อ่านสรุป บทที่ 950 ภาพหลอนที่เกิดขึ้นกะทันหัน จาก ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! โดย Light-Knight
บทที่ บทที่ 950 ภาพหลอนที่เกิดขึ้นกะทันหัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Light-Knight อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่ 950 ภาพหลอนที่เกิดขึ้นกะทันหัน
เดินไปได้ประมาณสิบกว่านาที ในที่สุดเฉินเกอก็เดินมาถึงสุดทางที่ลึกที่สุดของถ้ำแห่งนี้
ในส่วนลึกสุดของถ้ำมีแอ่งน้ำอยู่ตรงนั้น ซึ่งตรงกลางแอ่งน้ำมีชั้นหินอยู่อันหนึ่ง และบนชั้นหินได้วางจานหยกที่ทำมาจากหยกแท้ไว้ใบหนึ่ง โดยด้านบนสุดของผนังถ้ำมีหยดน้ำไหลรินลงมาไม่ขาดสาย เมื่อหยดน้ำนี้ได้ไหลลงสู่จานหยกบนแท่งชั้นหินแล้ว จะทำให้เกิดเสียงที่ยั่วยวนจิตใจผู้คนเช่นนี้
บวกกับภายในถ้ำมีพื้นที่กว้างขวางและไม่มีสิ่งกีดกั้น จึงทำให้สามารถส่งเสียงออกไปในวงกว้างได้ ซึ่งนี่เป็นสาเหตุว่าทำไมถึงได้ยินเสียงนี้ทั่วทุกมุมของถ้ำ
เฉินเกอมองจานหยกที่อยู่ในแอ่งน้ำ เขารู้ว่าตนจะไปทำลายจานหยกใบนั้นไม่ได้ เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะวางกลไกกับดักอะไรไว้บ้าง
ดังนั้นเฉินเกอคิดได้วิธีหนึ่งคือการเอาเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าหนึ่งตัว
จากนั้นเฉินเกอก็ได้โยนเสื้อไปคลุมจานหยกใบนั้นไว้
เมื่อเป็นเช่นนี้ หยดน้ำที่ไหลลงมาก็จะไหลซึมอยู่บนเสื้อผ้าไม่สามารถหยดใส่จานหยกใบนี้แล้วทำให้เกิดเสียงออกมาได้อีก
ทันใดนั้น ภายในถ้ำก็ไร้เสียงหยดน้ำเสียที
เมื่อเห็นเช่นนี้เฉินเกอก็รีบย้อนกลับไปหาเล๋ยเล่กับหวางหยุ่นเพื่อไปสังเกตดูอาการทันที
โดยทั้งสองคนยังตกอยู่ในอาการมึนๆ อยู่
“เล๋ยเล่ หวางหยุ่นพวกคุณสองคนรีบฟื้นขึ้นมาเร็วๆ !”
เฉินเกอเขย่าตัวพวกเขาสองคน
จากการเขย่าของเฉินเกอ ทั้งสองคนจึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา
“คุณพี่เฉิน ผม......ผมเป็นอะไรกันนี่?”
หลังจากเล๋ยเล่ได้สติก็มองเฉินเกอแล้วถามด้วยความสงสัย
“ใช่แล้วเฉินเกอทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย จำได้แต่เพียงได้ยินเสียงอันไพเราะของน้ำ จากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หวางหยุ่นก็มองเฉินเกอพลางถามด้วยความสงสัยและตกตะลึง
“เมื่อกี้เกิดภาพหลอนกับพวกคุณ ทำให้สูญเสียการรับรู้ เนื่องจากเป็นเสียงจากหยดน้ำนั้น ทำให้คนฟังเกิดภาพหลอนขึ้นมา!”
เฉินเกอมองเล๋ยเล่กับหวางหยุ่นพลางอธิบายให้พวกเขาสองคนทราบ
ได้ยินเฉินเกออธิบายแล้ว ทั้งสองคนจึงเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าที่แท้มันเป็นเช่นนี้นี่เอง
“แล้วตอนนี้......”
“วางใจได้ ผมได้ทำลายเสียงหยดน้ำนั้นแล้ว พวกคุณถึงได้กลับคืนสู่ภาวะปกติ!”
“คาดว่าคนที่เคยเข้ามาที่นี่คงจะถูกเสียงหยดน้ำนี้ยั่วยวนจนถูกสะกดให้ตกอยู่กับภวังค์แห่งความสุขตามภาพหลอน จากนั้นก็ตายอยู่ที่นี่อย่างไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด!”
เฉินเกอมองพวกเขาสองคนพลางเล่าอย่างมีความอดทน
“หา?มันไม่ธรรมดาเลยนะ ตายในขณะที่มีความสุข!”
