น่าชื่นชม ผู้นำตระกูลจินกับตระกูลเหลียง ได้พาผู้แข็งแกร่งมาถึงที่โถงรับแขก
“ผู้นำจิน ผู้นำเหลียง ไม่พบกันเสียนานสบายดีนะครับ!”
กวนเจิ้งซานลุกขึ้น เดินหัวเราะตรงเข้าไปต้อนรับ
ทุกวันนี้เขาเกษียณตัวเองยกตำแหน่งให้ทายาทแล้ว แต่วันนี้ต้องต้อนรับคนระดับสุดยอดของมณฑลเจียงผิงและเมืองข้างเคียง เขาจำเป็นต้องให้เกียรติอย่างเต็มที่
“ท่านผู้นำกวน ตระกูลกวนประสบปัญหายุ่งยากขนาดใหญ่แบบนี้ ทำไมไม่บอกข้าจินจื้อหมิงสักคำ?”
ผู้นำตระกูลจินที่หุ่นออกจะอ้วนเล็กน้อย พูดด้วยสีหน้าเหมือนไม่สู้พอใจ
ผู้นำตระกูลเหลียงเหลี่ยงเหวินคางก็พูดด้วยเสียงเยือก ๆ “ผู้นำกวนนี่ท่าจะมองตระกูลจินกับตระกูลเหลี่ยงไม่ขึ้นมั้ง?ถ้าพวกเราไม่ได้รับข่าวข้างนอกมา น่ากลัวถึงตระกูลกวนโดนถล่มราบคาบไป พวกเราก็คงยังไม่รู้เรื่อง”
จินจื้อหมิงกับเหลี่ยงเหวินคางต่างมีสีหน้าไม่พอใจ เหมือนว่าที่กวนเจิ้งซานไม่ได้ออกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขา เป็นการมองพวกเขาไม่ขึ้นปานนั้น
กวนเจิ้งซานรีบชี้แจงไปว่า “นี่ไม่ใช่เพราะข้าเองเกรงจะพาให้พวกท่านเดือดร้อนหรอกหรือ?”
ซูเฉิงอู่ก็หัวเราะแล้วลุกยืนขึ้น พูดออมชอมไปว่า “เรี่องนี้เป็นเพราะตาแก่อย่างพวกเราขาดการไตร่ตรอง ไม่ได้คิดถึงว่าควรต้องขอความช่วยเหลือจากท่านทั้งสอง เป็นข้อผิดพลาดของพวกเราเองจริง ๆ!”
เวลานี้ เป็นช่วงวิกฤตมากของมณฑลเจียงผิง กวนเจิ้งซานและซูเฉิงอู่ต่างก็ไม่ต้องการจะกระทบกระทั่งกับเหล่ามหาเศรษฐีระดับสุดยอดของเมืองข้างเคียง
ฟังกวนเจิ้งซานและซูเฉิงอู่พูดแล้ว จินจื้อหมิงกับเหลี่ยงเหวินคางค่อยดูคลายเครียดลงบ้าง
“พวกคุณวางใจได้ ข้ากับผู้นำเหลียง ได้คัดผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดของพวกเรามาด้วย ให้ตระกูลเซวมันกล้าหาเรื่องมาเถอะ พวกเราจะให้พวกมันหาที่กลับไม่ได้!”
จินจื้อหมิงพูดด้วยสีหน้าหยิ่งทะนง
เหลี่ยงเหวินคางก็เอ่ยปากพูดว่า “ใช่เลย ตระกูลเซวมันจะมองตระกูลพวกเราเป็นลูกพลับเน่าเสียแล้ว ต่อให้ตระกูลเซวเป็นมังกร เข้ามาเหยียบถึงถิ่นพวกเรา มันก็ต้องขดม้วนอยู่นี่แหละ!”
