แน่นอนว่าเช็คห้าล้านที่หยางเฉินได้มา คือเช็คที่ให้เขาออกไปจากชีวิตฉินซี เขาพูดประโยคนี้ออกมาไม่ได้
ฉินซีที่ให้ความร่วมมือกับหยางเฉิน รู้สึกกังวลขึ้นมา เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เธอรู้ดีว่าเงินห้าล้านนั่น ไม่ใช่เงินสินสอด แต่เธอก็แสร้งทำเป็นเชื่อ
เพราะเฉินอิงเหาเป็นผู้สืบทอดตระกูลไฮโซในเมืองโจวเฉิง เรียกได้ว่าเมืองโจวเฉิง เป็นโลกของเฉินอิงเหาได้เลย
“คุณสามี คืนเงินให้เขาเถอะ!”
ฉินซีดึงปลายเสื้อของหยางเฉิน และเอ่ยขึ้นเสียงเบา
ถึงเธอจะพูดเบา แต่ในห้องอาหารที่เงียบขนาดนี้ กลับได้ยินอย่างชัดเจน
หยางเฉินไม่ได้พูดอะไร เขาหรี่ตามองเฉินอิงเหา “นายกำลังข่มขู่ฉันเหรอ”
“จะเข้าใจอย่างนั้นก็ได้!”
เฉินอิงเหาพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ
เขานั่งลงไปและใช้มือขวาวางบนโต๊ะ นิ้วชี้เคาะลงบนโต๊ะไม่หยุดจนเกิดเสียงชัดเจน เหมือนกำลังเร่งให้หยางเฉิน คืนเช็คนั่นกลับมา
ขณะที่ทุกคนกำลังรอให้หยางเฉินคืนเช็ค จู่ๆ หยางเฉินก็เก็บเช็คห้าล้านลงในกระเป๋า
เมื่อเห็นการกระทำของเขา สายตาของเฉินอิงเหาฉายแววเย็นยะเยือก
“ฉันเป็นคนนิสัยเสีย ก็คือไม่กลัวอะไร ถ้าคนอื่นยอมอ่อนข้อให้ฉัน บางทีฉันอาจจะไว้หน้าเขาก็ได้ แต่ถ้าคนอื่นบีบบังคับให้ฉันทำ ก็ต้องขอโทษด้วย ฉันไม่ทำแบบนั้นอย่างแน่นอน
หยางเฉินจับมือฉินซี และนั่งลง”
“คุณสามี!”
ฉินซีเป็นกังวลมาก เธอร้องเรียกขึ้นมาเบาๆ
หยางเฉินจับมือฉินซีแน่น เขายิ้มอย่างอบอุ่น “คุณภรรยาวางใจได้เลย ผมไม่ทำให้คุณเป็นอันตรายแน่นอน!”
ประโยคนี้เป็นการบอกฉินซีว่า เขาไม่มีทางทำเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้
อีกอย่างตอนนี้ฉินซีอยู่ข้างเขา ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉินซีอาจจะตกอยู่ในอันตราย
เฉินอิงเหาเป็นคนฉลาด เขาจะไม่รู้สิ่งที่หยางเฉินต้องการจะสื่อได้อย่างไร
ต้องเชื่อมั่นในตนเอง ถึงจะแสดงท่าทีแบบนี้ออกมาได้
จู่ๆ เฉินอิงเหาก็สงสัยขึ้นมา หรือว่าเรื่องที่เจิ้งเหม่ยหลิงบอกเขา มีอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า
เห็นท่าทีที่หยางเฉินแสดงออกมา แถมอำนาจบนตัวของเขา ไม่เหมือนกับลูกเขยที่แต่งเข้ามาในบ้านผู้หญิงสักนิด
ท่าทีที่หยางเฉินแสดงออกมา มีโอกาสเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งคือ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าตระกูลเฉินมีหน้ามีตาในเมืองโจวเฉิง สองคือ เขาเป็นคนโง่
เมื่อนำมาเทียบกันแล้ว เขาเชื่อว่าน่าจะเป็นอย่างแรก
“นายรู้ไหม ตระกูลเฉินหมายถึงอะไร ในเมืองโจวเฉิง” เฉินอิงเหาพูดออกมา
หยางเฉินตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ “ก็แค่ตระกูลเล็กๆ ไม่ใช่เหรอ มีอะไรดีเหรอ”
สำหรับเขาแล้ว ตระกูลเฉินก็แค่ตระกูลเล็กๆ ในจิ่วโจว
ดูเหมือนเฉินอิงเหาจะแน่ใจกับสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ หยางเฉินไม่รู้ว่าตระกูลเฉินมีอำนาจแค่ไหนในเมืองโจวเฉิง
เมื่อมุมมองไม่เหมือนกัน ก็มองเรื่องราวคนละแบบ
“เหม่ยหลิง พี่เขยจนๆ ของเธอ ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจว่าตระกูลเฉินอยู่ในจุดไหน เธอบอกเขาไปสิ”
จู่ๆ เฉินอิงเหาก็แสยะยิ้ม และพูดกับเจิ้งเหม่ยหลิง
“พี่เหา เขาไม่รู้แน่นอน ไม่งั้นจะกล้าพูดแบบนี้กับพี่เหรอ แต่ก็พอเข้าใจได้ เพราะเขาก็แค่กากเดนชั้นต่ำในสังคม จะไปรู้ความยิ่งใหญ่ของตระกูลได้อย่างไร”
เจิ้งเหม่ยหลิงพูดเสียดสี เธอมองหยางเฉินแล้วพูดว่า “ในเมืองโจวเฉิง มีสองตระกูลที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด ตระกูลแรกคือตระกูลหยวน อีกตระกูลคือตระกูลเฉินของพี่เหา และพี่เหากำลังจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลในอนาคต เขาจะเป็นผู้ควบคุมตระกูลเฉิน”
“พี่เหาเปรียบดั่งดาวดวงที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้า ส่วนนายก็แค่ฝุ่นบนพื้น พูดแบบนี้ นายคงจะรู้ว่าพี่เหาเป็นใคร”
เจิ้งเหม่ยหลิงพูดเสียดสีออกมา โดยยกย่องเฉินอิงเหา และกดหยางเฉินจนจมดิน
หยางเฉินแสยะยิ้ม “ไม่รู้จักแล้วจะกลัวทำไม!”
เขาพูดเพียงประโยคเดียว เพราะขี้เกียจเปลืองน้ำลายกับเจิ้งเหม่ยหลิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...