บทที่ 2 ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว
ที่แท้พ่อแม่พี่สาวไปทำงานแรงงานต่างประเทศ ล้วนเป็นการโกหกตัวเอง
ต่อมา เฉินเกอก็โทรศัพท์ไปหาพ่อแม่โดยเฉพาะ ตอนแรกพวกเขาโมโหพี่สาวที่บอกข่าวว่าเขาเป็นทายาทเศรษฐีให้เฉินเกอรู้ล่วงหน้า จากนั้นก็ขอโทษเฉินเกออะไรประมาณนั้น
พ่อบอกว่ามีหลานชายเพียงคนเดียว เขาจะต้องอบรมปลูกฝังอย่างตั้งใจ อย่างไรก็ตามพ่อพูดมาเยอะแยะมากมาย!
จนกระทั่งสุดท้ายหลังจากที่เฉินเกอถอนเงินสดออกจากธนาคาร10ล้าน แล้วก็บัตรทองช๊อปปิ้งพรีเมียมเหล่านั้นที่พี่สาวตัวเองส่งพัสดุมาให้
เฉินเกอจึงจะยอมเชื่อมั่น
นี้ไม่ใช่ความฝัน!
เฉินเกอมีความรู้สึกยากจะบรรยายอยู่ในใจ:
“เหอะ หยางเสว่ หากเธอยังไม่เลิกกับตัวผมเอง บางทีเธออาจจะได้ของทุกอย่างที่เธออยากได้สินะ? ”
“แล้วก็ สวี่ตง ลู่หยาง นายทั้งสองอาศัยที่บ้านมีเงิน คนหนึ่งกลุ่มทำตามพวกคุณ ดูถูกกลั่นแกล้งผมหลายครั้ง ไม่รู้ว่าชีวิตหลังจากนี้เป็นต้นไป จะเป็นอย่างไร?”
เฉินเกอฝืนยิ้ม
และขณะที่ออกจากธนาคารไปที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย เป็นเวลาใกล้จะเที่ยงแล้ว
ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของเฉินเกอก็ดังขึ้น เมื่อมองไปเป็นประธานหอพักโทรมา
“ประธาน!”
“พี่เฉิน นายไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม ทำไมไม่อยู่ที่หอพักละ?”
“อ่อ ผมออกมาเดินเล่น!”
“ทำพวกเราสองสามคนตกใจหมดเลย ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของหม่าเสี่ยวหนาน เธอติดต่อนายไม่ได้ ฝากผมมาถามนายโดยเฉพาะว่าจะไปงานวันเกิดเธอหรือไม่ เธอบอกว่าก่อนหน้านี้สองสามวันได้พูดถึงวันเกิดของเธอกับนายแล้ว!”
เฉินเกอได้ยินคำพูดนี้ ไปเปิดดูสายที่ไม่ได้รับ ที่แท้ ในจำนวนสายที่ไม่ได้รับหลายสาย ก็รวมของหม่าเสี่ยวหนานด้วย
หม่าเสี่ยวหนานเป็นเพื่อนโต๊ะเดียวกันกับเฉินเกอหน้าตาสวยงามมาก มีความสัมพันธ์ที่ดีสุดๆกับเฉินเกอ
ว่าไปแล้ว นอกจากหยางเสว่ความสัมพันธ์ที่เคยเป็นคนรักกัน เฉินเกอก็มีหม่าเสี่ยวหนานเพียงคนเดียวที่เป็นเพื่อนผู้หญิง
เธอเคยพูดกับตัวเองจริงๆว่าวันเกิดของเธอตัวเองต้องไป แต่ตอนนั้น แม้แต่กินข้าวตัวเองก็ยังมีปัญหาเลย จึงไม่ได้พูดอะไร
แต่ตอนนี้...... เฉินเกอตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป ต้องมีกลุ่มเพื่อนของตัวเอง
ทำไมจะไม่ไปละ?
“ต้องซื้อของขวัญสักหน่อยสินะ?”