ตระกูลจินกับตระกูลเหลี่ยง ได้นำพาผู้แข็งแกร่งมาเป็นจำนวนไม่น้อย มองดูไป แต่ละตระกูลคงมีนำมากันนับร้อย
ขณะนั้น คนที่มาทั้งหมดรอกันอยู่ข้างนอก
ตระกูลซูกับตระกูลหาน เดิมทีก็นำผู้แข็งแกร่งมาจำนวนไม่น้อย รวมเข้ากับผู้แข็งแกร่งของตระกูลกวนเองด้วย รวม ๆ ทุกตระกูลใหญ่นี้แล้ว ประเมินดูก็ต้องมีห้า-หกร้อยนาย
กองกำลังใหญ่ขนาดนี้ แทบจะพูดได้ว่าไปวางไว้ตรงไหน ก็เป็นพลังใหญ่ยิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลย
แต่ทว่า ตระกูลเซวเป็นหนึ่งในตระกูลมหาเศรษฐีระดับแทบจะเหนือกว่าที่นอกเหนือ
หานเซี่ยวเทียนกลับไม่ยอมไว้หน้าจินจื้อหมิงกับเหลี่ยงเหวินคาง ทำเสียงฮึออกจมูกแล้วพูดว่า “พวกท่านพูดเหมือนจะดูดีนะ ถ้าข้าเดาไม่ผิด ตระกูลเซวน่าจะมีพาคนไปบ้านตระกูลจินกับตระกูลเหลียงแล้วด้วยมั้ง?”
จริงอย่างที่ว่า พอหานเซี่ยวเทียนพูดจบ จินจื้อหมิงกับเหลี่ยงเหวินคางต่างทำหน้าดูไม่ได้เลยขึ้นมา
“หานเซี่ยวเทียน นี่ท่านหมายความว่ายังไง?พวกเราอุตส่าห์มีใจนำเอาผู้แข็งแกร่งชั้นสุดยอดของตระกูลพวกเรามาช่วยเจียงผิงของพวกท่าน ท่านไม่รู้สึกขอบคุณ ยังกลับมาพูดเรื่องลม ๆ แล้ง ๆ แบบนี้หรือ?”
จินจื้อหมิงบันดาลโทสะขึ้นมา จ้องหน้าพูดกับหานเซี่ยวเทียน
สีหน้าเหลี่ยงเหวินคางก็ดูไม่พอใจพูดไปว่า “หานเซี่ยวเทียน อย่าลืมว่าที่นี่บ้านตระกูลกวนนะ ไม่ใช่บ้านตระกูลหาน มาทำอวดเบ่งกับพวกข้า มีคุณสมบัติพอไหมนั่น?”
“ปัง!”
หานเซี่ยวเทียนตบโต๊ะ ลุกพรวดยืนขึ้น กราดพูดไปว่า “กูนี่ตอนที่คุมบ้านตระกูลหานอยู่ เอ็งนี่มันยังคลุกดินเล่นขี้โคลนอยู่เลย มาถามเรื่องคุณสมบัติกู เอ็งไปเรียกพ่อเอ็งมาเลย!”
จินจื้อหมิงกับเหลี่ยงเหวินคางต่างมีอายุประมาณอยู่ที่ห้าสิบ หานเซี่ยวเทียนนั้นรุ่นเจ็ดสิบกว่าแล้ว พูดแบบนี้ก็สมเหตุสมผลอยู่
เห็นท่าหานเซี่ยวเทียนกับสองคนนั้นจะทะเลาะกันใหญ่แล้ว กวนเจิ้งซานกับซูเฉิงอู่ก็รีบลุกขึ้นปราม
“ทุกท่านโปรดระงับอารมณ์หน่อย!ในเมื่อวันนี้ทุกท่านก็มารวมตัวกันที่นี่ เป็นประจักษ์ชัดว่ามาด้วยเรื่องเดียวกัน นั่นก็คือจะรับมือกับตระกูลเซว ไม่ใช่มาทะเลาะกันเอง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...