มันเป็นวันส่งท้ายปีเก่า
ในตอนเช้า
เสียงของลมเหนือก็ลอย
กิ่งก้านในสวนปลิวไสวตามสายลม ส่งเสียง "ครวญคราง" ซึ่งทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า
และในตอนเที่ยง
พระอาทิตย์ก็เริ่มที่จะส่องแสงและท้องฟ้าก็เริ่มแจ่มใส
สวนในบ้านของตระกูลเยี่ยตอนนี้ประดับตกแต่งเต็มไปด้วยโคมไฟหลากสี เพื่อต้นรับเทศกาลวันตรุษจีน
เยี่ยหวู่ตี้รู้สึกว่ามันไม่จำเป็น เพราะหลังจากคืนนี้เมืองหลงทั้งเมืองอาจจะหายไปเลยก็ได้
แต่ว่าผู้อาวุโสเยี่ยนั้นยืนยันที่จะทำ
ผู้อาวุโสเยี่ยพูดขึ้นว่า:“ถ้าวันนี้จะต้องตาย ตอนระหว่างทางเดินไปก็ต้องกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันไปด้วยระหว่างทาง”
แต่ทว่าภายในใจของทุกคนนั้นรู้สึกหนักอึ้ง
ทุกคนนั่งกินข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
เพื่อต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ผู้อาวุโสเยี่ยก็ได้ลงมือเข้าครัวทำอาหารเองหลายจานเลยทีเดียว
ในช่วงบ่ายโมง
ทุกคนนั่งทานอาหารอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเยี่ยชิวนั้นก็กลับเข้าห้องโทรหาเฉียนจิ้งหลาน หลินจิงจื้อ ไป๋ปิง ฉินหว่าน ซูลั่วยิง เชียนซานเสวี่ยแล้วก็โทรหาสวีชางจินคนละสาย
หลังจากนั้น
เยี่ยชิวนำของขวัญไปที่บ้านของตระกูลไป๋เพื่อเยี่ยมเยือนนายพลไป๋จิงเหยา
วันนี้ไป๋ปิงอยู่เจียงโจวไม่ได้กลับปักกิ่ง และไป๋ยวี่จิงนั้นก็อยู่ที่ต่างประเทศ เลยทำให้บ้านตระกูลลไป๋นั้นเงียบสงบกว่าบ้านอื่นหลังๆ
เมื่อเยี่ยชิวพบกับนายพลไป๋จิงเหยา เขานั้นสวมใส่เสื้อทหารสีเหลืองผสมเทา กำลังนั่งผิงไฟอยู่ในสวน
และมีตำรวจสองคนอยู่เป็นเพื่อน
“เสี่ยวเยี่ย วันนี้เป็นวันสำคัญ ทำไมยังทำตัวว่างมาหาคนแก่อย่างฉันอีก?”
“นายไม่ควรมานะ”
“นายควรเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้อย่างสุดความสามารถ”
ข่าวลือเกี่ยวกับศึกตัดสินนั้นแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ขนาดนายพลไป๋จิงเหยายังรับรู้
“นายพลไป๋ วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าพี่ไป๋ก็ไม่ได้กลับมา ฉันเลยมาเยี่ยมท่านแทนเธอ”
เยี่ยชิวถามด้วยความห่วงใยว่า: “ร่างกายของคุณเป็นยังไงบ้าง?”
“ตั้งแต่นายรักษาฉันครั้งสุดท้าย ร่างกายของฉันดีขึ้นมากเลยล่ะ” นายพลไป๋จิงเหยาเพียงยกมือขึ้นและโบกมือไปมาเบาๆ ตำรวจทั้งสองคนก็รีบออกไปทันที
หลังจากนั้น นายพลไป๋จิงเหยาก็ยิ้มขึ้นและถามเยี่ยชิวว่า:“เสี่ยวเยี่ย ศึกตัดสินในคืนนี้นายจะทำยังไง?”
