บทที่ 948 ถ้ำที่ลี้ลับ
“เฮ้อ เฉินเกอช่างมันเถอะ คุณตามใจเขาหน่อยก็แล้วกัน เพราะระหว่างทางก็ไม่ได้ทำอะไร”
หวางหยุ่นห้ามเฉินเกอ
เฉินเกอได้ยินก็ไม่มีทางเลือก เขาไม่ไหวกับเล๋ยเล่จริงๆ จึงได้แต่ให้เล๋ยเล่ทำตามอำเภอใจ
การเดินทางไปยังแท่นขุนนางมีระยะทาง 5 กิโลเมตร ดังนั้นกลุ่มเดินทางของเฉินเกอต้องใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง
จนถึงตอนเที่ยงวัน พวกเฉินเกอก็ได้เดินทางมาถึงที่แท่นขุนนาง
แท่นขุนนางเป็นแหล่งท่องเที่ยวในภูเขาตงอูที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง ซึ่งถูกเรียกขานโดยชาวบ้านว่า “แท่นชมเมฆ” เพราะเมื่ออยู่บนนี้แล้วสามารถมองเห็นก้อนเมฆได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น และอาจเป็นเพราะมีเสียงอ่านคล้ายคลึงกันตามอักษรของจีนด้วย เลยตั้งชื่อนี้
ตามที่ได้เล่าต่อๆ กันมานั้นในสมัยโบราณมีขุนนางท่านหนึ่งเคยมาชมวิวทิวทัศน์ที่นี่ แล้วได้ตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ว่าแท่นขุนนาง
“โอเค ทุกคนนั่งพักแล้วกินอะไรสักนิดกันก่อนนะ เดี๋ยวพวกเราต้องเริ่มเดินทางบนเส้นทางป่าที่ขรุขระกันนะ!”
บัดนี้ได้ยินเสียงหลินเทียนหยวนมองทุกคนพลางพูดขึ้นมา
เฉินเกอเดินเข้าไปใกล้หลินเทียนหยวน
“ท่านหลิน สามารถให้ผมดูแผนที่ของท่านได้หรือไม่?”
เฉินเกอกล่าวกับหลินเทียนหยวน
หลินเทียนหยวนได้ยินก็หยุดชะงักไปก่อน จากนั้นก็ยื่นแผ่นที่ในมือให้แก่เฉินเกอ
“ขอบคุณ!”
เฉินเกอกล่าวคำขอบคุณแก่หลินเทียนหยวน จากนั้นก็รับแผ่นที่มาสำรวจดู
หลังจากที่เฉินเกอดูได้แวบหนึ่ง จากนั้นก็รีบเงยหน้ามองดูรอบๆ ทันที
“คุณเฉิน ทำไมเหรอ?มีอะไรผิดปกติเหรอ?”
หลินเทียนหยวนมองเฉินเกอพลางถามด้วยความสงสัย
เฉินเกอยืนขึ้นมา
“ท่านหลินดูสิ หากเดินทางจากทางโน้นจะใกล้กว่านะ ถ้าเกิดเดินทางจากแท่นขุนนางส่วนมากจะเป็นทางป่าที่ขรุขระ ยิ่งทำให้เสียเวลาในการเดินทางมากขึ้น!”
เฉินเกอมองหลินเทียนหยวนพลางกล่าวเตือนหนึ่งประโยค
ได้ยินเฉินเกอพูดเช่นนี้ หลินเทียนหยวนก็รีบนำแผนที่กลับมาดู
เป็นไปอย่างที่เฉินเกอพูดจริงแท้ หากใช้เส้นทางอื่นจะเร็วกว่า
จุดนี้หลินเทียนหยวนไม่ได้สังเกตดูดีๆ มาก่อน
“คุณเฉิน ความหมายของคุณคือให้พวกเราย้อนกลับไปที่เดิมแล้วเริ่มต้นใหม่จากตรงนั้นเหรอ?”
จากนั้นหลินเทียนหยวนก็ถามเฉินเกอ
เฉินเกอมองหลินเทียนหยวนแวบหนึ่ง
“ท่านหลิน ถ้าท่านอยากหาให้เจอโดยเร็วก็ต้องใช้เส้นทางที่ใกล้กว่า แต่ผมแค่ออกความคิดเห็นกับท่านเท่านนั้น ส่วนจะทำอย่างไรก็สุดแล้วแต่ท่านจะตัดสินใจแล้วกัน”
เฉินเกอตอบด้วยประโยคเรียบง่าย จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไปหาพวกหวางหยุ่นกับเล๋ยเล่
พูดตามความจริง เฉินเกอไม่อยากจะไปช่วยเหลือพวกเขาเลย
หากไม่ใช่เป็นเพราะหวางหยุ่นตกลงร่วมมือกับพวกเขา เฉินเกอก็จะพาเล๋ยเล่กับหวางหยุ่นเดินทางไปเองแล้ว
หลินเทียนหยุ่นมองดูแผ่นหลังของเฉินเกอ และตกอยู่ในภวังค์แห่งความครุ่นคิด
เขารู้สึกว่าเฉินเกอพูดได้มีเหตุผล เพียงแต่หากย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็จะยิ่งเสียเวลาเข้าไปอีก
ดังนั้น...... สุดท้ายหลินเทียนหยวนยังคงตัดสินใจไม่ย้อนกลับไป แต่เป็นการออกเดินทางต่อไปจากที่นี่ ไกลหน่อยก็ไม่เป็นอะไร เพราะยังไงก็หาเจออยู่แล้ว
หลังจากที่พักผ่อนไปได้สักพัก ทุกคนก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ
แต่ว่าเพิ่งเดินไปได้ไม่นาน ท้องฟ้าก็เริ่มแปรปรวนกะทันหัน
“ทำไมอยู่ดีๆ อากาศก็เปลี่ยนไปล่ะ?เป็นสัญญาณฟ้าผ่าฟ้าแลบใช่ไหม!”
เห็นอากาศที่แปรปรวน เล๋ยเล่ก็พูดขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ครืน.....โครม!”
พึ่งจะพูดจบ บนท้องฟ้าก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมา
บัดนี้พวกหวางหยุ่นต่างละสายตาไปจ้องมองไปที่เล๋ยเล่
เล๋ยเล่ถูกจ้องมองจนต้องก้มหน้าลงไปอย่างทำตัวไม่ถูก
เขารู้ว่าพวกหวางหยุ่นต้องโทษที่ตนพูดจาอัปมงคล พูดอะไรมาอย่างนั้น
“หาที่หลบกันก่อนเถอะ!”
เฉินเกอเห็นว่ามันไม่ปกติ จึงออกความคิดเห็น
หากเดินทางต่อไปในป่าเช่นนี้คงต้องถูกฟ้าผ่าแน่นอน
ไม่นานทุกคนก็เจอถ้ำแห่งหนึ่ง เพื่อใช้เป็นจุดพักผ่อนได้แล้ว
“โอ้โห ด้านในถ้ำช่างกว้างขวางเหลือเกิน!”
เล๋ยเล่เดินเข้ามาก็พูดด้วยความประหลาดใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!