The king of War นิยาย บท 380

เฉินซิงไห่รู้สึกสะใจมาก จึงได้หัวเราะออกมาเสียงดัง

“ฮึ! กะอีแค่เศษสวะตัวหนึ่งที่มีดีแค่หลบ คิดจริงๆ เหรอว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลหนิงของเราจะถูกล้มง่ายๆ แบบนี้เลยรึไง?”

หนิงจี้หยวนขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “แกคอยดูไปเถอะ เมื่อไหร่ที่ไอ้หนูนั่นถูกโจมตีใส่ มันก็มีแต่ต้องตายสถานเดียวเท่านั้น!”

“แม้แต่ร่างกายของคุณหยางยังแตะไม่โดนเลย ยังกล้ามาสามหาวได้ขนาดนี้ นอกจากคนที่ชื่อหนิงจี้หยวนอย่างแก ก็หาใครไม่ได้อีกแล้ว!”

กวนเจิ้งซานก็พูดประชดออกมาเหมือนกัน

ในบรรดาผู้คนมากมายที่อยู่ในที่แห่งนี้ ผู้ที่รู้จักความแข็งแกร่งของหยางเฉินที่สุดก็คือคนของตระกูลเฉินกับตระกูลกวนนี่แหละ

ส่วนซูซานที่เคยถูกหยางเฉินช่วยไว้หลายครั้ง ก็รู้แค่ว่าหยางเฉินนั้นร้ายกาจมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าเขานั้นร้ายกาจถึงเพียงนี้

ในตอนนี้ ภายในดวงตาที่งดงามของเธอ กำลังเป็นประกาย เฉิดฉายอย่างถึงที่สุด

“ซานซาน ไม่ว่ายังไง แกก็ต้องทำให้คุณหยางหันมาสนใจให้ได้!”

ซูเฉิงอู่กำหมัดแน่น และพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ขอแค่สามารถรักษามิตรภาพที่ดีกับเขาไปได้ตลอด ก่อนที่ฉันจะตายจะต้องได้เห็นช่วงพีคของตระกูลซูอย่างแน่นอน!”

เขารู้ถึงความสนใจที่ตระกูลอวี๋เหวินมีต่อหยางเฉินดี ถ้าไม่ได้กลัวเรื่องการขัดแย้งกันของภายในตระกูลอวี๋เหวิน ครั้งก่อนที่หยางเฉินไปที่ตระกูลเมิ่ง แล้วเขาจะถอยกลับทำไม?

ตอนนี้พอว่าหยางเฉินแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ จู่ๆ เขาก็เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว ว่าทำไมตระกูลอวี๋เหวินถึงอยากให้เขากลับไป เพื่อปกครองตระกูล

หานเซี่ยวเทียนในตอนนี้ก็ทำหน้าตื่นเต้นไม่ต่างกัน ไม่ใช่เพราะความยิ่งใหญ่ที่หยางเฉินมี แต่เป็นเพราะเขาสามารถรับรู้ได้ถึงความคุ้นเคยที่รุนแรงจากตัวของหยางเฉิน

ถึงแม้ตอนนี้หยางเฉินจะกำลังหลบหลีก แต่ในกระบวนท่าที่เขาใช้ในการหลบหลีกนั้น ต่างก็เป็นกระบวนท่าหลบหลีกที่ออกมาจากชายแดนเหนือทั้งสิ้น

ใครก็ตามที่เป็นทหารของชายแดนเหนือ ตอนที่เข้าประจำการ ต่างก็ต้องฝึกกระบวนท่าหลบหลีกกันทั้งสิ้น

และกระบวนท่าหลบหลีกที่หยางเฉินกำลังใช้อยู่นั้น มันได้สำเร็จไปถึงจุดสูงสุดแล้ว

ตอนที่หานเซี่ยวเทียนยังหนุ่มๆ ช่วงที่เขาเป็นครูฝึกอยู่ที่ชายแดนเหนือ กระบวนท่าหลบหลีกที่เขาแสดงออกมายังสมบูรณ์ไม่เท่าหยางเฉินเลย

ผู้แข็งแกร่งระดับนี้ ที่ชายแดนเหนือ ต้องเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงมากอย่างแน่นอน!

ความสามารถของหลิวชิง หานเซี่ยวเทียนนั้นรู้ดี ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหานของเขา เกรงว่าก็คงไม่อาจเทียบเคียงได้

คนคุ้มกันของตระกูลที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับนี้ กลับไม่สามารถแตะตัวของหยางเฉินได้ มันก็เพียงพอที่จะอธิบายได้ว่าหยางเฉินนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน

“ไอ้หนู นี่แกหลบเป็นอย่างเดียวใช่มั้ย?”