“ไม่มี”เยี่ยชิวตอบอย่างตรงไปตรงมา
ทันใดนั้นสีหน้าของนายพลไป๋จิงเหยาก็เปลี่ยนไป:“ในเมื่อไม่มีแผนการอะไร ทำไมยังไม่รีบหนีไปอีก?”
เยี่ยชิวตอบกลับ:“เรื่องบางเรื่องก็ต้องเผชิญหน้ายอมรับ หนียังไงก็หนีไม่พ้นหรอกครับ”
นายพลไป๋จิงเหยาจึงกว่าวยกย่องเยี่ยชิวว่า:“รู้ทั้งรู้ว่าที่ภูเขามีเสือก็เลยชอบไปเที่ยวภูเขา นี่คือพฤติกรรมของผู้กล้า”
“เสี่ยวปิงมองนายไม่ผิดเลย นายช่างกล้าหาญจริงๆ”
“หวังว่าคืนนี้นายจะรอดนะ ฉันไม่อยากให้เสี่ยวปิงเป็นม่าย”
เยี่ยชิวยิ้มและพูดว่า:“ฉันจะพยายาม”
นายพลไป๋จิงเหยายังพูดต่ออีกว่า:“พวกพระราชวังต้องห้ามต่างส่งจดหมายเชิญชวนพวกตระกูลใหญ่ๆในเมืองปักกิ่งให้ไปดูการประลองคืนนี้ คืนนี้ฉันก็จะไปเช่นกัน”
“ฉันคิดว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้คนที่ได้รับจดหมายเชิญยังไงก็ปทุกคน”
“เสี่ยวเยี่ย ฉันมันไม้ใกล้ฝั่งแล้ว ช่วยอะไรนายไม่ได้ คืนนี้นายต้องพึ่งตัวเองแล้ว”
“นายต้องรอดให้ได้นะ!”
เยี่ยชิวนั้นสามารถรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงจากนายพลไป๋ว่าเป็นห่วงเขามากขนาดไหน
เยี่ยชิวยิ้มและพูดว่า:“นายพลไป๋ไม่ต้องเป็นกังวล ฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
“อื้ม”นายพลไป๋พยักหน้าเล็กน้อย
“ฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นอาจจะไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนคุณแล้ว ถ้าคืนนี้ฉันไม่ตายไปก่อนล่ะก็ ฉันจะพาคุณไปเที่ยวชมเจียงโจว”เยี่ยชิวพูด:“เจียงโจวมีทั้งภูเขามีทั้งแม่น้ำ เป็นที่ที่ไม่เลวเลย”
นายพลไป๋พยักหน้า:“ได้”
เยี่ยชิวลุกขึ้นยืน และก้าวเดินไปสองสามก้าว ทันใดนั้นก็หันกลับมามองนายพลไป๋แล้วพูดว่า:“นายพลไป๋ ถ้าวันหนึ่งฉันฆ่าไป๋ยวี่จิง คุณจะตำหนิฉันไหม?”
นายพลไป๋เงียบไปสักครู่แล้วพูดขึ้นว่า“เสี่ยวเยี่ย นายเป็นหมอที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการรักษาผู้บาดเจ็บและกำลังจะตาย”
“ฉันรู้ว่านายจะไม่ฆ่าคนอย่างไร้เหตุผลแน่ๆ”
“ถ้านายฆ่าไป๋ยวี่จิง ก็หมายความว่าไป๋ยวี่จิงมีเหตุผลที่จะตายเท่านั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...
ช่วงนี้ทุกเรื่องทำไมมีแค่ห้าบรรทัด อ่านไม่รู้เรื่องเลย..ถ้าแอด..มีเวลารบกวนตรวจสอบให้ด้วยนะครับ..ขอร้อง...
สงสัยค่ะ สงสัยๆๆ เยี่ยวชิวจากนายแพทย์ฝึกหัดมาเป็นนักสู้ได้ยังไง...
ผู้หญิงคือเลวเลยอะ...
51 หายไปไหน...