บทที่911 ลงมือทำเรื่องเลวๆ – ตอนที่ต้องอ่านของ ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!
ตอนนี้ของ ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! โดย Light-Knight ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่911 ลงมือทำเรื่องเลวๆ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่911 ลงมือทำเรื่องเลวๆ
พูดจบแล้ว กู่หมิงก็หยิบเอาคริสตัลกะโหลกศีรษะออกมาจากกล่อง
“ว้าว!”
ทันใดนั้นเอง คนที่อยู่ทางด้านล่างต่างก็พากันกระสับกระส่ายขึ้นมา
คริสตัลกะโหลกศีรษะนี้พูดได้ว่าสุกใสเป็นประกายลานตาเสียจริงๆ แวววาวโปร่งแสงเช่นนี้ ให้ความรู้สึกที่พิเศษแบบหนึ่งยิ่งนัก
เห็นคริสตัลกะโหลกศีรษะนี้แล้ว ดวงตาของพวกเฉินเกอก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่น่าทึ่งเช่นกัน
ทั้งสี่คนเองก็คิดไม่ถึงว่าในสถานที่ที่อยู่ไกลออกไปเช่นนี้จะสามารถพบเจอกับสิ่งของล้ำค่าขนาดนี้ได้
“คริสตัลกะโหลกศีรษะ ราคาประมูลเริ่มต้นที่สี่ล้าน และราคาประมูลแต่ละครั้งจะต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้าน เริ่มประมูลได้ครับ!”
หลังจากคำสั่งนี้ของกู่หมิงแล้วนั้น การประมูลอย่างเป็นทางการก็เริ่มต้นขึ้น
“ห้าล้าน!”
เวลานี้มีผู้ชายคนหนึ่งที่ยกมือพร้อมกับตะโกนขึ้นมาก่อน
“หกล้าน!”
หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงของผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ตะโกนขึ้น แล้วเสนอราคาสูงขึ้นอีกหนึ่งล้าน
บุคคลเหล่านี้พูดได้ว่าใช้เงินเหมือนกับน้ำไหลเสียจริงๆ เรียกเงินเป็นล้านๆ ขึ้นมาแบบนี้โดยไม่รู้สึกเสียดายเลยแม้แต่นิดเดียว
“เจ็ดล้าน ใครก็อย่ามาแย่งฉันนะ!”
ผู้ชายที่สวมแว่นตาคนหนึ่งลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนเสียงดังออกมาด้วยท่าทางที่มั่นใจว่าจะชนะอย่างไรอย่างนั้น
แต่นี่คือการแข่งประมูล ไม่ใช่งานที่จะต้องอาศัยน้ำใจกัน ใครจะไปสนใจเขากัน
การประมูลเป็นการแข่งขันที่ว่าใครให้ราคาสูงถึงจะได้สิ่งของนั้นไปต่างหาก
“ไสหัวไปเลย ฉันให้แปดล้าน!”
ชายอ้วนคนหนึ่งจ้องมองพลางด่าว่าผู้ชายที่ใส่แว่นตาคนนั้น แล้วเสนอราคาประมูลให้สูงขึ้นไปอีกหนึ่งล้าน
ไม่นาน ราคาของคริสตัลกะโหลกศีรษะก็ได้ทะลุสิบล้านเป็นที่เรียบร้อย
คนพวกนี้บ้ากันไปแล้วจริงๆ
“เฮ้ย คนพวกนี้บ้าเกินไปแล้ว ไม่เห็นเงินเป็นเงินกันจริงๆ นะ ใช้เงินมากขนาดนี้เพื่อจะซื้อกะโหลกอันเดียวเนี่ยนะ?”
เล๋ยเล่ร้องออกมาด้วยความตกใจในเวลานี้ ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“เหอเหอ โลกของพวกคนมีเงินพวกเราไม่เข้าใจหรอก!”
เฉินเกอยิ้มพลางเอ่ยออกมา
เฉินเกอไม่ได้รู้สึกสนใจสิ่งเหล่านี้ เขาถึงไม่ได้โง่ถึงกับต้องใช้เงินเป็นสิบล้านเพื่อซื้อคริสตัลกะโหลกศีรษะมา จะใช้เงินก็ไม่สามารถใช้แบบนี้ได้เหมือนกัน
สุดท้ายแล้วคริสตัลกะโหลกศีรษะอันนี้ก็ถูกผู้ชายใส่แว่นคนนั้นใช้เงินประมูลไปในราคาที่สูงถึงสิบห้าล้าน
“ยินดีกับคุณผู้ชายท่านนี้ ที่ได้ประมูลคริสตัลกะโหลกศีรษะของเราไปในราคาสิบห้าล้านได้สำเร็จ!”
กู่หมิงก็เอ่ยชื่นชมผู้ชายใส่แว่นคนนั้นขึ้นเช่นกัน
ทันใดนั้นเองผู้ชายคนที่ใส่แว่นตาคนนี้ก็รู้สึกพึงพอใจกับสายตาที่ยกย่องและเลื่อมใสของทุกคนที่มองมา รู้สึกพอใจและภูมิใจเป็นอย่างมาก นี่ก็คือผลลัพธ์ที่คนมีเงินต้องการมากที่สุดนั่นเอง
“ไปเถอะ ไม่มีอะไรน่าดูแล้ว!”
