บทที่ 950 ภาพหลอนที่เกิดขึ้นกะทันหัน
เดินไปได้ประมาณสิบกว่านาที ในที่สุดเฉินเกอก็เดินมาถึงสุดทางที่ลึกที่สุดของถ้ำแห่งนี้
ในส่วนลึกสุดของถ้ำมีแอ่งน้ำอยู่ตรงนั้น ซึ่งตรงกลางแอ่งน้ำมีชั้นหินอยู่อันหนึ่ง และบนชั้นหินได้วางจานหยกที่ทำมาจากหยกแท้ไว้ใบหนึ่ง โดยด้านบนสุดของผนังถ้ำมีหยดน้ำไหลรินลงมาไม่ขาดสาย เมื่อหยดน้ำนี้ได้ไหลลงสู่จานหยกบนแท่งชั้นหินแล้ว จะทำให้เกิดเสียงที่ยั่วยวนจิตใจผู้คนเช่นนี้
บวกกับภายในถ้ำมีพื้นที่กว้างขวางและไม่มีสิ่งกีดกั้น จึงทำให้สามารถส่งเสียงออกไปในวงกว้างได้ ซึ่งนี่เป็นสาเหตุว่าทำไมถึงได้ยินเสียงนี้ทั่วทุกมุมของถ้ำ
เฉินเกอมองจานหยกที่อยู่ในแอ่งน้ำ เขารู้ว่าตนจะไปทำลายจานหยกใบนั้นไม่ได้ เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะวางกลไกกับดักอะไรไว้บ้าง
ดังนั้นเฉินเกอคิดได้วิธีหนึ่งคือการเอาเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าหนึ่งตัว
จากนั้นเฉินเกอก็ได้โยนเสื้อไปคลุมจานหยกใบนั้นไว้
เมื่อเป็นเช่นนี้ หยดน้ำที่ไหลลงมาก็จะไหลซึมอยู่บนเสื้อผ้าไม่สามารถหยดใส่จานหยกใบนี้แล้วทำให้เกิดเสียงออกมาได้อีก
ทันใดนั้น ภายในถ้ำก็ไร้เสียงหยดน้ำเสียที
เมื่อเห็นเช่นนี้เฉินเกอก็รีบย้อนกลับไปหาเล๋ยเล่กับหวางหยุ่นเพื่อไปสังเกตดูอาการทันที
โดยทั้งสองคนยังตกอยู่ในอาการมึนๆ อยู่
“เล๋ยเล่ หวางหยุ่นพวกคุณสองคนรีบฟื้นขึ้นมาเร็วๆ !”
เฉินเกอเขย่าตัวพวกเขาสองคน
จากการเขย่าของเฉินเกอ ทั้งสองคนจึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา
“คุณพี่เฉิน ผม......ผมเป็นอะไรกันนี่?”
หลังจากเล๋ยเล่ได้สติก็มองเฉินเกอแล้วถามด้วยความสงสัย
“ใช่แล้วเฉินเกอทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย จำได้แต่เพียงได้ยินเสียงอันไพเราะของน้ำ จากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หวางหยุ่นก็มองเฉินเกอพลางถามด้วยความสงสัยและตกตะลึง
“เมื่อกี้เกิดภาพหลอนกับพวกคุณ ทำให้สูญเสียการรับรู้ เนื่องจากเป็นเสียงจากหยดน้ำนั้น ทำให้คนฟังเกิดภาพหลอนขึ้นมา!”
เฉินเกอมองเล๋ยเล่กับหวางหยุ่นพลางอธิบายให้พวกเขาสองคนทราบ
ได้ยินเฉินเกออธิบายแล้ว ทั้งสองคนจึงเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าที่แท้มันเป็นเช่นนี้นี่เอง
“แล้วตอนนี้......”
“วางใจได้ ผมได้ทำลายเสียงหยดน้ำนั้นแล้ว พวกคุณถึงได้กลับคืนสู่ภาวะปกติ!”
“คาดว่าคนที่เคยเข้ามาที่นี่คงจะถูกเสียงหยดน้ำนี้ยั่วยวนจนถูกสะกดให้ตกอยู่กับภวังค์แห่งความสุขตามภาพหลอน จากนั้นก็ตายอยู่ที่นี่อย่างไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด!”
เฉินเกอมองพวกเขาสองคนพลางเล่าอย่างมีความอดทน
“หา?มันไม่ธรรมดาเลยนะ ตายในขณะที่มีความสุข!”
เล๋ยเล่ได้ยินก็อุทานด้วยความประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึง
“โอเค อยู่ต่อที่นี่นานๆ ก็ไม่ดี พวกเราต้องรีบหาทางออกให้เจอแล้วค่อยว่ากัน
เฉินเกอก็ไม่ได้อยู่ต่อให้เสียเวลา สิ่งสำคัญในตอนนี้คือรีบหาทางออกให้เจอโดยเร็วที่สุด ถ้าหากอยู่ต่อไปไม่รู้จะมีอันตรายแบบไหนเข้ามาเยือนอีก
ได้ยินเฉินเกอพูด เล๋ยเล่กับหวางหยุ่นก็รู้สึกมีเหตุผล ทั้งสองคนจึงรีบตามเฉินเกอไปสำรวจขึ้นมาทันที
และในไม่นานเฉินเกอก็สามารถหาทางออกที่อยู่อีกที่หนึ่งจนสำเร็จ
“เล๋ยเล่ หวางหยุ่น พวกคุณรีบมาเร็ว!”
เมื่อหาทางออกเจอ เฉินเกอก็รีบเรียกพวกเล๋ยเล่สองคนมาทันที
ได้ยินเฉินเกอเรียก เล๋ยเล่ทั้งสองคนก็ตอบสนองได้อย่างในทันที จึงรีบเดินมาหาเฉินเกอ
เมื่อเห็นก็รู้ว่าตรงหน้าพวกเขาสามคนเป็นทางออกจริงๆ
เมื่อเห็นแสงที่สอดส่องมาจากด้านนอก ทำให้เล๋ยเล่กับหวางหยุ่นสองคนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างสูง
“คุณพี่เฉินเป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆ ว่าต้องมีทางออกอื่นอยู่!”
เล๋ยเล่ก็มองเฉินเกอพลางพูดอย่างประหลาดใจ ตอนนี้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เฉินเกอพูดนั้นมีเหตุผลและเป็นความจริง ซึ่งสามารถเชื่อถือได้
ก่อนหน้านี้เล๋ยเล่กับหวางหยุ่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีทางออกไปได้อย่างแน่นอน คงต้องถูกขังตายอยู่ที่นี่เป็นแน่
แต่ตอนนี้ ความหวังในการมีชีวิตรอดอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
“เฉินเกอคุณยอดเยี่ยมไปเลย หากติดตามคุณทุกอย่างก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ โอเค ถ้าเช่นนั้นพวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ!”
หวางหยุ่นกล่าวชื่นชมเฉินเกอ จากนั้นก็รีบพูดเสนอความคิดเห็นกับเฉินเกอและเล๋ยเล่
“เดี๋ยวเดี๋ยว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!