“ถ้าเป็นลูกผู้ชาย ก็สู้กับฉันซึ่งๆ หน้าสิ!”

“เอาแต่หลบ มันนับเป็นลูกผู้ชายตรงไหน?”

หลิวชิงได้ใช้ความเร็วสูงสุดของตัวเองแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถโดนตัวของหยางเฉินได้เลย นั่นจึงทำให้เขาโกรธมาก

ในความคิดของเขา หยางเฉินแค่เร็วกว่าเขาเท่านั้น ถ้าต้องเผชิญหน้ากันจริงๆ ก็คงไม่มีน้ำยาอะไร!

“ในเมื่อคุณต้องการที่จะตาย งั้นผมจะสงเคราะห์ให้แล้วกัน!”

มุมปากของหยางเฉินแย้มขึ้นมาอย่างล้อเลียน

“ไอ้หนูแกนี่มันช่างหลงตัวเองจริงๆ อยากฆ่าหลิวชิงคนนี้ กับคนอย่างแก คิดว่าจะทำได้รึยัง?”

หลิวชิงนั้นยิ้มออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เขาไม่อยากที่จะยอมรับ เด็กหนุ่มที่อายุแค่ยี่สิบกว่า จะสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย

แต่พริบตาที่คำพูดของเขาสิ้นสุดลง รังสีที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้ทะลักออกมาจากร่างกายของหยางเฉินทันที

ห้องสัมมนาอันกว้างขวางที่ให้ประชุมแลกเปลี่ยน ได้ถูกความหนาวเย็นอันรุนแรงปกคลุมไปทั่ว คนมากมายต่างก็ต้องสะดุ้งไปทีหนึ่ง แล้วจ้องมองหยางเฉินด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว

ในขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในความตะลึงนั้น จู่ๆ ร่างกายของหยางเฉินก็ได้หายไป

“ตุบ!”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงของวัตถุกระทบกันดังขึ้น

แล้วเห็นร่างกายของหลิวชิง กระเด็นออกไปไกลสิบกว่าเมตรราวกับถูกรถบรรทุกชน จนไปนอนอยู่ตรงเท้าของหนิงจี้หยวน

ส่วนชีวิตของหลิวชิงนั้น ได้แตกสลายไปตั้งแต่ตอนที่ถูกหยางเฉินโจมตีใส่แล้ว!

พอเห็นซากศพที่นอนอยู่เบื้องล่าง ร่างกายของหนิงจี้หยวนก็สั่นขึ้นอย่างรุนแรงโดยไม่อาจควบคุมได้

นี่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของมณฑลเจียงผิงเลยนะ กลับถูกวัยรุ่นอายุยี่สิบกว่า ชกทีเดียวตายเลย?

มันเป็นไปได้ยังไง?

แต่มันก็เป็นความจริง!

บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ สายตาของทุกคน ต่างก็จ้องมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังยืนเอาไขว้หลังอยู่กลางห้องสัมมนา

“เมื่อกี้ผมได้พูดไปแล้ว ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต! ในเมื่อตระกูลหนิงไม่ยอมให้คำอธิบายกับตระกูลเฝิง ถ้าอย่างนั้นผมก็จะช่วยตระกูลเฝิงทวงเอง!”

ในตอนนี้ หยางเฉินได้พูดออกมาอีกครั้ง แล้วก้าวเดินไปทางหนิงเฉิงหยู่ ทีละก้าวทีละก้าว

“ตึก! ตึก! ตึก!”

ภายในห้องสัมมนาของการประชุมแลกเปลี่ยน ตกอยู่ในความเงียบ ได้ยินแค่เสียงเท้าที่ก้าวเดินของหยางเฉินเท่านั้น

หนิงเฉิงหยู่รู้สึกว่าทุกก้าวที่หยางเฉินก้าวเดิน เหมือนมันกำลังเหยียบย่ำลงมาที่หัวใจเขา

สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหนิงได้ ถ้าต้องการฆ่าเขา มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่ายไม่ใช่รึไง?

