The king of War นิยาย บท 77

หลังจากวางสายโทรศัพท์ลง ฉินยีหน้าตาอึ้งทึ่ง มือถือร่วงลงที่พื้นทันที น้ำตาของเธอไหลออกมาแบบกลั้นไม่อยู่

สำหรับเธอแล้วเสียงเมื่อสักครู่นั้นคุ้นหูมาก ก็คือกวนเสว่เฟิงเถ้าแก่ของหอเหล้าแสงพระจันทร์

หลายวันก่อนเธอไปดื่มเหล้าที่นั่นคนเดียว เป็นกวนเสว่เฟิงที่วางยาในเหล้าของตนเอง ถ้าไม่ใช่ว่าเซินปาปรากฏตัวขึ้น เธอคงโดนจัดการไปแล้ว

“เสี้ยวเสี้ยวโดนพวกเขาลักพาตัวไป จะต้องเป็นเพราะฉันแน่” ฉินยีหน้าตำหนิตัวเอง

ในใจของเธอร้อนรนอย่างยิ่ง หยิบมือถือขึ้น ไม่รู้ว่าควรโทรศัพท์ไปหาหยางเฉินหรือไม่

เมื่อสักครู่ที่หยางเฉินโทรศัพท์มาถามเธอว่ารับเสี้ยวเสี้ยวไปหรือเปล่า เธอก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ในน้ำเสียงของหยางเฉินเห็นได้ชัดว่าร้อนใจระดับหนึ่ง

แต่เขาเหมือนกลัวว่าตนเองจะเป็นกังวล ดังนั้นจึงไม่ได้บอกความจริงที่เสี้ยวเสี้ยวโดนคนลักพาตัวไป

“ไม่ได้ ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะฉัน งั้นมีเพียงฉันต้องไปจัดการเอง ฉันทำให้เสี้ยวเสี้ยวลำบากไปด้วยแล้ว จะดึงพี่เขยมาลำบากด้วยอีกไม่ได้” ในที่สุดฉินยีตัดสินใจแน่วแน่ หยิบกุญแจรถมาเซราติขึ้นแล้วเดินออกไป

หลังจากที่รู้ว่ามาเซราติคันนั้นไม่ได้ส่งมาให้ตนเอง ฉินยีก็ไม่ได้แตะต้องรถคันนี้อีกเลย วันนี้เพราะกังวลเรื่องเสี้ยวเสี้ยว ถึงได้ขับรถคันนี้ออกไป

มาเซราติสีขาวราวกับสายฟ้าแลบสีขาว พุ่งผ่านท่ามกลางรถยนต์ที่วิ่งไปมา

ระยะทางที่เดิมทีใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ฉินยีใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีก็มาถึงแล้ว รถสะบัดท้ายอย่างสวยงาม จอดอยู่ที่หน้าประตูของหอเหล้าแสงพระจันทร์

“ฉันมาหาเจ้านายของพวกเธอ!” ฉินยีวิ่งมาถึงที่หน้าประตูผับ พุ่งไปยังประชาสัมพันธ์ด้านหน้าแล้วตวาดใส่ทีหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่ากวนเสว่เฟิงสั่งการไว้เรียบร้อย พนักงานด้านหน้ามองฉินยีแวบหนึ่ง จากนั้นพาเธอไปยังห้องส่วนตัวด้านในที่สุด

“คุณชายเฟิง คนมาถึงแล้วค่ะ” พนักงานด้านหน้าเคาะประตูเปิด พาฉินยีเดินเข้าไปแล้ว

กวนเสว่เฟิงรออย่างร้อนใจตั้งนานแล้ว มองเห็นฉินยีปรากฏตัว และเป็นรอยยิ้มสดใสแบบเป็นเอกลักษณ์นั้น “คุณฉิน พวกเราเจอกันอีกแล้ว”

ในอ้อมอกของกวนเสว่เฟิง ยังคงมีหญิงสาวที่คุ้นเคยอิงอยู่คนหนึ่ง คาดไม่ถึงจะเป็นฟางเยว่

ฉินยีไม่มองฟางเยว่สักแวบเดียว มองทางกวนเสว่เฟิงแบบเย็นชาพลางพูดอย่างโมโห “เสี้ยวเสี้ยวล่ะ?”