หลังจากเสร็จสิ้นแล้วนั้น เฉินเกอก็หันไปสั่งกับพวกเล๋ยเล่สามคนนั้น
แล้วทั้งสี่คนก็ออกมาจากตลาดมืดพร้อมกัน
หลังจากที่ออกมาจากตลาดมืดแล้วนั้น ทั้งสี่คนก็ยังเดินเล่นรอบๆ เมืองต่อกันอีก
หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง ก็เห็นผู้ชายใส่แว่นคนนั้นที่ประมูลคริสตัลกะโหลกศีรษะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของพวกเขาทั้งสี่คน
“พี่เฉิน นั่นไม่ใช่คนที่ประมูลคริสตัลกะโหลกศีรษะนั่นหรอกหรือ?”
เล๋ยเล่รีบเอ่ยเตือนเฉินเกอขึ้น
เป็นอย่างที่เห็นว่าคือผู้ชายที่ใส่แว่นคนนั้นจริงๆ
ผู้ชายคนนี้เดินเร็วมาก สีหน้าท่าทางดูร้อนใจยิ่งนัก ราวกับว่ากลัวจะถูกใครเห็นหรือสนใจอย่างไรอย่างนั้น
“ไป ตามไปดู!”
เฉินเกอรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายขนาดนั้น จึงรีบเอ่ยขึ้น หลังจากนั้นก็พาพวกเล๋ยเล่ตามไป
ไม่นาน พวกเฉินเกอทั้งสี่คนนั้นก็ตามชายใส่แว่นคนนั้นมาถึงบ้านหลังหนึ่ง
ชายใส่แว่นคนนั้นมองไปรอบๆ แล้วก็เดินเข้าไปด้านใน หลังจากนั้นก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูด้วย
เจินจีเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ชายที่ใส่แว่นคนนั้นตายแล้ว!”
เฉินเกอเอ่ยขึ้น
“ตาย ตายแล้ว? เกิดอะไรขึ้น?”
เล๋ยเล่เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ถูกเถ้าแก่ของตลาดมืด กู่หมิงคนนั้นฆ่าตายแล้ว!”
เฉินเกออธิบาย หลังจากนั้นก็เล่าเรื่องที่ตัวเองไปเจอมาออกมาทั้งหมด
หลังจากที่พวกเล๋ยเล่ทั้งสามคนนั้นได้ยินแล้วก็ตกตะลึง โดยไม่อยากจะเชื่อว่ากู่หมิงเถ้าแก่ตลาดมืดแห่งนี้จะเป็นคนที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้
“นั่นไม่ใช่ว่าเขาฆ่าคนมาไม่น้อยแล้วอย่างนั้นหรือ คนที่รับซื้อประมูลพวกนั้นล้วนแต่ตายหมดแล้ว!”
เฉินเกอเองก็พยักหน้าลงเช่นกัน
“ถูกต้อง มีความเป็นไปได้สูงมาก คนพวกนี้เป็นพวกฆ่าคนเพื่อปล้นเอาทรัพย์สิน!”
เฉินเกอกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ
“น่าเกลียดชังเกินไปแล้ว!”
เล๋ยเล่เองก็ด่าว่าออกมาด้วยความรู้สึกเคียดแค้นและรู้สึกไม่เป็นธรรมเช่นกัน
แต่พวกเฉินเกอทั้งสี่คนนี้ก็ไม่มีวิธีอื่น พวกเขาไม่สามารถช่วยชายใส่แว่นคนนี้ได้ เฉินเกอเองก็ทำได้เพียงมองดูชายคนนั้นตายอยู่ในกำมือของกู่หมิงไปต่อหน้าต่อตาเช่นกัน
“เอาล่ะ พวกเรารีบไปกันเถอะ ที่นี่อยู่นานไม่ดีนักหรอก!”
หลังจากที่ผ่านไปสักพักแล้วนั้น เฉินเกอก็เอ่ยเตือนพวกเจินจีทั้งสามคนนั้น
ตอนนี้ดูแล้ว เมืองอู่สิงก็ไม่ใช่สถานที่ที่ดีเท่าไรนัก มีคนที่จิตใจร้ายกาจอยู่มากมาย ออกไปจากที่นี่ให้เร็วหน่อยก็คงจะดีกว่า
หลังจากที่พูดจบแล้วนั้น ทั้งสี่คนก็รีบหันหลังกลับออกไป
แต่ท้องฟ้าตรงหน้าก็กำลังจะมืดลงแล้ว พวกเฉินเกอทั้งสี่คนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ จึงต้องหาโรงแรมที่พักในเมืองนั้นพักกันก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
โรงแรมของเมืองอู่สิงแตกต่างกับโลกภายนอก เหมือนกับโรงแรมสมัยโบราณประเภทนั้น
พวกเฉินเกอหาโรงแรมที่ดูธรรมดาๆ แห่งหนึ่งพักค้างแรมกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!
พระเอกแม่งโครต looser จัดสภาพ...