เห็นบรรดาคนตระกูลกวนมีความจริงใจขนาดนี้ หยางเฉินให้รู้สึกปลื้มอยู่เป็นอันมาก
เดิมก็มีคิดอยู่ว่า ตระกูลกวนที่เป็นสุดยอดมหาเศรษฐีระดับท้องถิ่น ต่อเมื่อก้าวขึ้นไปถึงระดับมณฑลแล้ว ก็คงลืมหมด ไม่รู้ว่าทั้งหมดเพราะใครให้มา
แรกเริ่มนั้น ขณะที่ตระกูลกวนไม่เห็นใส่ใจในตัวหยางเฉิน หยางเฉินก็คิดจะละทิ้งตระกูลกวนแล้ว แต่ในเมื่อพวกเขายังรู้สำนึกผิด ก็ยังพออภัยให้ได้
“ความคิดผมตรงกับความคิดของท่านผู้นำเฒ่าตระกูลหาน พวกคุณไปเจรจากันก่อน ถ้าหากตระกูลเซวไม่ยอมตกลง ยังยืนกรานจะให้มหาเศรษฐีทั้งสามมณฑลต้องยอมสวามิภักดิ์ งั้นก็เปิดศึก!”
หยางเฉินเอ่ยปากพูดเรียบ ๆ
แท้จริงแล้วเขาก็ไม่ต้องการมีเรื่องบาดหมางกับตระกูลหลวง ไม่ว่าตระกูลหลวงก็ดี หรือตระกูลราชวงศ์ ล้วนระดับสุดยอดมหาเศรษฐีที่มีน้ำหนักทางสังคมภายในประเทศจิ่วโจว
ความรุ่งเรืองของเหล่าบรรดามหาเศรษฐีนี้ เป็นตัวบ่งชี้ถึงความร่ำรวยรุ่งโรจน์ของประเทศจิ่วโจวเลยทีเดียว
หากแม้นจะต้องถล่มตระกูลเซวให้ล่มสลายไปจริง สำหรับประเทศจิ่วโจวแล้ว มันจะเป็นความสูญเสียที่ใหญ่หลวงยิ่ง
ฉะนั้น เพียงขอให้ตระกูลเซวไม่ทำอะไรจนเกินเหมาะ หยางเฉินก็จะไม่ก้าวก่ายกับตระกูลเซวได้
“ได้ครับ ในเมื่อคุณหยางท่านพูดอย่างนี้ ผมก็จะปฏิบัติตามที่ท่านว่า หากตระกูลเซวไม่ยอมเจรจา ก็เปิดศึก!”
กวนเจิ้งซานเอ่ยปากตอบไปอย่างไม่ลังเล
“ฮ่า ฮ่า เยี่ยม!”
หานเซี่ยวเทียนพูดด้วยเสียงหัวเราะอย่างดัง ให้เห็นความที่สะใจ
สีหน้าซูเฉิงอู่ออกความเห็นขัดแย้ง ความก้าวหน้าของตระกูลซูในวันนี้ ในข้อเท็จจริงก็มีเกี่ยวข้องกับหยางเฉิน แต่เขายังมีความสัมพันธ์กับตระกูลอวี๋เหวินอย่างมาก ๆ
ในสายตาของเขา ตระกูลอวี๋เหวินมีฐานะยืนอยู่ในระดับสุดยอดมหาเศรษฐีในประเทศจิ่วโจวแล้ว เวลานี้เกิดมีตระกูลเซวขึ้นมาอีก ทั้งยังเป็นตระกูลมหาเศรษฐีที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่กว่าตระกูลอวี๋เหวินหลายเท่า
แล้วจะอาศัยเพียงพวกเขาไม่กี่ตระกูลนี้ จะต้านรับกันไหวจริงหรือ?
