ด้านข้างของหยางเฉินมีเฉินอิงเหาที่กำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ ขนาดคุณชายใหญ่ของตระกูลไช่ยังถูกหักแขนขาสี่ข้างและโยนออกไปเลยแล้วนับประสาอะไรกับพวกเขา?
หลังจากต่างคนต่างมองหน้ากันก็ไม่ได้ลังเลอีกต่อไป พวกเขายกเก้าอี้ขึ้นมาพร้อมกับกระแทกเข้าไปที่แขนอย่างจัง
ไม่นานนัก เสียงโอดครวญอันน่าอนาถก็ดังขึ้นติดต่อกัน
“หยาง…คุณหยาง พวก..พวกเราตอนนี้ไปได้หรือยังครับ?” เหลียงหยุนที่หักแขนของเขาก็ได้พูดขึ้นอย่างสั่นเทา
“จบการสูญเสียไว้ที่นี่และออกไปซะ!” หยางเฉินตะโกน
หลังจากที่ฉือเจียงและคนอื่นๆชำระบัญชีกันเรียบร้อยก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณหยางไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่คาดเอาไว้เลย”
จางหรุ่ยเดินเข้าไปที่ข้างกายของหยางเฉินด้วยรอยยิ้มที่เสน่ห์หา ขณะที่พูดก็เดินเข้าไปที่แนบกายของหยางเฉิน
หยางเฉินขมวดคิ้วพร้อมกับเลี่ยงออกเล็กน้อยและพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอตัวเหม็นเกินไป ไปให้ไกลๆเลย!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของจางหรุ่ยหยุดลงในทันใดแต่หลังจากที่เห็นสถานการณ์อันน่าอนาถของคนเหล่านั้นแล้ว ต่อให้เธอจะรู้สึกโกรธแค่ไหนก็ไม่สามารถแสดงมันออกมาได้
“คุณหยางนี่พูดตลกจังเลยนะคะ”
จางหรุ่ยไม่ได้เขินอายอึดอัดแต่อย่างใด เธอยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ครั้งนี้เธอออกห่างจากหยางเฉินมายืนอยู่ที่ด้านข้างของผังเสี่ยวเยว่พร้อมกับจับมือของหล่อนและพูดว่า “เสี่ยวเยว่ หล่อนนี่เกรงใจเกินไปไหมเนี่ย ไม่ว่ายังไงซะเราก็เป็นพี่น้องมหาวิทยาลัยกันมาตั้งสี่ปี หล่อนมีแฟนที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ไม่คิดจะบอกกับพวกเราสักหน่อยเหรอ”
“ออกไป!”
ผังเสี่ยวเยว่ผลักอีกฝ่ายออกไป หล่อนไม่อยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่ไร้ยางอายเช่นนี้
“ผู้หญิงต่ำตมอย่างหล่อนไม่มีขีดจำกัดในตัวเองเอาซะเลย พวกเราช่วยเธอและไปทำให้คนใหญ่คนโตขุ่นเคืองแต่เธอก็ยังจะเอาตัวเองเข้าไปแนบชิดอยู่ได้ อยากให้พวกเราทำไม่ละอายใจแบบเธอหรือไงกัน?”
ใบหน้าของโจวชินและเนี่ยเจียเจียเต็มไปด้วยความโกรธพร้อมกับตะโกนใส่จางหรุ่ย
แม้พวกหล่อนจะอิจฉาที่ผังเสี่ยวเยว่มีแฟนที่เก่งกาจอย่างหยางเฉินแต่พวกหล่อนก็ไม่ได้ไร้ยางอายเหมือนจางหรุ่ย
สีหน้าของจางหรุ่ยดูไม่ดีนักพร้อมกับพูดด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า “ฉันไม่ได้ทำไปเพื่อปกป้องพวกหล่อนหรือไงกัน?”
“เป็นเพราะว่าแฟนของพวกหล่อนไม่ได้ต้องการพวกหล่อนแล้วและฉันก็ไม่รู้ว่าคุณหยางจะเก่งกาจขนาดนี้ก็เลยคิดว่ามันคงเป็นเรื่องยากหากต้องการจะหนีก็เลยช่วยพวกหล่อนเท่านั้นเอง ไม่คิดเลยว่าพวกหล่อนจะคิดกับฉันแบบนี้”
ผู้หญิงคนนี้หากเข้าไปเรียนโรงเรียนด้านการละครล่ะก็เธอคงมีพรสวรรค์มากเลยล่ะ อยากร้องไห้เมื่อไหร่ก็ร้องออกมาได้
“เงียบซะ!”
ทันใดนั้นเฉินอิงเหาก็ได้ตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธจัด เขาสังเกตสีหน้าและคำพูดของหยางเฉินที่ดูทนไม่ได้อีกต่อไป
จางหรุ่ยเงียบในทันทีและมองไปที่เฉินอิงเหาอย่างน่าสงสาร
เฉินอิงเหามองไปที่หยางเฉินพร้อมกับถามอย่างระแวดระวังออกไปว่า “คุณหยางครับ จะจัดการกับผู้หญิงคนนี้ยังไงดี?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินอิงเหา จางหรุ่ยก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที
“ให้เธอออกไปจากเมืองเยี่ยนตูตลอดกาล หากเธอเข้ามาในเยี่ยนตูแม้แต่ก้าวเดียวล่ะก็ไม่ต้องรายงานอะไรฉันทั้งนั้น ให้จัดการฆ่าเธอได้เลย” หยางเฉินกล่าวอย่างเย็นชา ไม่ได้มีความทะนุถนอมต่อสตรีเลยแม้แต่น้อย
จางหรุ่ยรู้สึกว่าแขนขานั้นหนาวเย็นไปหมด ร่างกายรู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใดๆพร้อมกับล้มลงกับพื้น เมืองเยี่ยนตูเป็นสถานที่ในฝันของเธอ หากต้องไปจากเมืองเยี่ยนตูนั่นก็หมายถึงความฝันของเธอที่จะต้องพังทลายลง
“เรียกคนมานำตัวผู้หญิงคนนี้ไปที่สนามบินและคอยดูเธอจากไป หากเธอคิดหนีล่ะก็หาที่ที่ไม่มีคนแล้วจัดการฝังเธอซะ!”
เมื่อเฉินอิงเหาออกคำสั่งไป ชายร่างกำยำสองคนก็ได้เดินมาข้างหน้าพร้อมกับออกไปกับจางหรุ่ย
หลังจากที่จางหรุ่ยถูกนำตัวออกไป ในที่นั่งชั้นพิเศษก็เหลือเพียงแค่หยางเฉินกับผังเสี่ยวเยว่และโจวชินกับเนี่ยเจียเจียรวมถึงเฉินอิงเหาอีกคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...