ถึงแม้ว่าหยางเฉินจะไม่ชอบคนของตระกูลฉี แต่อย่างไรเสียตอนนี้เขาก็ปรากฏตัวในจงโจวในฐานะผู้อาวุโสสี่ บางอย่างยังต้องมีขอบเขต
หยางเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ประตูไม่ได้ล็อก เข้ามาเถอะ!”
ไม่นาน ประตูห้องก็ถูกผลักออก ร่างวัยกลางคนสวมชุดชาวฮั่นเดินเข้ามา โดยมีผู้แข็งแกร่งแดนนภาสองคนเดินตามอยู่ข้างหลัง
ชายวัยกลางคนเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอด ส่วนผู้แข็งแกร่งแดนนภาสองคนที่อยู่ข้างหลังเขา ปล่อยพลังแดนนภาขั้นสองชั้นปลายออกมาจากร่างกาย
อย่างแผ่วเบา
เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางที่เป็นผู้นำก็คือฉีเฟิง
เมื่อฉีเฟิงเห็นหยางเฉินแล้ว เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าสมาคมผู้อาวุโส มีผู้อาวุโสสี่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน แต่สมาคมผู้อาวุโสก็ไม่ได้ประกาศข่าวเกี่ยวกับผู้อาวุโสสี่ และแม้แต่ตระกูลฉี ก็รู้เพียงแค่ว่ามีผู้อาวุโสสี่ แต่ไม่มีใครรู้รายละเอียดเฉพาะของผู้อาวุโสสี่
“คุณก็คือผู้อาวุโสสี่?”
หลังจากฉีเฟิงได้สติกลับมา เขาก็ถามด้วยสีหน้าสงสัย
เขาขมวดคิ้วจนแน่น มีความเย่อหยิ่งอยู่บนหน้าเล็กน้อย และมีความสง่าของความเป็นผู้นำ
ขณะเดียวกัน พลังจาง ๆ กระจายออกมาจากร่างกายของเขา กดดันอยู่บนร่างกายของหยางเฉิน
อย่างไรก็ตาม หยางเฉินยังคงนั่งนิ่ง มองฉีเฟิงด้วยสีหน้าราบเรียบและกล่าวว่า “ผมก็คือผู้อาวุโสสี่ของสมาคมผู้อาวุโสจิ่วโจว คุณมาหาผมด้วยธุระอะไร?”
ฉีเฟิงแอบรู้สึกประหลาดใจ ด้วยความแข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอดของเขาแล้ว แต่เขากลับไม่สามารถมองทะลุหยางเฉินได้
ประเด็นสำคัญคือ ความกดดันพลังบู๊ที่เขาปล่อยออกมานั้น ไม่มีผลกระทบต่อหยางเฉิน
ถ้าหยางเฉินเป็นนักบูโดที่ต่ำกว่าแดนนภา ด้วยความกดดันพลังบู๊ที่ฉีเฟิงปล่อยออกมาเมื่อสักครู่ ก็เพียงพอที่จะทำให้หยางเฉินคุกเข่าอยู่บนพื้นแล้ว
เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา สูงกว่าแดนนภาเช่นกัน
สิ่งนี้ทำให้ฉีเฟิงรู้สึกประหลาดใจมาก แต่ถ้าหยางเฉินอายุเกินกว่าสี่สิบปี เขาจะไม่ประหลาดใจขนาดนี้ เพราะดูแล้วหยางเฉินอายุไม่ถึงสามสิบปีด้วยซ้ำ
แม้แต่ในโลกบู๊โบราณล่าง ดูเหมือนจะไม่มีผู้แข็งแกร่งแดนนภาที่อายุต่ำกว่าสามสิบปี แม้แต่มู่หรงเยียนเอ๋อร์ที่เป็นอันดับหนึ่งในอันดับจอมคนของโลกบู๊โบราณล่าง ตอนที่เธออายุสามสิบปี แดนบูโดถึงได้ทะลวงสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด
ทันใดนั้น ชื่อของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสมองของฉีเฟิง หยางเฉิน!
ตอนนี้ ชื่อของหยางเฉินได้แพร่กระจายไปทั่วโลกบู๊โบราณล่างแล้ว ทุกคนคิดว่าหยางเฉินทำลายม่านพลัง โดยอาศัยพลังจากจิตวิญญาณของเทพมารที่อยู่ในร่างกายของเขา
ถ้าหากโลกมนุษย์มีผู้แข็งแกร่งแดนนภาที่อายุต่ำกว่าสามสิบปี เกรงว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือหยางเฉิน
เพียงแต่ สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือแดนบูโดของหม่าชาวเข้าสู่แดนนภาแล้วเช่นกัน และเขาอายุน้อยกว่าหยางเฉินสองปีด้วยซ้ำ
ฉีเฟิงถามทันที “คุณคือหยางเฉิน?”
หยางเฉินเลิกคิ้ว สีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มาหาผมด้วยธุระอะไร?”
หลังจากได้รับการยืนยันแล้ว ฉีเฟิงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เขาคิดว่าหยางเฉินสามารถอาศัยจิตวิญญาณของเทพมาร ระเบิดความแข็งแกร่งที่ทรงพลังออกมาได้ ถึงแม้ว่าฉีอิงเว่ยจะนำข่าวกลับมาบอกว่า มีความเป็นไปได้ที่วิญญาณของเทพมารที่อยู่ในร่างกายของหยางเฉินหลับใหลแล้ว แต่ทุกอย่างเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
เพราะเทพมารเป็นผู้ทรงอิทธิพลชั้นนำในตำนานเล่าขาน ถึงแม้ตอนนี้จะเหลือเพียงวิญญาณ แต่ยังคงน่ากลัว
“นึกไม่ถึงว่าผู้อาวุโสสี่จะเป็นบูโดอัจฉริยะที่อายุน้อยขนาดนี้”
ความโกรธบนใบหน้าของฉีเฟิงหายไป ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้ม กล่าวกับหยางเฉินว่า “ผมจะเรียกคุณว่าคุณหยาง!”
หยางเฉินไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
ฉีเฟิงกล่าวว่า “ผมมาเยี่ยมวันนี้ เพราะผมอยากรู้ว่าการที่ผู้อาวุโสสี่ เรียกคนที่มีอำนาจตัดสินใจของตระกูลบู๊โบราณต่าง ๆ ในจงโจวอย่างพวกเรามาประชุมคืนนี้ มีเรื่องอะไรจะสั่ง?”
ท่าทางของเขาถ่อมตนมาก เพียงแต่ตอนที่เขามองหยางเฉิน สามารถเห็นความเย่อหยิ่งจากรอยยิ้มบนใบหน้าและแววตาของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...