หลังจากที่วางสายโทรศัพท์แล้ว เฉินเกอกวาดสายตารอบหนึ่ง หนึ่งในร้านขายของขวัญที่อยู่รอบๆ มีเพียง “แอร์เมส” ร้านเดียวที่ดึงดูดคนมากที่สุด
นี่คือร้านขายของแบรนด์เนมที่โด่งดังทั่วโลกร้านหนึ่ง ของที่อยู่ข้างในแพงมาก แต่กลับดึงดูดทายาทเศรษฐีในมหาวิทยาลัยเข้ามามากมาย สาเหตุหลักก็เพราะมีหน้ามีตา!
เฉินเกอเดิมทีก็ไม่ได้ติดสินใจจะไปซื้อ แต่เมื่อนึกถึงบัตรทองช๊อปปิ้งพรีเมียมที่ใช้ได้ทั่วโลกที่พี่สาวส่งมาให้ตัวเองในวันนี้
จึงหักห้ามใจไม่ไหว
เสียดายเงิน ใช้จ่ายบัตรช๊อปปิ้งเฉินเกอมีมีความรู้สึกผิดน้อยลงไปมาก!
ทันใดนั้น เฉินเกอหายใจเข้าลึกๆ เดินเข้าไปในตึกหรูแอร์เมส
“สวัสดีค่ะคุณ มีอะไรที่สามารถช่วยคุณได้ไหมคะ?”
พนักงานสาวสวยบุคลิกดีที่อยู่ข้างใน ทักทายเฉินเกออย่างเกรงใจ
เพียงแต่ว่า เธอมองดูการแต่งกายของเฉินเกอแม้ท่าทางจะเกรงใจ แต่ในสายตาก็ยังคงมีความรู้สึกดูถูกที่สังเกตได้ไม่ง่ายเลย
คนที่เข้ามาดูของเธอจะรู้ แต่สวมชุดที่เห็นได้ทั่วไปในตลาด ก็คิดอยากจะเข้ามาเปิดหูเปิดตา?
“ผมขอดูเรื่อยๆก่อน......” เฉินเกอตอบกลับหนึ่งประโยค เป็นครั้งแรกที่มาร้านแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรจริงๆ
และพฤติกรรมของพนักงานหญิงสาวก็เย็นชาลงมา ทั้งยังมองตาขาวใส่เฉินเกอที่มีท่าทางยากจน
“พี่หยาง นายซื้อกระเป๋าใบนี้ให้ฉันได้ไหม?”
นาทีนี้ เสียงที่ทำให้เฉินเกอรู้สึกคุ้นหูดังขึ้น ผู้หญิงที่มีรูปร่างสูงสง่า หน้าตาสวยงามควงแขนผู้ชายมาปรากฏในร้าน
เฉินเกอหันไปมอง ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยน
ถูกต้อง คนที่มาก็คือ หยางเสว่กับลู่หยาง
“เอ๋? คุณชายหยางหรอ คนนี้คือแฟนสาวของคุณหรอ? สวยจริงๆ!”
ส่วนพนักงานหญิงสาวที่อยู่ข้างเฉินเกอเห็นลู่หยางพริบตาเดียว ทันใดนั้นพฤติกรรมก็เปลี่ยนไปอย่างมากเป็น 180องศา รีบเข้าไปยิ้มต้อนรับ
ครอบครัวลู่หยางร่ำรวย ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็เป็นที่สะดุดตาของผู้คน ทันใดนั้นก็ยิ้มและพูดกับพนักงานหญิงที่อยู่ตรงหน้า:
“พี่จางหรู นี่เป็นแฟนของผมหยางเสว่ พาเธอมาดู ซื้อกระเป๋าสักหนึ่งใบ!”
ใบหน้าของหยางเสว่แดงขึ้นมาเล็กน้อย เป็นคุณชายหยางจริงๆ เดินไปที่ไหนก็มีหน้ามีตา
ทันใดนั้นหยางเสว่ชี้ไปที่กระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นหนึ่งพูดว่า “คุณชายหยาง ฉันอยากได้รุ่นนี้!”
