The king of War นิยาย บท 2072

ผู้อาวุโสใหญ่สั่งอีกครั้งให้หยางเฉินรับดาบ ทุกคนพากันมองไปที่หยางเฉิน แววตาเต็มเปี่ยมด้วยการรอคอย

ไม่ว่าจะพลังฝีมือ หรือจะเป็นเรื่องนิสัย กลุ่มผู้อาวุโสล้วนรู้เห็นเหมือนนิ้วนับได้ในมือ

ที่แท้แล้ว ผู้อาวุโสทั้งสามในกลุ่มผู้อาวุโส ได้มีการปรึกษากันมาก่อนแล้ว และมีความคิดจะมอบกระบี่โอรสสวรรค์ให้หยางเฉินถือครอง เพียงแต่ยังไม่ได้โอกาสพบหยางเฉินเพื่อคุยกันในเรื่องนี้

ตอนนี้หยางเฉินเข้ามาหาถึงกลุ่มผู้อาวุโสเอง เหล่าผู้อาวุโสจึงไม่ยอมทิ้งโอกาสนี้เสียไปแน่นอน

หม่าชาวจ้องหยางเฉินด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ ความภาคภูมิใจเต็มใบหน้า เขารู้สึกภูมิใจในตัวหยางเฉินอย่างจริงใจ

“หยางเฉิน รับดาบเถอะ!”

ผู้อาวุโสสองก็มองหยางเฉินด้วยตาที่แดงก่ำ พูดด้วยอารมณ์ตื้นตันว่า “กระบี่โอรสสวรรค์วางอยู่ในกลุ่มผู้อาวุโสนั้นไม่เคยได้ประโยชน์มากมายอะไร ถ้ากระบี่โอรสสวรรค์ได้ไปอยู่ในมือเจ้า ก็จะได้สำแดงให้ได้เป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่”

ผู้อาวุโสสามก็เอ่ยปากพูด “พวกเราเฒ่าสามคนนี้ ได้ตรึกตรองกันมาก่อนแล้วว่าจะไปตามหาเจ้ามาปรึกษาเรื่องนี้กัน ให้บังเอิญได้มีโอกาสในวันนี้”

“ขณะนี้เจ้าก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี หากว่าได้มีสถานะเป็นผู้อาวุโสสี่ของกลุ่มผู้อาวุโสจิ่วโจว ต่อให้เป็นหัวหน้าสมาคมพันธมิตรพิทักษ์ของโลกบู๊โบราณล่าง ก็ไม่กล้าจะลงมือทำอะไรเจ้าง่าย ๆ”

“อีกทั้งเจ้าก็ไม่ต้องห่วงว่าตำแหน่งผู้อาวุโสสี่จะไปผูกรัดความอิสระของเจ้า พวกเรามอบกระบี่โอรสสวรรค์ให้เจ้าถือครอง บางครั้งมีเรื่องหนักหนาจำเป็นต้องขอให้เจ้าลงมือบ้าง เจ้าสามารถจัดการให้ได้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องผูกโยงให้เจ้าอยู่ประจำกับกลุ่มผู้อาวุโส”

“หยางเฉิน รับดาบเถอะ!”

คำพูดของสามผู้อาวุโส ทำให้ในใจของหยางเฉินเกิดมีเป็นกระแสอบอุ่นไหลผ่าน

ถึงแม้กลุ่มผู้อาวุโสจะไม่มอบกระบี่โอรสสวรรค์ให้เขา ก็ยังออกคำสั่งให้เขาได้ จากการที่เป็นอดีตเทพสงครามชายแดนเหนือ เขาพร้อมทุกเวลาในการรับคำสั่งจากกลุ่มผู้อาวุโส

ส่วนการที่กลุ่มผู้อาวุโสมอบกระบี่โอรสสวรรค์ให้เขาถือครอง แท้จริงแล้วเป็นการให้เขาไว้ใช้ขจัดปัญหายุ่งยากของเขาเอง

“ทั้งสามผู้อาวุโสล้วนพูดกันมาแบบนี้ ถ้าข้าหยางเฉินยังคงปฏิเสธ นั่นคงออกจะไม่รู้กาลเทศะแล้ว”

