ายกลที่อยู่สูงกว่าแดนนภาขั้นสามหรือ? อีกอย่างในสายตาของผู้แข็งแกร่งโลกบู๊โบราณกลาง ไม่ว่าจะเป็นโลกบู๊โบราณล่าง หรือโลกมนุษย์ก็ตาม ล้วนไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับพวกเขา นอกเสียจากว่าจะเกิดเรื่องที่สร้างความเสียหายให้แก่ม่านพลังระหว่างโลกบู๊โบราณล่างและโลกบู๊โบราณกลาง ปรมาจารย์ค่ายกลในโลกบู๊โบราณกลางถึงจะลงมือช่วย”

นิ่งเงียบอยู่นานมาก สิงจี๋ถึงเอ่ยปากพูด: “ข้าเข้าใจแล้ว!”

หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปยังทิศทางของหยางเฉินด้วยแววตาที่ลึกซึ้งรอบหนึ่ง ภายในแววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความโกรธแค้น กัดฟันแน่นพลางพูด: “ข้าไม่สนว่าบัดนี้เจ้าจะเป็นเทพมารหรือหยางเฉิน แต่ข้าจำเป็นต้องบอกกับเจ้าว่าพันธมิตรพิทักษ์ไม่ใช่ผู้ที่เจ้ามีสิทธิ์รุกราน”

“สักวัน เจ้าต้องชดใช้ผลกรรมอันร้ายแรงต่อทุกสิ่งอย่างที่เจ้ากระทำ!”

หยางเฉินมองไปทางฝ่ายตรงข้ามแล้วพูดอย่างเยือกเย็น: “ข้าจะคอยดูพวกเจ้าให้ข้าชดใช้ผลกรรมแล้วกันนะ!”

สิงจี๋ไม่ได้พูดอะไรมากอีก โบกมือทีหนึ่งแล้วตะคอกเสียงดัง: “เราไปกันเถอะ!”

ภายในเวลาชั่วขณะ ผู้แข็งแกร่งทุกคนจากพันธมิตรพิทักษ์ก็ต่างพากันหันหลังแล้วเดินจากไป 

ปรมาจารย์กู่และเหล่าปรมาจารย์ค่ายกลก็มองไปยังทิศทางของหยางเฉินด้วยแววตาที่ลึกซึ้งรอบหนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็จากไปพร้อมกับเหล่าผู้แข็งแกร่งจากพันธมิตรพิทักษ์ 

“พี่หยาง!”

เมื่อทุกคนจากไปแล้ว เฝิงเสียวหว่านก็ตะโกนเสียงดังคำหนึ่ง ก่อนจะวิ่งตรงไปทางหยางเฉิน พุ่งตรงเข้าไปในอ้อมอกหยางเฉินแรง ๆ มือทั้งสองข้างกอดหยางเฉินเอาไว้แน่น ๆ เกรงว่าหยางเฉินจะหายไปกะทันหันยังไงอย่างนั้น 

หยางเฉินรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงของเฝิงเสียวหว่านที่มีต่อตน เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา: “ไม่ต้องเป็นห่วง พี่หยางของเจ้าน่ะบุญวาสนาเยอะ ชะตาชีวิตแข็งแกร่ง ไม่เป็นอะไรหรอก”

ผ่านไปสักพัก สภาพจิตใจของเฝิงเสียวหว่านถึงจะกลับมาสงบเหมือนเดิม นางมองหน้าหยางเฉินด้วยดวงตาที่แดงเถือกพลางพูด: “พี่หยาง ต่อไปข้าก็จะบำเพ็ญเพียรเช่นกัน กลายเป็นผู้แข็งแกร่งนักบูโดชั้นยอดคนหนึ่ง อย่างนี้ข้าถึงจะไม่เป็นตัวถ่วงของท่านอีก!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War