เล๋ยเล่ได้ยินก็อุทานด้วยความประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึง
“โอเค อยู่ต่อที่นี่นานๆ ก็ไม่ดี พวกเราต้องรีบหาทางออกให้เจอแล้วค่อยว่ากัน
เฉินเกอก็ไม่ได้อยู่ต่อให้เสียเวลา สิ่งสำคัญในตอนนี้คือรีบหาทางออกให้เจอโดยเร็วที่สุด ถ้าหากอยู่ต่อไปไม่รู้จะมีอันตรายแบบไหนเข้ามาเยือนอีก
ได้ยินเฉินเกอพูด เล๋ยเล่กับหวางหยุ่นก็รู้สึกมีเหตุผล ทั้งสองคนจึงรีบตามเฉินเกอไปสำรวจขึ้นมาทันที
และในไม่นานเฉินเกอก็สามารถหาทางออกที่อยู่อีกที่หนึ่งจนสำเร็จ
“เล๋ยเล่ หวางหยุ่น พวกคุณรีบมาเร็ว!”
เมื่อหาทางออกเจอ เฉินเกอก็รีบเรียกพวกเล๋ยเล่สองคนมาทันที
ได้ยินเฉินเกอเรียก เล๋ยเล่ทั้งสองคนก็ตอบสนองได้อย่างในทันที จึงรีบเดินมาหาเฉินเกอ
เมื่อเห็นก็รู้ว่าตรงหน้าพวกเขาสามคนเป็นทางออกจริงๆ
เมื่อเห็นแสงที่สอดส่องมาจากด้านนอก ทำให้เล๋ยเล่กับหวางหยุ่นสองคนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างสูง
“คุณพี่เฉินเป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆ ว่าต้องมีทางออกอื่นอยู่!”
เล๋ยเล่ก็มองเฉินเกอพลางพูดอย่างประหลาดใจ ตอนนี้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เฉินเกอพูดนั้นมีเหตุผลและเป็นความจริง ซึ่งสามารถเชื่อถือได้
ก่อนหน้านี้เล๋ยเล่กับหวางหยุ่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีทางออกไปได้อย่างแน่นอน คงต้องถูกขังตายอยู่ที่นี่เป็นแน่
แต่ตอนนี้ ความหวังในการมีชีวิตรอดอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
“เฉินเกอคุณยอดเยี่ยมไปเลย หากติดตามคุณทุกอย่างก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ โอเค ถ้าเช่นนั้นพวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ!”
หวางหยุ่นกล่าวชื่นชมเฉินเกอ จากนั้นก็รีบพูดเสนอความคิดเห็นกับเฉินเกอและเล๋ยเล่
“เดี๋ยวเดี๋ยว!”
บัดนี้หวางหยุ่นก็ถามเฉินเกอขึ้นมา
เฉินเกอจึงมองหวางหยุ่นพลางถามว่า “ทำไม?คุณยังหวังจะได้รับเงินสามสิบล้านอยู่เหรอ?”
ถูกเฉินเกอต่อว่าเช่นนี้ ทันใดนั้นหวางหยุ่นก็ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป
“เอ่อ......ผมไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น แต่ว่าพี่เฉิน พวกเราไปอย่างนี้ คาดว่าพวกหลินเทียนหยวนจะไม่ยอมปล่อยพวกเราไปง่ายๆ ล่ะสิ!”
หวางหยุ่นรีบอธิบายให้เฉินเกอฟัง
“คิกคิก วางใจเถอะ พวกเขาหาทางออกถ้ำเจอก็ไม่รู้เวลาไหนแล้ว ตอนนั้นพวกเราก็ไปไกลถึงไหนกันแล้ว พวกเขาตามไม่ทันหรอก!”
เฉินเกอยิ้มพลางพูดให้หวางหยุ่นฟัง
หวางหยุ่นได้ยินก็รู้สึกว่ามีเหตุผลจึงพยักหน้าตอบ
“โอเค พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
จากนั้นเฉินเกอก็กล่าวกับทั้งสองคนอีกครั้ง
“คุณพี่เฉิน ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหน?พวกเราไม่มีแผนที่ก็ไม่รู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไรดี!”
เวลานี้เล๋ยเล่ถามเฉินเกออีกครั้งหนึ่ง
เฉินเกอยกยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย
“ใครบอกคุณว่าไม่มีแผนที่?”
ฟังมาถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเล๋ยเล่กับหวางหยุ่นก็ตกตะลึงด้วยความประหลาดใจและมองเฉินเกออย่างคาดไม่ถึง
ต่อมาเฉินเกอก็ได้นำแผนที่ออกมาจากกระเป๋าของตน
“หืม?อันเป็นคือแผนที่ของหลินเทียนหยวนไม่ใช่เหรอ?พี่เฉินคุณได้มาตอนไหนกัน?”
หวางหยุ่นถามเฉินเกอด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ผมเอามาตอนที่พวกเขากำลังเกิดภาพหลอนในสมองยังไงล่ะ!”
เฉินเกอบอกกับหวางหยุ่น
หวางหยุ่นอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาให้เฉินเกอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!
พระเอกแม่งโครต looser จัดสภาพ...