ในที่สุดหยางเฉินก็เอ่ยปากพูด ตาแดง ๆ มองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่ ยื่นมือทั้งคู่ออกไปในทันใด สองตาจ้องเขม็งที่กระบี่โอรสสวรรค์ในมือของผู้อาวุโสใหญ่

เห็นหยางเฉินรับปาก สามผู้อาวุโสกับหม่าชาวให้รู้สึกดีใจออกนอกหน้า ผู้อาวุโสใหญ่ก็ส่งกระบี่โอรสสวรรค์อันเป็นสัญลักษณ์อำนาจสูงสุด บรรจงวางลงบนมือทั้งสองของหยางเฉิน

ในนาทีที่หยางเฉินรับแล้วกำมือกระชับกระบี่โอรสสวรรค์นั้นเอง กระแสประหลาดมหัศจรรย์เกิดขึ้นในทันใดนั้น หยางเฉินเห็นเป็นภาพลวงในใจ ดาบเล่มนี้เหมือนได้กลืนเข้าไปกับตัวของเขาเป็นร่างเดียวกัน

เขามีความรู้สึกเป็นอารมณ์หลอนว่าดาบเล่มนี้เดิมก็คือส่วนหนึ่งของร่างกายของเขา

“วิ๊ง ๆ ”

ทันใดนั้น เสียงก้องกังวานใสเป็นเสียงกู่ออกมาจากดาบ

ผู้อาวุโสทั้งสามเห็นสภาพที่เกิดขึ้น ต่างก็พลุ่งพล่านตื่นใจออกนอกหน้า

ผู้อาวุโสใหญ่พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ดาบวิเศษพบนาย!นี่คือการที่ดาบวิเศษได้พบนายแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ พวกเราดูไม่ผิดจริง ๆ กระบี่โอรสสวรรค์แท้จริงแล้วต้องเป็นของหยางเฉิน”

ผู้อาวุโสสองก็หัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงจริง ๆ แม้แต่พวกเราทั้งสามผู้เฒ่าอาวุโสยังไม่สามารถทำให้กระบี่โอรสสวรรค์ยอมรับเป็นนาย หยางเฉินแค่เพียงจับถูกกระบี่โอรสสวรรค์ ก็ทำให้กระบี่โอรสสวรรค์ออกอาการพบนาย ลิขิตฟ้า!ลิขิตฟ้าจริง ๆ!”

ผู้อาวุโสสามจ้องมองหยางเฉินพูดว่า “หยางเฉิน กระบี่โอรสสวรรค์เล่มนี้ถ่ายทอดสืบต่อกันมาในกลุ่มผู้อาวุโสนานนับร้อยปีมาแล้ว แต่หลายร้อยปีที่ผ่านมา ดาบเล่มนี้ยังไม่เคยยอมรับความเป็นนายจากใครเลย แต่มาวันนี้ กลับยอมรับความเป็นเจ้านายกับเจ้า นี่ย่อมบ่งชัดแล้วว่า เจ้านี่แหละคือเจ้านายที่เหมาะสมที่สุดของดาบเล่มนี้”

ในใจของหยางเฉินปั่นป่วนเหมือนพายุโหมพลิกคลื่นยักษ์กระหน่ำใส่อย่างน่ากลัว เขาก็คิดไม่ถึง กระบี่โอรสสวรรค์จะยอมรับความเป็นนายจากเขาด้วยตัวเอง

สั่งสมในความรู้กับโลกบู๊โบราณที่เพิ่มมากขึ้น มาจนใกล้ ๆ นี้ก็เข้าใจดีว่า ในโลกโบราณ มีของอาถรรพ์ที่หายากจำนวนหนึ่งคงเหลืออยู่ ของขลังเหล่านี้ล้วนมีฤทธิ์เดชมาก สามารถมีอารมณ์ร่วมกับผู้พกพา แล้วยอมรับความเป็นนาย

