เย่ม่านทำท่าอวดดี เมื่อพูดถึงฐานะทางสังคมของตระกูลเย่ ความรู้สึกหยิ่งในศักดิ์ศรีที่ฝังอยู่ในกระดูกของเธอก็แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว
ด้วยฐานะของเธอ ทำให้ในสายตาของเธอ ซานเหอกรุ๊ปไม่มีค่าอะไรเลย
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามคุณว่า ทำไมคุณถึงจ่ายเงินมากมายเพื่อจ้างฉันไปเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทคุณ?” ฉินซีถามอีก
เย่ม่านอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “เพราะคุณมีความสามารถที่โดดเด่น!”
“คุณมองจากตรงไหนถึงพบว่า ความสามารถของฉันนั้นโดดเด่น?” ฉินซีถามต่ออย่างใจเย็น
ครั้งนี้ ในที่สุดเย่ม่านก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
ความนิ่งของฉินซีทำให้เธอรู้สึกกดดันขึ้นมามากมายอย่างฉับพลัน
“กิจการขยะแห่งหนึ่งสามารถสร้างรายได้ห้าสิบล้านต่อปีภายใต้การบัญชาของคุณ ยังไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ความสามารถของคุณอีกหรือ?” เย่ม่านย้อนถาม
“แล้วคุณรู้ไหมว่า ใครเป็นผู้ก่อตั้งซานเหอกรุ๊ป?” ฉินซีพยายามข่มความโกรธแล้วถามต่อ
“ผู้ที่ก่อตั้งกิจการขยะเช่นนี้ขึ้นมาได้ ต้องเป็นคนโง่แน่นอน”
“ถ้าฉันรู้ว่าใครเป็นผู้ก่อตั้ง ฉันจะด่าให้พูดไม่ออกเลยเป็นไง?”
“การก่อตั้งกิจการ ไม่ใช่คนโง่ที่ไหนก็มีคุณสมบัติทำได้”
“สำหรับฉันแล้ว ที่ที่มีรายได้ต่อปีน้อยกว่าหนึ่งร้อยล้านล้วนเป็นกิจการขยะ สู้ไม่ก่อตั้งขึ้นมาเสียดีกว่า”
ใบหน้าของ เย่ม่านเต็มไปด้วยการถากถาง วิพากษ์วิจารณ์ซานเหอกรุ๊ปเสียไม่มีชิ้นดี แทบอยากจะเรียกผู้ก่อตั้งออกมาทุบตอนนี้เลย
เธอไม่เคยรู้จักซานเหอกรุ๊ปเลย และเพิ่งมารู้ในตอนนี้ว่า ฉินซีเป็นผู้จัดการทั่วไปของซานเหอกรุ๊ป
เหตุผลที่เธอพูดด้อยค่าซานเหอกรุ๊ป ก็เพื่อแสดงความแข็งแกร่งของแมมบ้าแดงกรุ๊ปให้เห็นอย่างชัดเจน
และเธอก็เชื่อว่า ไม่มีใครสามารถปฏิเสธเงินเดือนและสวัสดิการจำนวนมากที่เธอเสนอให้ได้
ถ้าไม่กะทันหันเกินไป เธอคงทำความรู้จักกับฉินซีในตอนนี้แล้ว
ตอนนี้ต้องค่อยๆ เดินทีละก้าว อันดับแรกคือหาทางเข้าใกล้ฉินซี แล้วค่อยหาโอกาสแนะนำตัวในฐานะแม่ลูก พอถึงตอนนั้นค่อยฉวยโอกาสทำให้ฉินซีเตะหยางเฉินออกไป
พอถึงตอนนั้น เธอก็มีความหวังที่จะทำให้ราชาเจียงผิงมาเป็นลูกเขยของตน
เมื่อตระกูลเย่เป็นที่โปรดปราดของราชาเจียงผิง จากนี้ไปฐานะและตำแหน่งของเย่ม่านในตระกูลเย่ก็จะพลอยสูงขึ้นไปด้วย มุ่งตรงสู่อำนาจศูนย์กลาง
เธอไม่เคยไตร่ตรองเลยว่า ฉินซีจะตอบตกลงหรือไม่
เพราะโลกทัศน์ของเธอ เงื่อนไขที่เธอเสนอขึ้นมา ไม่เคยมีใครปฏิเสธ
ในเวลานี้ เธอถึงกับเริ่มจินตนาการว่า เมื่อเธอราชาเจียงผิงมาเป็นลูกเขยของเธอแล้ว เธอจะเรียกฟ้าเรียกฝนได้อย่างไรในตระกูลเย่
ขณะที่เธอกำลังจินตนาการถึงอนาคตอันสวยหรู ฉินซีกลับตัวสั่นด้วยความโกรธ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วข่มความโกรธเอ่ยว่า “ชีวิตนี้ ฉันไม่มีทางทำงานให้คุณ!”
พูดจบ เธอก็เดินผ่านเย่ม่านไป
“ทำไมล่ะ?”
เย่ม่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามอย่างไม่เชื่อสายตา
“เพราะว่า ฉันก็คือคนโง่ที่คุณบอก ผู้ก่อตั้งซานเหอกรุ๊ป!”
ฉินซีตอบอย่างเย็นชาโดยไม่หันกลับมามอง
ในเวลานี้ เย่ม่านตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ยืนนิ่งอยู่กับที่ ทำอะไรไม่ถูก
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ฉินซีจะเป็นผู้ก่อตั้งซานเหอกรุ๊ป
ถ้ารู้อย่างนี้ เธอจะเข้าใกล้ฉินซีด้วยแนวคิดที่จะตั้งบริษัทสาขาได้อย่างไร?
ติดต่อกับฉินซีโดยตรงในนามของความร่วมมือ มันไม่ดีกว่าหรือ?
เมื่อมองตามเงาร่างที่ค่อยๆ ไกลออกไปของฉินซี เธอก็รู้สึกร้อนใจทันที จึงวิ่งเหยาะๆ ตามฉินซีออกไปในชุดกี่เพ้าและรองเท้าส้นสูง ไม่เหลือภาพลักษณ์ของสตรีผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเย่แห่งเมืองเยี่ยนตูเลย
“ประธานฉิน เดี๋ยวก่อน!”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นผู้ก่อตั้งซานเหอกรุ๊ป ถ้ารู้ฉันจะพูดไปแบบนั้นได้ยังไง?”
“คุณอย่าเพิ่งรีบไป ฟังฉันอธิบายก่อน!”
“ขอโทษค่ะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...