หนิงเฉิงหยู่กำลังสั่นไปทั้งตัว เขาอยากที่จะหนี แล้วก็ได้รู้ว่าตัวเองนั้นไม่สามารถก้าวเท้าออกไปได้เลย

พอเห็นหยางเฉินเข้าใกล้ตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็ทนรับกับแรงกดดันที่หยางเฉินส่งมาให้เขาไม่ไหวอีกแล้วสั่นไปทั้งตัว แล้วฟุบลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

เมื่อคืนตอนเจอหยางเฉินที่ลานจอดรถของตระกูลหาน เขายังคิดว่าหยางเฉินเป็นแค่คนจนๆ ที่ขับPhaetonคันเน่าๆ เท่านั้น

ในงานวานเกิดของหานเสี้ยวเสี้ยว เขาคอยแต่จะหาวิธีที่จะหาเรื่องหยางเฉิน

โดยเฉพาะตอนที่หานเสี้ยวเสี้ยวพูดออกมาต่อหน้าทุกคนว่าคนที่เธอชอบคือหยางเฉิน มันยิ่งทำให้เขาโมโหอย่างถึงที่สุด

หลังจากทึ่ถูกไล่ออกจากตระกูลหานต่อหน้าทุกคนแล้ว เขาก็รู้สึกอยากฆ่าหยางเฉินขึ้นมา จึงสั่งให้เฝิงอี้ฉินไปลงมือ

เดิมที เขาคิดว่าหารที่เฝิงอี้ฉินลงมือนั้น ก็น่าจะฆ่าหยางเฉินได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญ เรื่องทำนองนี้ พวกเขาก็ทำมาไม่น้อยแล้ว

แต่สุดท้ายเฝิงอี้ฉินกลับถูกฆ่า แถมศพยังถูกเอามาไว้ที่ท้ายรถของเขาได้ยังไงไม่รู้ และยังถูกคนถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานด้วย

จนถึงเมื่อกี้หลังจากที่หยางเฉินสังหารผู้แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหนิงต่อหน้าทุกคน เขาถึงได้รู้ว่า ตัวเองได้ไปหาเรื่องกับสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวแค่ไหน

ถ้าเขารู้ว่าหยางเฉินแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ต่อให้ตีเขาให้ตาย ก็ไม่มีทางไปหาเรื่องหยางเฉินเด็ดขาด!

เพียงแต่ มาเสียใจตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว!

“แกมันชักจะมากไปแล้วนะ!”

หนิงจี้หยวนกัดฟันแน่น

เขาไม่ได้สนใจหรอกว่าหนิงเฉิงหยู่จะตายรึเปล่า สำหรับเขาแล้ว หลิวชิงคนหนึ่งมันสำคัญกว่าคนอย่างหนิงเฉิงหยู่มาก

แต่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นเศรษฐีระดับสูงแห่งมณฑลเจียงผิงทั้งนั้น ถ้าแม้แต่ตระกูลที่เป็นญาติยังปล่อยให้ถูกหยางเฉินฆ่าไปต่อหน้าทุกคน ต่อไป ตระกูลหนิงของเขายังจะมีหน้าไปเจอใครในมณฑลเจียงผิงได้?

“หนิงจี้หยวน แกนี่มันยังไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหนิง ยังถูกคุณหยางฆ่าตาย แล้วแกคิดว่าตัวเองยังมีคุณสมบัติมากพอที่จะไปขวางคุณหยางได้อีกเหรอ?”

กวนเสว่ซงพูดด้วยสีหน้าที่เยาะเย้ย

เฉินซิงไห่ก็พูดด้วยสีหน้าที่ได้ใจเหมือนกัน “ก็แค่หมูโง่ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น แม้แต่ตัวเองไปล่วงเกินคนระดับไหนเข้ายังไม่รู้เลย แล้วยังกล้าพูดจาใหญ่โตใส่คุณหยางอีก”

สีหน้าของหนิงจี้หยวนนั้นดูแย่อย่างถึงที่สุด เขานั้นรู้ดีอยู่แล้ว ว่าสิ่งที่กวนเสว่ซงกับเฉินซิงไห่พูดมานั้นมีเหตุผล

แต่ถึงเป็นแบบนั้น เขาก็ไม่อาจยืนอยู่เฉยๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลย แล้วมองดูหยางเฉินฆ่าญาติของตระกูลหนิงไปต่อหน้าได้ยังไง?

“ฉันยอมรับว่าแกนั้นแกร่งมาก แต่แกจะแกร่งจนสามารถหลบกระสุนได้หล่ะ?”

จู่ๆ หนิงจี้หยวนก็พูดออกมาด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม

ทันทีที่คำพูดของเขาสิ้นสุดลง ชายวัยกลางคนในชุดกันลมสีดำที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา ก็ได้ชักมือที่ซ่อนอยู่ในเสื้อมาโดยตลอดออกมา

โคลท์คิงคอบร้าได้ปรากฏออกมาในมือของชายวัยกลางคน ปืนกระบอกสีดำ กำลังเล็งตรงไปที่หัวของหยางเฉิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War