เพียงแต่ว่า การคิดจะให้ของอาถรรพ์ยอมรับให้เป็นนาย ล้วนแต่ต้องให้ผู้พกพาถือครองของอาถรรพ์นั้นเป็นเวลาหลายสิบปี คนกับของสัมผัสอยู่ด้วยกันตลอด จนเข้ากันได้อย่างเป็นอารมณ์ร่วม จึงทำให้ของอาถรรพ์ยอมรับความเป็นนาย ไม่มีกรณียกเว้น

แต่ในวันนี้ เขาได้พบกับกระบี่โอรสสวรรค์เป็นครั้งแรก เพิ่งจะได้สัมผัสกับกระบี่โอรสสวรรค์ กระบี่โอรสสวรรค์ก็ยอมรับความเป็นนายขึ้นมาเอง

หยางเฉินก็ตื่นเต้นด้วยเป็นอย่างมาก มองดูกระบี่โอรสสวรรค์ในมือ สายตาเต็มไปด้วยความดีใจ พูดอย่างตื้นตันว่า “มิน่าเล่าเมื่อตะกี้นี้พอได้หยิบกระบี่โอรสสวรรค์ขึ้นมา ก็เกิดความรู้สึกว่าดาบนี้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายข้า ที่แท้เพราะว่าดาบวิเศษนี้จำเจ้าของได้!”

“เจ้าวางใจ ข้าจะไม่ทำให้เสียศักดิ์ศรีของดาบกายสิทธิ์!”

พูดจบ เขามองไปที่สามผู้อาวุโส เอ่ยปากพูดว่า “ท่านผู้อาวุทั้งสาม ในเมื่อข้าได้รับกระบี่โอรสสวรรค์มาแล้ว มีภารกิจอันใด ขอพวกท่านสั่งมาได้เลย”

ทั้งสามผู้อาวุโสเก็บอารมณ์ตื้นตันขึ้น ทั้งสามมองหน้ากันแวบหนึ่งแล้ว ผู้อาวุโสสองมองไปที่หยางเฉินเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ตั้งแต่ม่านพลังระหว่างโลกมนุษย์กับโลกบู๊โบราณพังทลายลง ทั้งสองโลกเริ่มค่อย ๆ กลืนเข้าจะเป็นหนึ่งเดียวกัน ในระหว่างนี้ ผู้แข็งแกร่งและตระกูลบูโดของโลกบู๊โบราณล่าง ทยอยกันเข้ามาครอบครองโลกมนุษย์ และในขบวนการนี้เอง หลายกลุ่มอิทธิพลตระกูลระดับยอดของโลกมนุษย์ไม่ยอมสยบให้ ต่างก็ถูกชโลมเลือดกวาดล้าง”

“ส่วนพวกเรากลุ่มผู้อาวุโสรับรู้ถึงแล้วว่าหมดหวังที่จะพลิกฟื้นสถานการณ์ได้ ก็ได้ประสานไปที่พันธมิตรพิทักษ์ของโลกบู๊โบราณล่าง และวางสรุปกฎกำหนดเฉพาะกาลสำหรับโลกใหม่ขึ้นมาไว้ และฝ่ายพันธมิตรพิทักษ์ก็ตกลงยอมรับจะร่วมมือกับกลุ่มผู้อาวุโส ร่วมมือกันสอดส่องควบคุมผู้แข็งแกร่งโลกใหม่”

“ตามแผนกำหนดการนัดของทั้งสองฝ่าย เริ่มต้นจากเมื่อม่านพลังสูญสิ้นหมดแล้ว ก็จะเริ่มประกาศใช้กฎระเบียบใหม่พร้อมกัน แต่ทว่า ม่านพลังได้สูญสิ้นหมดไปแล้ว ฝ่ายพันธมิตรพิทักษ์ก็ยังโอ้เอ้ไม่ยอมประกาศใช้กฎระเบียบใหม่ และก็ไม่ได้คิดจะควบคุมพวกผู้แข็งแกร่งที่เข้ายึดครองโลกมนุษย์ และใช้กำลังลงมือกับคนของโลกมนุษย์ อีกทั้งยังดูเหมือนจะรู้เห็นเป็นใจกันเงียบ ๆ”

“ถ้าขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป อิทธิพลระดับสุดยอดของโลกมนุษย์ตามจุดต่าง ๆ ก็คงจะต้องถูกยึดครองแทนไปเรื่อย ๆ จากกลุ่มอิทธิพลที่มาจากโลกบู๊ล่าง พวกพันธมิตรพิทักษ์ไม่ยอมจัดการเรื่องนี้ แต่พวกเรากลุ่มผู้อาวุโส จะต้องจัดการ!”