กระเป๋ารุ่นนั้นถูกวางในไว้ในตู้ ดูหรูหราและอลังการมาก
พนักงานขาย จางหรูยิ้มและพูดว่า: “กระเป๋ารุ่นนี้เป็นรุ่นสะสมที่คิดค้นขึ้นในช่วงงานฉลองประวัติศาสตร์200ปีของแอร์เมส ผลิตเพียง200ใบทั่วโลก ถ้าหากต้องการซื้อ อย่างน้อยๆก็ประมาณ 3แสน6หมื่น !”
“อา!”
หยางเสว่ตกใจจนต้องเอามือปิดปากตัวเอง
ส่วนลู่หยางหนังตาก็กระตุกเล็กน้อย ทันใดนั้นยิ้มและพูดว่า “พี่จางหรู ถ้าผมเดาไม่ผิดแล้วละก็ นี้เป็นงานฝีมือล้วน เป็นงานละเอียด ปีก่อนเพิ่งจะเปิดตัว คว้า10อันดับต้นๆของสินค้าแบรนด์เนมทั่วโลกสินะ?”
“คุณคะ การจัดสรรของทางร้านเรา นอกจากกระเป๋ารุ่นที่สะสม โดยทั่วไปแบรนด์เนมอื่นๆ ท่านไม่สามารถซื้อได้! ฉันไปเอากระเป๋ารุ่นที่สะสมนั้นมาให้ท่านลองดูนะคะ!”
พนักงานโค้งคำนับไม่หยุด ทำให้ เฉินเกอเขินอายที่จะเดินออกไป
ส่วนทางนั้น หยางเสว่มองดูลู่หยางแนะนำกระเป๋าแบรนด์เนมเหล่านั้นด้วยสีหน้าที่หลงรัก
ก็เห็นพนักงานคนหนึ่ง ถือกุญแจไปหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นสะสมใบนั้นออกมา
พนักงานจางหรูขมวดคิ้วพูดว่า “หวังเสี่ยวเฟย เธอทำอะไร?”
หวังเสี่ยวเฟยพูดพึมพำว่า “ฉันจะเอาไปให้ลูกค้าคนนั้นดู!”
“ของแบบนี้ดูได้ตามอำเภอใจหรอ? ใครอยากดู!?”
จางหรูพูดด้วยพร้อมขมวดคิ้ว
หวังเสี่ยวเฟยมองดูเฉินเกอด้วยความเคารพ “คุณผู้ชายท่านนี้!”
ลู่หยางหยางเสว่ได้ยินจึงหันไปมอง เพียงแต่ว่าครั้งนี้ สายตาของทุกคนต่างก็ตกตะลึง......
“ฮาฮาฮา!”
ลู่หยางเห็นว่าเป็นเฉินเกอหัวเราะเสียงดังออกมาทันที
หากเป็นไปได้ เขาจะนอนหัวเราะบนพื้นแล้ว
“เธอพูดอะไรนะ? คนๆนี้จะดูกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นสะสมนี้หรอ?”
ลู่หยางชี้ไปที่เฉินเกอ
ดูเหมือนเจอเรื่องตลกที่มีความตลกมาก
หยางเสว่ก็มองไปที่เฉินเกอด้วยความดูถูก ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ เฉินเกอนี้น่าอายจริงๆ
“ไม่นะ เขามีบัตรสีดำทองในมือ เป็นลูกค้าระดับพรีเมียมของพวกเรา!”
“พัฟ!” ลู่หยางหัวเราะพุ่งออกมา “ลูกค้าระดับพรีเมียมงั้นหรอ นี้เป็นเพียงคนจนที่มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยของพวกเรา!”
หยางเสว่ด่าตรงไปที่เฉินเกอว่า “เฉินเกอถ้านายยังรู้จักคำว่าอายคน ก็รีบไสหัวออกไป!”
เหอะเหอะ......
เฉินเกอฟังคำเยาะเย้ยของสองสามคนนี้ รวมไปถึงแม้พนักงานก็มองดูตนด้วยความดูถูก
ทันใดนั้น ในขณะที่ทุกคนต่างรู้สึกตลกขบขำ กลับเดินหน้าไปที่เคาน์เตอร์ก้าวใหญ่ ตบบัตรสีดำทองลงบนโต๊ะ
“วันนี้ซื้อกระเป๋าใบนี้เลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!
พระเอกแม่งโครต looser จัดสภาพ...