เฉียนเปียวถือมีดสั้นที่เป็นประกายสีเงินอยู่ในมือ สายตาดุจเหยี่ยวของเขา เปรียบดั่งมัจจุราชที่มาเยือน
“ใครกล้าก้าวเข้ามาอีกก้าว ตาย!”
น้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึกราวกับเสียงของเครื่องจักร ค่อยๆ ดังออกมาจากลำคอของเขา
น้ำเสียงที่เย็นชา ทำให้อุณหภูมิในห้องจัดเลี้ยงนั้นต่ำลง ราวกับอุณหภูมิในห้องนั้นลดลงไปหลายองศา ทำให้ผู้คนต่างก็ตัวสั่นจากความหนาว
สำหรับพวกเศรษฐีของเมืองโจวเฉิงแล้ว เฉียนเปียวนั้นเป็นเหมือนปีศาจที่จำแลงกายมา เพราะพวกผู้นำตระกูลเศรษฐีที่ตายอยู่ด้วยมือเขานั้น มีไม่น้อยเลย
ส่วนลึกในแววตาของเฉินซิงไห่ก็ปรากฏความหวาดกลัวออกมาเหมือนกัน
เมื่อคืน เขายังไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น แต่มาตอนนี้ พอเห็นภาพที่หยางเฉินกับลั่วปิง รวมถึงเฉียนเปียวอีกคนปรากฏตัวออกมาพร้อมกัน มันก็ทำให้เขาเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้น
ก่อนหน้านี้ เรื่องการล่มสลายของตระกูลหยางในเมืองโจวเฉิงนั้น ว่ากันว่าเป็นฝีมือของบุคคลลึกลับที่อยู่เบื้องหลังเฉียนเปียว
จากนั้นลั่วปิงก็เข้ามาบริหารต้าเหอกรุ๊ป
เมื่อคืนเฉียนเปียวก็คอยอยู่ข้างๆ หยางเฉิน คอยปกป้องเขา
และตอนนี้ มันก็เป็นแบบนั้นอีกครั้ง
แม้แต่ลั่วปิง เมื่ออยู่ต่อหน้าหยางเฉินยังต้องทำตัวระมัดระวัง เรียกเขาด้วยความให้เกียรติว่า “คุณหยาง”
ยังมีหนึ่งในสี่พรรกแห่งเมืองเจียงโจวที่เป็นผู้นำตระกูลซูอย่างซูเฉิงอู่ ยังทำตัวเคารพหยางเฉินขนาดนั้น
เขานั้นรู้ดี ว่าตอนแรกซูเฉิงอู่นั้นตั้งใจพาซูซานมาขอโทษเขา
จนตอนที่เห็นหน้าหยางเฉิน ท่าทีที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนไปทันที
ถึงขั้นไม่กลัวที่ต้องเปิดศึกกับตระกูลเศรษฐีทั้งหลายในเมืองโจงเฉิง และพร้อมที่จะยืนอยู่ข้างหยางเฉิน
“หรือว่า หยางเฉินจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของเฉียนเปียว เขาเป็นคนที่ทำให้ตระกูลหยางล่มสลายภายในชั่วข้ามคืน แล้วให้ลั่วปิงเข้ามาบริหารทุกอย่างที่เคยเป็นของตระกูลหยางแทน?”
จู่ๆ ความคิดแบบนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของเฉินซิงไห่ จนสีหน้าของเขานั้นดูหวาดกลัวขึ้นมาทันที
มีแค่คำอธิบายแบบนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้เขาเข้าใจว่า คนรุ่นหลังคนหนึ่ง ทำยังไงถึงทำให้คนใหญ่คนโตมากมายแบบนี้มาคอยช่วยเหลือได้
“นี่ แกเป็นใครกันแน่?”
ในที่สุดเฉินซิงไห่ก็ถามออกมา
หยางเฉินยิ้มล้อเลียนเขา “แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะครับ?”
คำตอบนี้ ยิ่งทำให้เฉินซิงไห่นั้นมั่นใจในการคาดเดาของเขา
“เฉียนเปียว ถ้าแกยอมมาติดตามฉัน ไอ้หมอนี่จ่ายให้แกเท่าไหร่ ฉันยอมเพิ่มให้สองเท่า!”
มู่ตงเฟิงพูดพร้อมกัดฟันแน่น
สำหรับเขาแล้ว ถ้าไม่มีเฉียนเปียว ต่อให้หยางเฉินจะมีลั่วปิงกับซูเฉิงอู่คอยช่วย ก็ยากที่จะรอดไปได้
เฉียนเปียวสายตาเย็นชา และตอบไปอย่างไม่ลังเลว่า “แก ไม่คู่ควร!”
เพียงกับตอบกลับสั้นๆ มันก็ทำให้มู่ตงเฟิงนั้นระเบิดความโกรธออกมาทันที
“ที่ฉันอยากให้แกมาติดตามฉัน ฉันก็แค่เสียดายความสามารถของแกเท่านั้น!”
มู่ตงเฟิงพูดด้วยความโมโห “ถ้าแกอยากรนหาที่ตาย งั้นฉันก็จะสงเคราะห์ให้!”
ทันทีที่สิ้นเสียง บอดี้การ์ดที่ตามหลังเขามาตลอด ก็ได้ล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูท แล้วหยิบปืนลูกโม่โคลท์คิงคอบร้าออกมา ปากกระบอกปืนสีดำเล็งไปที่เฉียนเปียว
“อ้า……”
พอเห็นบอดี้การ์ดของมู่ตงเฟิงชักปืนออกมา เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นในห้องจัดเลี้ยงทันที ทุกคนต่างทำหน้าหวาดกลัว
“ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง มันเป็นพวกฉัน ไม่อย่างนั้น ตาย!”
มู่ตงเฟิงสีหน้าเย็นชา สายตาที่เยือกเย็นจ้องมองไปยังเฉียนเปียว
ราวกับว่าถ้าเฉียนเปียวกล้าปฏิเสธ วินาทีต่อไปก็จะเป็นเวลาตายของเฉียนเปียวทันที
“มู่ตงเฟิง แกนี่มันช่างกล้าซะเหลือเกินนะ!”
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนี้เอง จู่ๆ ก็มีน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยวดังขึ้น
ที่ประตูทางเข้าของห้องจัดเลี้ยง ได้มีเงาของคนสี่คนปรากฏขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...