“คุณฉิน ไม่ง่ายที่พวกเราจะได้มาเจอหน้ากัน ทำไมคุณดูไม่ดีใจสักนิดเลยล่ะ?” กวนเสว่เฟิงยิ้มกริ่มพูดขึ้น

มองรอยยิ้มที่ดูไม่มีพิษมีภัยต่อใครของเขา คนที่ไม่รู้ยังคิดว่าจริงๆ เขาเป็นสุภาพบุรุษที่มีคุณธรรมอะไรทำนองนั้น

“สรุปเสี้ยวเสี้ยวอยู่ที่ไหน?” ฉินยีกัดฟันแน่น อยากจะพุ่งเข้าไปฆ่าคนสารเลวตรงหน้าใจแทบขาด

“ฉินยี เหมือนว่าเธอไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้ของตัวเองเท่าไรนะ อยากจะพายัยเด็กเปรตนั้นกลับไปบ้านอย่างปลอดภัย งั้นก็ปรนนิบัติคุณชายเฟิงให้ดีก่อนสิ” เวลานี้ฟางเยว่ลุกขึ้นยืน จ้องฉินยีด้วยท่าทางมองจากบนลงล่าง

“ฟางเยว่ เธอว่าเสี้ยวเสี้ยวแบบนี้ได้ยังไงกัน? หล่อนเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง เธอพูดจาว่าร้ายไม่ได้ จะว่าไป เธอก็เป็นน้าของเสี้ยวเสี้ยวเหมือนกัน” ฉินยีทำหน้าคาดไม่ถึงว่าฟางเยว่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้

“ป้าบ!”

ฉินยีพึ่งพูดจบไป ฟางเยว่ก็ยกมือขึ้นมาตบบนหน้าของฉินยีไปทีหนึ่ง พูดจาโกรธเคือง “นังสารเลวคนนี้ เธอหุบปากไปเลย! ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เขยสวะคนนั้นของแก ฉันจะตกอยู่ในสภาพแบบตอนนี้ได้ยังไงกัน?”

“เธอกล้าตบฉัน!”

ฉินยีไม่ใช่คนที่จะมารังแกได้ง่ายๆ ฟางเยว่พึ่งตบเธอไปทีหนึ่ง เธอก็พลิกมือตบกลับไปด้วย

“ใครใช้ให้เธอปากพล่อยล่ะ เดี๋ยวฉันจะฉีกปากเธอออกเอง” ฉินยีจับผมของฟางเยว่ไว้ ยกมือข้างหนึ่งตบบนหน้าของฟางเยว่ขึ้นมาแล้ว

“ป้าบ! ป้าบ! ป้าบ!”

รอบหนึ่งตบไปสามทีติด ทั้งห้องส่วนตัวล้วนเป็นเสียงกรีดร้องของฟางเยว่

กวนเสว่เฟิงนั่งอยู่บนโซฟา ไม่เพียงไม่ได้มีความหมายจะห้ามทัพ แต่ทว่ายังมองด้วยหน้าตาที่สนใจมาก

“คุณชายเฟิง นังสารเลวคนนี้กล้าตบฉัน คุณรีบช่วยฉันด้วยสิ” หน้าข้างซ้ายของฟางเยว่โดนฉินยีตบไปหลายที ทั้งบวมทั้งแดง

สู้ฉินยีไม่ได้ หล่อนจึงหันไปขอความช่วยเหลือทางกวนเสว่เฟิงขึ้นมา

กวนเสว่เฟิงยิ้มกริ่มจ้องมองฉินยี “คุณฉินยังโหดจริงๆ แต่ว่าผมชอบ ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวตอนขึ้นเตียง คุณจะโหดได้ขนาดนี้หรือเปล่า?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War