หยางเฉินมองหลิวชิ่งเรียบๆแวบหนึ่ง เอ่ยปากกล่าว: “ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ!”
“หืม?”
หลิวชิ่งและคนอื่นๆงุนงงไปแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน?
นี่มันหมายความว่าอะไร?
หรือจะบอกว่า ไม่สะดวกที่จะพูด?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ หลิวชิ่งยิ้มอย่างรู้สึกผิดทันที จากนั้นก็ยื่นมือออกมาชี้ไปที่บริเวณที่เหมือนกับพระราชวังแห่งหลังหนึ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “คุณหยาง ที่นั่นก็คือสำนักเทียนไห่”
เมื่อครู่นี้หยางเฉินก็ได้สังเกตเห็นสำนักเทียนไห่เช่นกัน แต่ก็เป็นเพียงการคาดเดาว่าที่นั่นอาจจะเป็นสำนักเทียนไห่ แต่เมื่อหลังจากที่หลิวชิ่งพูดออกมาจากปากของตนเอง ภายในใจของเขายังคงมีความหวั่นไหวอยู่บ้างเล็กน้อย
สำนักเทียนไห่ใหญ่โตมาก มองดูไปก็คือพระราชวังที่ฮ่องเต้ในสมัยโบราณอยู่อาศัย ลักษณะค่อนข้างกว้างใหญ่ไพศาล
แต่เมื่อเดินไปบนถนนหนทางของโลกบู๊โบราณกลาง คนทั้งหมดที่หยางเฉินเห็น ต่างก็แต่งกายด้วยชุดโบราณที่ค่อนข้างเรียบง่าย แม้กระทั่งห้องฮับที่อยู่อาศัย ก็เป็นสไตล์โบราณเช่นเดียวกัน
หยางเฉินมีความรู้สึกว่าเป็นภาพลวงตา เหมือนกับว่าตนเองได้ข้ามทะลุมายังสมัยโบราณ
แต่ว่าเขาเองก็สามารถเข้าใจได้ว่า โลกบู๊โบราณเดิมทีก็แบ่งแยกออกจากโลกมนุษย์เป็นเวลาหลายร้อยปี และโลกบู๊โบราณนั้นเชิดชูวิถีบู๊ ไม่มีการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่เลยสักนิด
อีกอย่าง โลกบู๊โบราณเดิมทีก็เล็กกว่าโลกมนุษย์มาก ทั้งยังไม่มีช่องทางการติดต่อกับโลกมนุษย์ มีการพัฒนาแบบนี้ ก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย
แต่ว่าที่โลกบู๊โบราณล่าง กลับมีผลิตผลเทคโนโลยีของโลกมนุษย์มากมาย
หยางเฉินแอบคาดเดาภายในใจเงียบ โลกบู๊โบราณบนกับโลกบู๊โบราณกลางคงจะต่างกันไม่มาก
“พวกเขาล้วนเป็นคนธรรมดา?”
สำหรับการพบเจอคนธรรมดาบนถนน หยางเฉินเอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ตลอดเส้นทางที่เดินมา เขาพบว่ามีคนธรรมดาจำนวนมากมายที่ไม่ได้บำเพ็ญวิถีบู๊ แน่นอนว่า นี่เพียงแค่ส่วนน้อยมากเท่านั้น ส่วนมากคนที่เดินบนถนนต่างก็มีผลการบำเพ็ญเพียรวิถีบู๊
แต่ว่าโดยส่วนมากแล้วอยู่ภายในแดนนภาขั้นสาม นักบูโดที่เกินแดนนภาขั้นสาม พบเห็นได้ไม่มากนัก
เมื่อก่อนเขายังคิดว่า ที่โลกบู๊โบราณกลาง จะสามารถพบเห็นนักบูโดแดนนภาขั้นสี่ได้ทั่วไป ตอนนี้ดูเหมือนว่า ตนเองคิดมากไปแล้ว
หลิวชิ่งเอ่ยกล่าว: “ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ไหน ล้วนมีคนธรรมดาที่ไม่มีรากทิพย์ แน่นอนว่า ก็มีเหตุผลต่างๆ การสูญเสียรากฐานวิถีบู๊ คนธรรมดาที่คุณเห็นทั้งหมด ส่วนใหญ่ล้วนไม่สามารถบำเพ็ญเพียรได้ตั้งแต่เล็ก”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวชิ่ง หยางเฉินแอบพยักหน้าเงียบๆ เป็นแบบนี้จริงๆ ก็เหมือนกับที่โลกมนุษย์ หลังจากที่ม่านพลังของโลกบู๊โบราณล่างสลายหายไป มีคนธรรมดาจำนวนมากมายได้ปลุกพรสวรรค์ด้านบูโดขึ้น แต่ว่ายังคงมีคนธรรมดาส่วนมากที่ไม่สามารถบำเพ็ญเพียรได้
หลังจากนั้นสิบนาที ในที่สุดคนกลุ่มหนึ่งก็เข้าสู่สำนักเทียนไห่
“ลมปราณบูโดที่แข็งแกร่ง!”
ภายในใจของหยางเฉินหวั่นไหวเป็นอย่างมาก ทันทีที่เหยียบเข้าสู่สำนักเทียนไห่ เขาเองก็รู้สึกถึงกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วน
ยังมีลมปราณที่แข็งแกร่งทั้งสิบอีกด้วย ในช่วงเวลานั้นที่พวกเขาก้าวเข้าสู่สำนักเทียนไห่ ก็นำเขาล็อกเอาไว้แล้ว
เจ้าของลมปราณเหล่านี้ หยางเฉินคาดเดา อย่างน้อยก็ต้องเป็นนักบูโดแดนนภาขั้นหกชั้นต้น
“สวัสดีศิษย์พี่หลิว!”
“ศิษย์พี่หลิว พวกท่านกลับมาแล้วเหรอครับ?”
“ศิษย์พี่หลิว ท่านพาศิษย์น้องคนใหม่จากด้านนอกกลับมาที่สำนักอีกแล้วเหรอครับ?”
......
ตลอดทางมานี้ ทั่วทุกที่มีแต่นักบูโดเป็นฝ่ายทักทายหลิวชิ่ง
เห็นได้ชัดว่า ตำแหน่งของหลิวชิ่งที่สำนักเทียนไห่สูงมาก นักบูโดที่ทักทายเขา ยังมีแม้กระทั่งอายุห้าหกสิบปี
แต่หลิวชิ่ง มองดูไปท่าทางอายุก็คงไม่เกินสี่สิบปี
ในเวลานี้เอง คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ที่เดินนำหน้าเป็นคนหนุ่มอายุประมาณสามสิบต้นๆคนหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...