อ่านสรุป บทที่ 2240 ไม่มีเหตุผล จาก The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง
บทที่ บทที่ 2240 ไม่มีเหตุผล คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต The king of War ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
หยางเฉินมองหลิวชิ่งเรียบๆแวบหนึ่ง เอ่ยปากกล่าว: “ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ!”
“หืม?”
หลิวชิ่งและคนอื่นๆงุนงงไปแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน?
นี่มันหมายความว่าอะไร?
หรือจะบอกว่า ไม่สะดวกที่จะพูด?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ หลิวชิ่งยิ้มอย่างรู้สึกผิดทันที จากนั้นก็ยื่นมือออกมาชี้ไปที่บริเวณที่เหมือนกับพระราชวังแห่งหลังหนึ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “คุณหยาง ที่นั่นก็คือสำนักเทียนไห่”
เมื่อครู่นี้หยางเฉินก็ได้สังเกตเห็นสำนักเทียนไห่เช่นกัน แต่ก็เป็นเพียงการคาดเดาว่าที่นั่นอาจจะเป็นสำนักเทียนไห่ แต่เมื่อหลังจากที่หลิวชิ่งพูดออกมาจากปากของตนเอง ภายในใจของเขายังคงมีความหวั่นไหวอยู่บ้างเล็กน้อย
สำนักเทียนไห่ใหญ่โตมาก มองดูไปก็คือพระราชวังที่ฮ่องเต้ในสมัยโบราณอยู่อาศัย ลักษณะค่อนข้างกว้างใหญ่ไพศาล
แต่เมื่อเดินไปบนถนนหนทางของโลกบู๊โบราณกลาง คนทั้งหมดที่หยางเฉินเห็น ต่างก็แต่งกายด้วยชุดโบราณที่ค่อนข้างเรียบง่าย แม้กระทั่งห้องฮับที่อยู่อาศัย ก็เป็นสไตล์โบราณเช่นเดียวกัน
หยางเฉินมีความรู้สึกว่าเป็นภาพลวงตา เหมือนกับว่าตนเองได้ข้ามทะลุมายังสมัยโบราณ
แต่ว่าเขาเองก็สามารถเข้าใจได้ว่า โลกบู๊โบราณเดิมทีก็แบ่งแยกออกจากโลกมนุษย์เป็นเวลาหลายร้อยปี และโลกบู๊โบราณนั้นเชิดชูวิถีบู๊ ไม่มีการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่เลยสักนิด
อีกอย่าง โลกบู๊โบราณเดิมทีก็เล็กกว่าโลกมนุษย์มาก ทั้งยังไม่มีช่องทางการติดต่อกับโลกมนุษย์ มีการพัฒนาแบบนี้ ก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย
แต่ว่าที่โลกบู๊โบราณล่าง กลับมีผลิตผลเทคโนโลยีของโลกมนุษย์มากมาย
หยางเฉินแอบคาดเดาภายในใจเงียบ โลกบู๊โบราณบนกับโลกบู๊โบราณกลางคงจะต่างกันไม่มาก
“พวกเขาล้วนเป็นคนธรรมดา?”
สำหรับการพบเจอคนธรรมดาบนถนน หยางเฉินเอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ตลอดเส้นทางที่เดินมา เขาพบว่ามีคนธรรมดาจำนวนมากมายที่ไม่ได้บำเพ็ญวิถีบู๊ แน่นอนว่า นี่เพียงแค่ส่วนน้อยมากเท่านั้น ส่วนมากคนที่เดินบนถนนต่างก็มีผลการบำเพ็ญเพียรวิถีบู๊
แต่ว่าโดยส่วนมากแล้วอยู่ภายในแดนนภาขั้นสาม นักบูโดที่เกินแดนนภาขั้นสาม พบเห็นได้ไม่มากนัก
เมื่อก่อนเขายังคิดว่า ที่โลกบู๊โบราณกลาง จะสามารถพบเห็นนักบูโดแดนนภาขั้นสี่ได้ทั่วไป ตอนนี้ดูเหมือนว่า ตนเองคิดมากไปแล้ว
หลิวชิ่งเอ่ยกล่าว: “ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ไหน ล้วนมีคนธรรมดาที่ไม่มีรากทิพย์ แน่นอนว่า ก็มีเหตุผลต่างๆ การสูญเสียรากฐานวิถีบู๊ คนธรรมดาที่คุณเห็นทั้งหมด ส่วนใหญ่ล้วนไม่สามารถบำเพ็ญเพียรได้ตั้งแต่เล็ก”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวชิ่ง หยางเฉินแอบพยักหน้าเงียบๆ เป็นแบบนี้จริงๆ ก็เหมือนกับที่โลกมนุษย์ หลังจากที่ม่านพลังของโลกบู๊โบราณล่างสลายหายไป มีคนธรรมดาจำนวนมากมายได้ปลุกพรสวรรค์ด้านบูโดขึ้น แต่ว่ายังคงมีคนธรรมดาส่วนมากที่ไม่สามารถบำเพ็ญเพียรได้
หลังจากนั้นสิบนาที ในที่สุดคนกลุ่มหนึ่งก็เข้าสู่สำนักเทียนไห่
“ลมปราณบูโดที่แข็งแกร่ง!”