ได้ยินที่ผู้อาวุโสเล่าเหตุการณ์นี้มา หยางเฉินฉุนโกรธเป็นอย่างมาก

เรื่องเป็นอย่างที่ตู้จ้งเล่าให้ฟังจริง ๆ พวกพันธมิตรพิทักษ์คงจะหาทางดึงเรื่องการประกาศใช้กฎระเบียบใหม่ แต่ที่ทำให้หยางเฉินคิดไม่ถึงก็คือ พวกพันธมิตรพิทักษ์กล้าทำเกินไปถึงขนาดนี้ ไม่เพียงไม่ดูแลควบคุมกลุ่มอิทธิพลที่เข้ายึดครองโลกมนุษย์ กลับรู้เห็นเป็นใจกันลับ ๆ

ผู้อาวุโสสามพูดด้วยสีหน้าเคืองโกรธ “ไอ้บัดซบพวกนี้ ตั้งใจกันเห็นชัด ๆ ในเมื่อพวกมันไม่ยอมดูแล งั้นพวกเราก็จะจัดการเอง!”

ผู้อาวุโสใหญ่มองหยางเฉิน เอ่ยปากพูดว่า “ในปัจจุบันนี้ มองไปทั่วทั้งโลกมนุษย์ คนที่มีความสามารถพอที่จะรับมือกับผู้แข็งแกร่งจากโลกบู๊โบราณล่าง ก็มีเจ้าคนเดียวแล้ว”

“พวกเราสามผู้อาวุโสถึงแม้มีพลังฝีมือพอจะรับมือ แต่ในจิ่วโจวมีเรื่องมากมายที่ต้องให้พวกข้าปักหลักเฝ้ามอง หากถ้าพวกเราขยับตัวออกไป จะมีเหตุกระทบกระเทือนอย่างใหญ่หลวง ฉะนั้น พวกเราจึงได้คิดยกภารกิจนี้ให้เจ้า”

ฟังเรื่องจากสามผู้อาวุโสพูดแล้ว หยางเฉินตอบรับอย่างไม่มีลังเล เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ท่านผู้อาวุโสทั้งสาม ภารกิจนี้ ข้ารับครับ!”

หม่าชาวสีหน้าเปลี่ยนขึ้นมาในพลัน รีบพูดไปว่า “พี่เฉิน พวกอิทธิพลชั้นยอดของโลกบู๊โบราณล่าง มันมีผู้แข็งแกร่งระดับแดนนภาขั้นสามเลยนะ ลำพังพี่กับข้า ไม่มีทางต้านรับได้เลย!”

ผู้อาวุโสใหญ่พูดขึ้นทันทีว่า “พวกเจ้าวางใจได้เต็มที่เลย พวกเรามีข้อตกลงกับพวกพันธมิตรพิทักษ์อยู่ ผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสาม ห้ามลงมือกับผู้แข็งแกร่งโลกมนุษย์อย่างเด็ดขาด หากถ้าผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามของโลกบู๊โบราณกล้าลงมือ ก็อย่ามาว่าข้าที่จะหาคนพวกนั้นออกมาจัดการแล้วกัน”

พูดคำนี้ออกมา หยางเฉินหยีตาลง เขาเพิ่งมาถึงกลุ่มผู้อาวุโส เดิมเพื่อมาศึกษาทำความเข้าใจเรื่องของโลกใบเล็ก คนพวกนั้นที่ผู้อาวุโสใหญ่พูดถึง น่าจะต้องเป็นคนของโลกใบเล็กนั้นเป็นแน่

หยางเฉินจึงรีบถามไปว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ คนพวกนั้นที่ท่านพูดถึง เป็นคนพวกไหนกัน?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War