บทที่74 เขาก็คือคนบ้าที่ซื้อรถผู้นั้น
“ผมไม่มีของขวัญ!”
เฉินเกอฝืนยิ้มด้วยความขมขื่น
ตอนแรกเขาคิดจะซื้อ แต่ซูมู่หานไม่เห็นด้วย บอกว่าสองคนใช้ของขวัญชิ้นเดียวกันก็พอ ดังนั้นหล่อนจึงเป็นคนซื้อของขวัญ!
และเฉินเกอก็มาด้วยสองมือเปล่า
แค่มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิด ให้คุณยายมีความสุขก็พอแล้ว ใครจะไปคิดว่าซูหยิ่งจะตั้งใจแกล้งหาเรื่องฉันแบบนี้!
“ว่าไงนะ? ไม่มีของขวัญ? ยังคิดว่าแฟนของมู่หาน จะให้ของขวัญล้ำค่าเสียอีก!”
“ไหนบอกว่าแฟนของมู่หานเป็นลูกเศรษฐี? ตามหลักแล้ว เขาควรซื้อของขวัญมาให้จึงจะถูก เข้ามาบ้านผู้หญิงครั้งแรก ไม่เอาอะไรมาสักอย่าง?”
“เอ๊ะ ถ้าเทียบกับหลี่เจี้ยนหนาน แฟนของซูหยิ่ง เขาแย่กว่าเยอะเลย!”
เหล่าเพื่อนสนิทต่างพากันพูดซุบซิบวิจารณ์
เสียงไม่ถือว่าเบามาก เพราะทุกคนในที่นั้นล้วนแล้วได้ยินกันหมด
ขณะนั้น สีหน้าของคุณยายแย่ลงทันที
หล่อนไม่ใช่คนที่ชอบของขวัญ แต่คนสูงวัย ให้ความสำคัญกับหน้าตามากที่สุด
ดังนั้น หากจะพูดถึงทัศนคติความประพฤติของเฉินเกอ คงเทียบไม่ได้กับหลี่เจี้ยนหนานที่กระตือรือร้นเป็นมิตร
แค่บอกไปว่าไม่เป็นไร จึงให้เฉินเกอไปนั่งด้านข้าง
จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบต่อ : “เฉินเกอเอ๋ย ได้ยินมาว่าครอบครัวนายค่อนข้างมีฐานะ ทำธุรกิจอะไรงั้นรึ?”
“อ๋อ ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเกือบทุกแขนงธุรกิจเลยครับ!”
เฉินเกอพูดขึ้นอย่างเนิบๆ
แม้ว่าเฉินเกอจะพูดความจริง แต่ในสายตาของคุณยายและทุกคน รู้สึกถึงความไม่เคารพของเขา
เกี่ยวข้องกันหมด?
เป็นธุรกิจแบบไหนกันแน่รึ?
ตอบคำถามชุ่ยๆเช่นนี้?
ซู่มู่หานรีบยิ้มตอบทันที : “คุณยาย เขาเพิ่งมาครั้งแรก ยายถามเยอะขนาดนี้ ระวังทำให้เขาตกใจสิคะ!”
“โอเคๆๆๆ งั้นยายไม่ถามแล้วนะ!”
คุณยายหยุดพูดเรื่องนี้ทันที
เพราะซูมู่หานเป็นถึงหลานสาวที่ยายเอ็นดูที่สุด
“เหอะ เป็นเพราะถามเยอะจึงทำให้เขาตกใจ? หรือเป็นเพราะตัวเขากลัวคำถามนี้เองล่ะ? น้องสาวจ้ะ พูดอธิบายให้ชัดหน่อยสิว่าบ้านของเฉินเกอทำธุรกิจอะไรกันแน่? ฉันว่าเธอเข้าใจชัดกว่าใครๆ!”
จู่ๆซูหยิ่นพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคืองใจ
สิ่งที่หล่อนเห็นแล้วรำคาญใจที่สุดก็คือ ไม่ว่าซู่มู่หานจะพูดอะไร คุณยายกลับรู้สึกว่าถูกต้องทุกอย่าง
คุณยายจะเห็นดีเห็นงามด้วยเสมอ
แต่หล่อนก็เป็นลูกหลานเหมือนกัน หากทำผิดเพียงเล็กน้อย ก็จะถูกด่าว่าจนต้องอับอาย
ดังนั้น จึงทำให้ซูหยิ่นที่เดิมทีไม่อยากทำกับหล่อนเช่นนี้ถึงกับทนไม่ไหว
วันนี้ ฉันจะคอยดูว่าซูมู่หานจะทำยังไงต่อไป
สุดท้าย เป็นอย่างที่คาดไว้ คำพูดนี้ทำให้คุณยายฉุกคิดขึ้นได้
ทั้งยังคิดไปถึงความคิดทัศนคติของลูกสะใภ้อย่างหวังหุ้ยหมิ่น
คุณยายขมวดคิ้วถามขึ้น : “มู่หาน หนูปิดบังเรื่องอะไรกับยายอยู่รึเปล่า? ตกลงครอบครัวของเฉินเกอทำธุรกิจอะไร?”
สีหน้าของซูมู่หานเริ่มตึงเครียดตื่นตกใจ
จากนั้นมองไปที่ซูฉีผู้เป็นน้องชายที่นั่งอยู่ด้านข้าง
ซูหยิ่นพอจะรู้เรื่องมาบ้าง ว่าต้องเกี่ยวกับซูฉีแน่นอน
และเป็นเหมือนที่หล่อนคิดไว้ ซูฉีไม่กล้าแม้แต่จะสบตาพี่สาว
“คุณยาย หนูเปล่า...”
ซูมู่หานพูดด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว
“เหอะๆ เธอคงไม่กล้าพูดสินะ งั้นก็ดี วันนี้ฉันจะพูดแทนเธอ คุณยาย! ยายรู้ไหมว่าเฉินเกอผู้นี้เขาเป็นใคร?”
“เมื่อก่อนเขาเป็นยาจกผู้โด่งดังในมหาวิทยาลัยจินหลง หาเงินประทังชีวิตโดยหลอกเงินคนอื่น...ใช่ และแน่นอน หลังจากนั้นเฉินเกอเริ่มมีเงินแล้ว นั่นเป็นเพราะเขาได้โชคลาภก้อนใหญ่ ถูกล็อตเตอรี่ สุดท้ายเป็นยังไง คุณยายลองเดาดูสิคะ? เฉินเกอเขา...”
ไม่รู้ว่าซูหยิ่งได้ข่าวพวกนี้มาจากไหน
แต่เอาเป็นว่า เมื่อหล่อนพูดขึ้นมา พูดได้อย่างคล่องแคล่ว
ราวกับว่าหล่อนเคยเห็นด้วยตาตัวเอง เล่าเรื่องสมัยก่อนของเฉินเกอออกมาได้ทั้งหมด
รวมถึงเรื่องราวชีวิตหลังจากถูกล็อตเตอรี่ ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย
และที่มากกว่านั้นคือ หล่อนเล่าต่อหน้าบรรดาญาติทุกคน
“อะไรนะ? ที่แท้มู่หานหาผู้ชายแบบนี้มาเป็นแฟนงั้นเหรอ?”
“ยังมาบอกว่าเขาเป็นลูกเศรษฐี ฉันว่า หมอนี่ต้องจงใจมาหลอกมู่หานแน่นอน จึงแต่งเรื่องหลอกว่าตัวเองมีฐานะหน้าตาใช่ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!