ภายในใจของหยางเฉินหวั่นไหวเป็นอย่างมาก ทันทีที่เหยียบเข้าสู่สำนักเทียนไห่ เขาเองก็รู้สึกถึงกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วน
ยังมีลมปราณที่แข็งแกร่งทั้งสิบอีกด้วย ในช่วงเวลานั้นที่พวกเขาก้าวเข้าสู่สำนักเทียนไห่ ก็นำเขาล็อกเอาไว้แล้ว
เจ้าของลมปราณเหล่านี้ หยางเฉินคาดเดา อย่างน้อยก็ต้องเป็นนักบูโดแดนนภาขั้นหกชั้นต้น
“สวัสดีศิษย์พี่หลิว!”
“ศิษย์พี่หลิว พวกท่านกลับมาแล้วเหรอครับ?”
“ศิษย์พี่หลิว ท่านพาศิษย์น้องคนใหม่จากด้านนอกกลับมาที่สำนักอีกแล้วเหรอครับ?”
......
ตลอดทางมานี้ ทั่วทุกที่มีแต่นักบูโดเป็นฝ่ายทักทายหลิวชิ่ง
เห็นได้ชัดว่า ตำแหน่งของหลิวชิ่งที่สำนักเทียนไห่สูงมาก นักบูโดที่ทักทายเขา ยังมีแม้กระทั่งอายุห้าหกสิบปี
แต่หลิวชิ่ง มองดูไปท่าทางอายุก็คงไม่เกินสี่สิบปี
ในเวลานี้เอง คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ที่เดินนำหน้าเป็นคนหนุ่มอายุประมาณสามสิบต้นๆคนหนึ่ง
สามารถพูดได้ว่า อู่หยางผิงคนเหล่านี้ ได้เป็นนักบูโดอายุน้อยกลุ่มนั้นที่พรสวรรค์ด้านบูโดแข็งแกร่งที่สุดของโลกบู๊โบราณกลาง
“คุณหยาง ผมพาคุณไปพบท่านอาจารย์ของผม!”
หลิวชิ่งไม่ได้สนใจอู่หยางผิงอีก แต่กล่าวกับหยางเฉิน
แน่นอนว่าหยางเฉินคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับอู่หยางผิง ที่เขามาสำนักเทียนไห่วันนี้ หนึ่งในวัตถุประสงค์ก็เพียงแค่พูดคุยเรื่องความร่วมมือกับท่านอาจารย์ของหลิวชิ่ง วัตถุประสงค์ที่สำคัญ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของสำนักเหอฮวนให้ชัดเจน รีบคิดหาหนทางเพื่อช่วยฉินซีออกมา
“ช้าก่อน!”
ทันทีที่ทั้งสองคนเตรียมจะจากไป สายตาหนึ่งของอู่หยางผิง นักบูโดคนหนึ่งข้างกายเขารีบก้าวมาด้านหน้าทันที ขวางทางเดินไปของหยางเฉินเอาไว้
หว่างคิ้วของหยางเฉินขมวดเข้าหากัน
อีกฝ่ายจ้องหยางเฉินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองกล่าว: “เจ้าหนุ่ม ฉันไม่สนว่าที่โลกมนุษย์นายจะเป็นผู้มีพรสวรรค์หรือว่าลิง ในอาณาเขตสำนักเทียนไห่ของพวกเรา ก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของพวกเรา”
ในดวงตาของหยางเฉินมีเจตนาสังหารที่รุนแรงปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่ง จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเย็นชากล่าว: “กฎอะไร?”
อีกฝ่ายกล่าว: “เจอท่านรองเจ้าสำนักของพวกเราแล้ว จะต้องคุกเข่าคำนับสามครั้ง รอให้ท่านรองเจ้าสำนักบอกให้นายลุกขึ้น นายถึงจะลุกขึ้นได้ เข้าใจไหม?”
หลิวชิ่งรีบก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวทันที กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโห: “ช่าวเหยียน นายไสหัวไปไกลๆฉัน! คุณหยางไม่ใช่คนที่นายมีสิทธิ์ที่จะขวางเอาไว้ได้”
“เฮอะเฮอะ!”
นักบูโดที่มีนามว่าช่าวเหยียน หันหน้ามาทางหลิวชิ่งหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม จากนั้นก็มองไปทางหยางเฉินกล่าว: “เจ้าหนุ่ม นายคิดว่ามีหลิวชิ่งคอยหนุนหลังให้ใช่หรือไม่ ถึงมองข้ามท่านรองเจ้าสำนักของพวกเราได้?”
“หลิวชิ่ง ผมอยู่ที่สำนักเทียนไห่โดนคนดูถูกเหยียดหยามตามอำเภอใจ ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหากผมฆ่าอีกฝ่าย ต่อให้เป็นท่านเจ้าสำนักของสำนักเทียนไห่ ก็ไม่มีเหตุผลกล่าวโทษผมใช่ไหม?”
ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นหยางเฉินก็มองไปทางหลิวชิ่งเอ่ยถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...