หยางเฉินเป็นเจ้าภาพจัดงานศพให้โจวยู่ชุ่ยด้วยตนเอง ถึงมันจะไม่ได้อลังการอะไร แต่สำหรับโจวยู่ชุ่ยมันก็ยิ่งใหญ่พอแล้ว
อาการบาดเจ็บของฉินต้าหย่ง แทบจะหายเป็นปกติแล้ว เหลือแค่ซี่โครงที่หักที่ยังไม่หายดีเท่านั้น
ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
แต่เวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ยังมีเรื่องหนึ่งที่หยางเฉินเก็บไว้ในใจตลอด
“อวี๋เหวินปิง นี่แกรู้ความลับอะไรของแม่ฉันกันแน่?”
หยางเฉินพึมพำกับตัวเอง
“ที่รักคะ คุณมีเรื่องอะไรในใจใช่มั้ยคะ?”
ในกลางดึก หลังจากที่ฉินซีกล่อมเสี้ยวเสี้ยวเข้านอนแล้ว ก็ได้มานอนหนุนในอ้อมอกของหยางเฉิน และถามออกมาเบาๆ
ช่วงที่ผ่านมา หยางเฉินมักจะใจเหม่อใจลอยอยู่บ่อยครั้ง เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องอะไรในใจอยู่
“ผมคิดถึงแม่ผมครับ”
หยางเฉินกอดผู้หญิงในอ้อมกอดไว้แน่น และบอกไปเบาๆ
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉินซีได้เห็นหยางเฉินแสดงด้านที่น่าหลงใหลขนาดนี้ต่อหน้าเธอ
“คุณช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ยคะ ว่าแม่เป็นคนยังไง?”
ฉินซีได้ขัดขืนอยู่ในอ้อมกอดของหยางเฉิน พอหาท่าที่สบายได้ ก็ได้ถามออกมาเบาๆ สำหรับเรื่องที่เกี่ยวกับแม่ของหยางเฉิน ฉินซีไม่เคยได้ยินหยางเฉินพูดถึงมาก่อนเลย ความจริงเธอนั้นสนใจเรื่องนี้มาโดยตลอด
“แม่ของผมเป็นคนที่จิตใจดีและเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากๆ ครับ”
ความคิดมากมายถาโถมเข้ามาในหัวของหยางเฉิน แล้วเขาก็เริ่มเล่า
“เธอมีชื่อว่า หยางเสว่เยี่ยนเคยเป็นผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดแห่งเยี่ยนตู แต่ไม่มีใครรู้ว่า เธอมาจากที่ไหนกันแน่ และแทบจะไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับเธอเลย”
“จนในที่สุด คนๆนั้นก็ได้มาเจอแม่ และตกหลุมรักแม่ตั้งแต่แรกเห็น”
“ในตอนนั้น แม่ไม่รู้เลยว่าคนๆนั้นได้แต่งงานไปแล้ว และไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นใครมาจากไหน”
“คนๆนั้นพยายามอยู่นานมาก จนในที่สุดก็จีบแม่จนติด”
“แต่ในตอนที่แม่ของผมรู้ว่าตัวเองตั้งท้องแล้วบอกให้คนๆนั้นแต่งงานกับเธอนั้น คนๆนั้นถึงได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงกับแม่ พร้อมกับความจริงที่ว่าเขาแต่งงานไปแล้ว”
“หลังจากที่แม่ได้รู้ความจริง แม่ก็ตั้งใจที่จะจากไปโดยไม่สนใจอะไร แต่ในตอนนั้นเอง ตระกูลอวี๋เหวินก็ได้แย่งชิงเยี่ยนเฉินกรุ๊ปที่แม่สร้างมากับมือไป!”
“แม่ที่ไม่เหลืออะไร เพื่อผมที่อยู่ในท้อง จึงจำใจต้องยอมแพ้ แล้วเข้าไปอยู่ในตระกูลอวี๋เหวิน”
“ด้วยเหตุนี้ จึงได้เข้าไปอยู่ในตระกูลอวี๋เหวินโดยไม่มีฐานะหรืออะไรเลยมานานหลายปี เป็นเวลากว่าหลายปีที่เราสองแม่ลูกต้องทนทุกข์อย่างแสนสาหัส”
“จนตอนที่ผมอายุเก้าขวบ ภรรยาของคนๆนั้น กลัวผมจะแย่งตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลของลูกชายไป จึงได้บังคับให้คนๆนั้นไล่เราสองแม่ลูกให้ออกจากตระกูลไป แถมยังใช้กำลังขับไล่เราออกจากเยี่ยนตูด้วย……”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ก็กินเวลาไปหลายชั่วโมง หลังจากที่หยางเฉินเล่าจบ ฉินซีก็น้ำตาเต็มหน้าไปนานแล้ว
“ที่รักคะ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าวัยเด็กของคุณมันจะโหดร้ายขนาดนี้ ไหนจะแม่อีก ชีวิตของแม่นี่ช่างลำบากเหลือเกิน!”
ฉินซีกอดหยางเฉินไว้แน่น และพูดไปทั้งน้ำตา
เธอหวงแหนผู้ชายคนนี้ และหวงแหนหญิงแกร่งที่ยอมทนทุกข์ทรมานเป็นเวลาหลายปีเพื่อลูกชายของตัวเอง
“การที่แม่ถูกรังแกขนาดนั้น แล้วครอบครัวทางฝั่งแม่ไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยเลยเหรอคะ?”
ผ่านไปพักใหญ่ ฉินซีถึงปรับอารมณ์ได้ จึงได้ถามไปด้วยความสงสัย
หยางเฉินส่ายหน้า “ในความทรงจำของผม ไม่เคยได้ยินแม่พูดถึงครอบครัวของแม่มาก่อนเลย จนวันที่แม่เสีย นอกจากผมก็ไม่มีใครเฝ้าอยู่ข้างๆ แม่เลย”
“ด้วยฐานะและตำแหน่งของคุณในตอนนี้ ไม่เคยคิดที่จะตามหาครอบครัวของแม่คุณเลยเหรอคะ?”
พอได้ยินคำพูดของฉินซี หยางเฉินก็ได้ส่ายหน้าอย่างขมขื่น “ผมเคยหาข้อมูลแล้ว แต่ก็สืบหาอะไรไม่ได้เลย บางที แม้แต่ตัวแม่เองก็อาจจะไม่รู้เรื่องของครอบครัวก็ได้?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...