แต่ทว่า ตระกูลอวี๋เหวินเคยกำชับเขาไว้แต่แรกแล้วว่า กับหยางเฉินท่านนี้ ไม่ว่าจะกรณีไหน ๆ จะต้องเชื่อใจเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น
ด้านหนึ่งยืนตรงข้ามกับตระกูลเซว อีกด้านหนึ่งหยางเฉิน ซูเฉิงอู่เองตัดสินใจไม่ถูกในเวลาเดียวกัน
“กวนเจิ้งซาน คุณจะบ้าไปแล้วหรือ?”
สีหน้าจินจื้อหมิงกับเหลี่ยงเหวินคางเปลี่ยนไปกันทันที ต่างพากันถามใส่กวนเจิ้งซานอย่างกราดเกรี้ยว
“ไอ้นี่มันตัวอะไรกัน?ทำไมพวกคุณยอมเอาทั้งอนาคตของตระกูลกวน ไปฝากไว้กับเด็กหนุ่มที่ขนยังขึ้นไม่เต็มคนนี้?”
เหลียงเหวินคางพูดใส่ด้วยความโกรธ
จินจื้อหมิงก็ถามไปอย่างโมโหว่า “คุณทำแบบนี้ ไม่เพียงผลักไสตระกูลกวนเข้าไปในทางตัน อีกยังพากลุ่มพันธมิตรพวกเรา โดนผลักตามเข้าไปในทางมรณะด้วย!”
“หุบปาก!”
กวนเจิ้งซานตวาดใส่ด้วยความโมโห “คุณหยางเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงศักดิ์ที่สุดของตระกูลกวน อีกทั้งเป็นผู้มีเกียรติศักดิ์สูงที่สุดของตระกูลมหาเศรษฐีในมณฑลเจียงผิงทั้งหมด พวกเจ้านี่แหละเป็นตัวอะไรกัน มีหน้ามาข้องใจสงสัยคุณหยาง?”
ก็ได้ตัดสินใจเลือกแล้ว กวนเจิ้งซานก็ต้องไม่ทำให้หยางเฉินผิดหวังอีก
จินจื้อหมิงและเหลี่ยงเหวินคางต่างงงเป็นไก่ตาแตก เหมือนคิดไม่ถึง แค่กับเด็กหนุ่มวัยยี่สิบเศษ กวนเจิ้งซานถึงขนาดกล้าด่าว่าพวกเขาเป็นตัวอะไรต่อหน้าธารกำนัล
ต่างคนก็อยู่ในฐานะมหาเศรษฐีชั้นสุดยอด ถึงแม้กวนเจิ้งซานจะอยู่ในระดับอาวุโส แต่ก็ไม่มีเหตุผลพอที่จะเอาอารมณ์คำพูดแบบนี้มาใช้
“ไอ้กลุ่มพวกขี้ขลาดที่คิดว่าตัวเองคิดถูก ในเมื่อพวกแกไม่กล้าจะเปิดศึกกับตระกูลเซว งั้นก็ไสหัวกันกลับไปรอที่บ้านตระกูลตัวเอง ไปนั่งรอตระกูลเซวไปเก็บกวาดพวกแกเถอะ!”
หานเซี่ยวเทียนพูดไปหัวเราะเย้ยหยันไป
เมื่อสักครู่ ท่าทีจินจื้อหมิงกับเหลี่ยงเหวินคางที่แสดงออกต่อตระกูลเซว ก็ได้กระตุ้นความโกรธของหานเซี่ยวเทียนแล้ว มาตอนนี้เจ้าสองคนนี้ยังกล้ามาหมิ่นประมาทหยางเฉินว่าเป็นตัวอะไร ยิ่งทำให้ไม่มีอะไรต้องให้อภัยอีกแล้ว
“ไอ้ขี้ขลาด?”
จินจื้อหมิงพูดด้วยความโกรธ “ถ้าพวกผมขี้ขลาด ก็คงไม่มาหาพวกคุณเพื่อปรึกษากัน ร่วมกันวางแผนขับไล่ศัตรูกันแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...