บทที่ 492 เรื่องดี ๆ
คุณชายหลิวเองก็ไม่ใช่คนโง่ เมื่อได้ยินที่ลูกน้องเตือนแล้ว ทันใดก็รู้ว่าพวกนั้นนั้นเก่งแค่ไหน
จากนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
ส่วนบริษัทเทียนหลงกรุ๊ปของเฉินเกอนั้น
เกิดการเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากจริง ๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ ได้สยบอิทธิพลทั่วทุกสารทิศในหมู่บ้านถาโกว แล้ว และสองพี่น้องอย่างจางหลงและจางหูที่เมื่อก่อนเคยโดนเหวินเซินนั้น ทำให้แตกพ่ายไป แต่ตอนนี้ ก็ได้กลับคืนสู่สภาพเดิมเยอะแล้ว
และปัจจุบันนี้ บริษัทเทียนหลงกรุ๊ปก็ได้ฟื้นคืนสภาพของหมู่บ้านถาโกวดังเดิม และก็กำลังเตรียมที่จะพัฒนาไปให้ทั่วและครอบคลุมเขตเทียนเฉิงอีกด้วย และแน่นอนว่า ความสำเร็จครั้งนี้นั้น จะขาดตระกูลเว่ยไปไม่ได้ เพราะพวกเขาเองก็ได้ให้ความช่วยเหลือเหมือนกัน
“บริษัทเทียนหลงกรุ๊ปสมแล้วกับสมญานาม ม้าดำกำลังมาก ช่างสุดยอดจริง ๆ ”
ตาแว่นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เฉินเกอ ในเวลานั้นก็ได้พูดขึ้น
“ทำไมบริษัทเทียนหลงกรุ๊ปใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถมีอำนาจในเทียนเฉิงของพวกเราได้แล้วล่ะ”
ผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ก็เป็นเพราะนายใหญ่ของเทียนหลงไง ได้ยินมาว่า เขาเป็นคนที่เก่งมาก ๆ ทั่วทุกสารทิศต่างต้องยอมสยบให้ แค่ลองปล่อยหมัดออกมาหมัดเดียว คนอื่น ๆ ถึงกับจำนน และตอนนี้ ในเขตเทียนเฉิงไม่มีใครหน้าไหน ที่จะกล้าต่อกรกับพวกเขา นอกจากเหวินเซินคนที่ยังไม่ได้กลับมา”
ตาแว่นดูเหมือนว่าจะเข้าใจเป็นอย่างดี
จากนั้น ก็เลยได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้กับคนอื่น ๆ ฟัง
เรื่องนี้ หากเป็นเทียนหลงยื่นมือเข้ามาช่วย งั้นมันก็คงจะไม่ใช่ปัญหาหรอก
หยูเจียงดูมีท่าทีที่พอใจมาก
จากนั้น เฉินเมิ่งและอาจารย์ผู้หญิงคนอื่น ๆ ก็ได้เดินไปคุยกันที่ห้องของผู้อำนวยการ
และระหว่างทางก็ได้เดินผ่านเฉินเกอ เฉินเมิ่งมองที่เฉินเกอ ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ
ซึ่งก็เดินไป โดยที่ไม่ได้บอกกล่าวแต่อย่างใด
เมื่อก่อนตัวเองนั้น ก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเฉินเกอ
แต่ตอนนี้ได้เข้าสู่สังคมของการทำงานแล้ว และก็เป็นช่วงเวลาที่ต้องการคู่ชีวิต
เฉินเมิ่งตั้งแต่มัธยมต้นจนถึงมหาวิทยาลัย เธอเป็นผู้หญิงที่ถูกจัดอยู่ในประเภทผู้หญิงที่หน้าตาดีมาก หากว่าเธอต้องการที่จะหาแฟน คงต้องเลือกให้มาก ๆ หน่อยเป็นธรรมดา
เมื่อก่อน คิดว่าเฉินเกอเป็นหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี นิสัยก็ดี
ดังนั้น เฉินเมิ่งเลยรู้สึกดีกับเขามาก
ในเวลานั้นหยูเจียงแทบจะเทียบเฉินเกอไม่ติดเลย
แต่เมื่อได้รู้จักกันนานขึ้น เฉินเมิ่งก็พบว่า หยูเจียงนั้นเป็นคนที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด
แต่เฉินเกอนั้นเหมือนจะไม่มีอะไรเลย
และความรู้สึกของเฉินเมิ่งที่เคยมีต่อตัวเองนั้น ก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว
เฉินเกอแต่ยิ้ม ซึ่งก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เอาจริง ๆ แล้ว เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้ตัวเองนั้น เข้าใจพวกเธอขึ้นเยอะเลย
เห็นได้ชัดว่า ความดีความชอบทั้งหมดนั้น เป็นของหยูเจียงแต่เพียงผู้เดียว
เฮอะ ๆ!
เรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วล่ะ
เช่นเดียวกับครั้งแรก ๆ ที่จ้าวยีฟานนั้น ไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร ในใจก็คงจะเสียใจและเสียดายอยู่บ้าง
แต่ว่า ตอนนี้ เฉินเกอไม่ได้มีความรู้สึกอะไรแล้ว
พอถึงตอนบ่าย ก็ได้กลับไปยังห้องพักอาจารย์
และพอถึงช่วงเวลาที่จะเลิกงาน
ก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง
และที่ทำให้เฉินเกอรู้สึกแปลกใจก็คือ ปลายสายนั้น เป็นสาวรับใช้ของยู่จินเซียงโทรมา
“อาจารย์เฉินคะ ฉันอยู่ที่ร้านกาแฟสตาร์บัคในเมือง อาจารย์เลิกงานยังคะ รบกวนมาที่นี่หน่อยค่ะ ฉันมีเรื่องด่วนที่จะคุยกับอาจารย์ค่ะ”
ยู่จินเซียงพูดอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ
“เรื่องอะไรหรอ คงไม่ใช่เรื่องขอบคุณฉัน ที่ฉันได้ช่วยเธอไว้หรอกนะ จะเลี้ยงกาแฟฉันหรอ”
เฉินเกอพูด
“ไม่ใช่แค่นั้นค่ะ แต่อย่างไร ก็ให้อาจารย์มาก่อน แล้วค่อยพูดดีกว่าค่ะ”
เมื่อพูดจบ ยู่จินเซียงก็ได้วางสายไป
เฉินเกออยู่ในอาการงง ๆ จึงได้แต่ขมวดคิ้ว แต่ว่า อย่างไรก็ต้องไป เพราะว่า ตอนนี้ตัวเองนั้น ต้องการที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่มีต่อยู่จินเซียงนั้นเอาไว้ก่อน
เมื่อถึงที่ร้าน ยู่จินเซียงก็ได้สั่งกาแฟไว้เรียบร้อยแล้ว เธอนั่งรอเฉินเกอที่โต๊ะใกล้ ๆ กับหน้าต่าง และสิ่งที่ทำให้เฉินเกอรู้สึกแปลกใจก็คือ
ข้าง ๆ ของยู่จินเซียงนั้น ยังมีผู้หญิงอีกหนึ่งคนนั่งอยู่ ผู้หญิงคนนี้อายุประมาณยี่สิบสี่ปีเห็นจะได้
เพราะดูท่าแล้ว น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!