หยางเฉินย่อมไม่ต่อล้อต่อเถียงกับหยูเสี่ยวเวยเป็นธรรมดา
“หยางเฉิน นายยังคงไม่รู้มั้ง ของในเมืองเทียนฝู่ ราคาต่ำที่สุดคือหลักล้านขึ้นไปนะ?”
หยางเฉินกำลังเตรียมจะหาข้ออ้างจบบทสนทนาลง หยูเสี่ยวเวยกลับทำท่าทางหยิ่งยโส ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้านายตั้งใจมาซื้อของเล่นโบราณจริง ฉันแนะนำนายไปที่ชั้นหนึ่งนะ”
“ที่ชั้นหนึ่ง ถ้าเกิดโชคดี ไม่แน่อาจจ่ายเงินแค่ไม่กี่พัน หาของเล็กๆ ที่ราคาหลายหมื่นไปได้”
มุมปากหยูเสี่ยวเวยฉีกการเย้ยหยันขึ้นมาระดับหนึ่ง จากนั้นพูดเสริมว่า “คนหนุ่มสาว อย่าทะเยอทะยานมากเกิน ไปที่ชั้นหนึ่ง ก็ไม่ขายหน้าหรอก”
หยางเฉินยักคิ้วแล้ว เขาเห็นแก่ในฐานะเพื่อนเก่าคนหนึ่ง จึงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับหยูเสี่ยวเวย แต่ผู้หญิงคนนี้ เหมือนจงใจอยากเป็นปรปักษ์กับเขาให้ได้
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นเพื่อนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ความเป็นจริง ในรั้วมหาวิทยาลัยสี่ปีนี้ พวกเขาไม่เคยคุยกันเกินกว่าสองสามประโยคเลย
จะพูดถึงมิตรภาพได้อย่างไร?
ในเวลานี้เอง มีหนุ่มสาวอายุน้อยคู่หนึ่งเดินเข้ามาแล้ว
บนหน้าฝ่ายหญิงแต่งหน้าเข้ม ดูขึ้นมายังสวยงามมาก รูปร่างดีมากเช่นกัน สัดส่วนชัดเจน บนข้อมือหิ้วกระเป๋าหนังหลุยส์ วิตตองใบเล็ก
ทั้งตัวฝ่ายชายใส่ชุดอาร์มานี่ บนข้อมือใส่นาฬิกาปาเต็ก ฟิลิปป์ที่ราคาแพงมากเรือนหนึ่ง
มองเห็นสองคนนี้เข้า ในขณะนั้นดวงตาหยูเสี่ยวเวยลุกวาวไปหมด ทำงานอยู่ที่เมืองเทียนฝู่มานานขนาดนี้ คนที่มาในร้านอยากซื้อของเล่นโบราณหรือไม่ หล่อนสามารถคาดเดาได้เป็นส่วนใหญ่
“หยางเฉิน งั้นฉันไม่อยู่คุยด้วยแล้วนะ นายคิดเสียว่าเดินดูนิทรรศการไปเถอะ! แต่ว่าอย่าจับไปมั่วเชียวนะ! เกิดไม่ระวังทำแตกเข้า ต่อให้เอาชีวิตนายมาชดใช้ ก็ยังไม่เพียงพอ”
หยูเสี่ยวเวยแจ้งเตือนหยางเฉินไปประโยคหนึ่ง และพูดกับพนักงานขายสาวที่ต้อนรับหยางเฉินคนนั้นอีกว่า “หวางเยี่ยน เธอต้องดูข้าวของในร้านให้ดีนะ ถ้าอะไรหายไป เธอต้องเป็นคนรับผิดชอบด้วยนะ!”
พูดจบ หล่อนรีบเปลี่ยนเป็นหน้ายิ้มแย้ม หมุนตัวเดินไปยังหนุ่มสาวคู่นั้นที่พึ่งเข้าร้านมา
พนักงานขายคนอื่นๆ ล้วนทำท่าทางหยอกเย้า มองที่หยางเฉินและหวางเยี่ยน
บนหน้าหวางเยี่ยนกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แต่ที่ทำให้หยางเฉินแปลกใจคือเธอยังคงมีรอยยิ้มที่จริงใจอันนั้นอยู่ พูดกับหยางเฉินว่า “คุณผู้ชายคะ เมื่อสักครู่ท่านบอกว่าอยากซื้อของชิ้นเล็กสองชิ้น ชิ้นหนึ่งให้ผู้สูงอายุที่อายุประมาณเจ็ดสิบปี อีกชิ้นมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้หญิงสาวอายุยี่สิบปี ถูกหรือเปล่าคะ?”
หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย “แต่ละชิ้นขอราคาประมาณสิบล้าน ถ้ามีที่เหมาะสมยิ่งกว่า เกินราคาที่ตั้งไว้ก็ไม่มีปัญหา”
หวางเยี่ยนรีบพาหยางเฉินมาด้านหน้าตู้โชว์กระจกที่หนึ่งทันที ชี้ไปยังกำไลด้านใน แนะนำว่า “นี่คือกำไลมงคลแบบโปร่งใสชิ้นหนึ่งค่ะ มองทะลุกันได้หมดทั้งชิ้น อยู่ใต้แสงไฟยังประกายเรืองแสงแวววาวขึ้นด้วยค่ะ”
“ถึงแม้จะไม่ใช่สีเขียวล้วน แต่ว่ากำไลวงนี้เป็นเหมือนภาพวาดทิวทัศน์ภาพหนึ่งค่ะ หากมองกำไลวงนี้แบบละเอียด เทียบกับกำไลที่เป็นสีเขียวล้วนแล้ว ยิ่งมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากกว่าค่ะ ทั้งโปร่งทั้งสง่างาม มองจนรู้สึกสบายใจเลยค่ะ”
“นี่คือกำไลหยกค่ะ เป็นแบบดูวัยรุ่นมาก เหมาะกับหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบปีพอดีเลย ราคาสิบสองล้านแปดหมื่นแปดค่ะ ท่านคิดว่าเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
ตอนที่หวางเยี่ยนถามประโยคนี้ออกมา ในใจรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง
เธอเข้ามาที่เมืองเทียนฝู่เกือบจะสามเดือนเต็มแล้ว แต่ยังขายของเล่นโบราณไม่ได้สักชิ้นเดียว ถ้าครบสามเดือนเต็ม เธอยังขายไม่ได้สักชิ้นหนึ่ง คงโดนไล่ออกเป็นแน่
ปกติตอนที่มีลูกค้าใหญ่มา ล้วนถูกคนอื่นตัดหน้าไปหมด เดิมทีเธอไม่มีโอกาสได้แนะนำ
ครั้งนี้ยังเป็นเพราะเหล่าพนักงานขายที่มาตรฐานสูงแต่ไร้ความสามารถพวกนั้นดูถูกหยางเฉิน ถึงทำให้เธอได้รับโอกาสแนะนำสินค้าให้ลูกค้าแล้ว
หยางเฉินถือโอกาสกวาดตามอง กำไลหยกชิ้นนี้ สวยงามมากจริง เป็นของชั้นเยี่ยม
“ช่วยแนะนำให้ฉันอีกหน่อย เอาของเล่นโบราณที่เหมาะกับชายสูงอายุอายุประมาณเจ็ดสิบปี” หยางเฉินเอ่ยปากบอกนิ่งๆ
ในใจหวางเยี่ยนแอบผิดหวังอยู่บ้างนิดหน่อย ในความคิดเธอนั้น สำหรับกำไลที่เธอพึ่งแนะนำไปชิ้นนั้น หยางเฉินไม่ได้สนใจ
บางทีคงเหมือนที่หยูเสี่ยวเวยว่าไว้แบบนั้น ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ตั้งใจมาซื้อของจริงๆ
แต่ความคิดแบบนี้ เพียงแค่แวบผ่านเข้ามาครู่เดียว ไม่นานบนหน้าหวางเยี่ยนก็มีรอยยิ้มกลับคืนมาแล้ว พาหยางเฉินไปที่โซนของเบ็ดเตล็ดอีกด้านหนึ่ง
“นี่คือกำไลมุกเทียน?”
ทันใดนั้นหยางเฉินมองเห็นของชิ้นเล็กที่เรียบง่ายสไตล์โบราณรูปวงรีชิ้นหนึ่ง ถามด้วยความตกใจอยู่บ้าง
หวางเยี่ยนหัวเราะนิดหน่อย “นี่คือกำไลมุกเทียนบัวเพียงหนึ่งเดียวในร้านของพวกเราค่ะ ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์“ความบริสุทธิ์ผุดผ่อง” แสดงถึงความหมายด้านเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่สูงสุด ความสดใหม่ ความสงบ ความสุขกับสติปัญญา และทุกอย่างอุดมสมบูรณ์ด้วยค่ะ ครอบคลุมถึงสัญลักษณ์ของความโชคดี ความสูงศักดิ์ ความเพียบพร้อม และร่ำรวยเพิ่มขึ้นค่ะ”
“เพียงแต่ว่ากำไลมุกเทียนชิ้นนี้ ราคาสามสิบหกล้านค่ะ เกินกว่างบประมาณของท่านไปมากเลย”
พูดถึงตรงนี้ หวางเยี่ยนหยุดชะงักลง จากนั้นพูดต่อ “แต่นอกจากกำไลมุกเทียนบัวชิ้นนี้ ยังมีลิ่วเหยียนเทียนจูอีกชิ้นหนึ่งค่ะ ความหมายแฝงก็ดีมากเหมือนกันค่ะ ราคาแปดล้าน......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...