เยี่ยชิวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นมา "ทำไมที่นี่ถึงมีโลงศพแขวนอยู่มากมายขนาดนี้?"
อมตะชางเหม่ยกล่าว "ข้าเองก็เพิ่งจะเคยพบเจอโลงศพมากมายขนาดนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน"
เซียวจ้านถามออกไป "อมตะชางเหม่ย ข้างในโลงศพนี้เป็นใครกันเหรอ?"
อมตะชางเหม่ยตอบ "ข้าจะไปรู้ได้ยังไง?"
"ท่านจะไม่รู้ได้ยังไงกัน?" เซียวจ้านกล่าว "ก่อนหน้านี้ท่านบอกเองไม่ใช่เหรอว่าท่านรู้ทุกเรื่องบนโลกใบนี้และไม่มีเรื่องไหนที่ท่านไม่รู้? ท่านไม่รู้จริงเหรอว่าใครอยู่ในโลงศพ?"
ทันใดนั้นเอง อมตะชางเหม่ยก็โกรธจนหน้าแดงและจ้องเซียวจ้านตาเขม็งพร้อมกับกล่าวอย่างเยือกเย็น "นายหุบปากไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่พูดก็ไม่มีใครว่านายเป็นใบ้หรอก"
เยี่ยชิวเปิดดวงตาสวรรค์และจากนั้นก็เงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า
เขาพบว่าท้องฟ้าเหนือหุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่รวมตัวกันเป็นเมฆรูปร่างเหมือนเห็ด
ดูดุดันและน่าสะพรึงกลัวมาก
เยี่ยชิวกล่าว "ถ้าเดาไม่ผิดละก็ คนที่อยู่ในโลงจะต้องถูกฆ่าอย่างไม่ยุติธรรมอย่างแน่นอน"
อมตะชางเหม่ยสงสัย "ทำไมถึงพูดแบบนั้น?"
"ลางสังหรณ์บอกมา" เยี่ยชิวไม่ได้บอกว่าเขาได้เปิดดวงตาสวรรค์และสัมผัสได้ถึงพลังความโกรธแค้นนั้น จากนั้นเขาก็หันไปมองที่โลงศพโลงหนึ่ง
ทันใดนั้นเอง สายตาของเขาก็มองทะลุเข้าไปในโลงศพ
เยี่ยชิวเห็นว่าในโลงมีศพอยู่ร่างหนึ่ง เนื้อหนังต่างๆ ได้เน่าเปื่อยไปนานแล้วและเหลือเพียงโครงกระดูกเปลือยเปล่าเท่านั้น
โครงกระดูกถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
บริเวณช่วงเอวมีรอบตัดที่เฉียบคมอยู่
และเป็นรอยที่ถูกฟันด้วยดาบจนขาดท่อนลง
เยี่ยชิวหันไปมองโลงศพโลงอื่นๆ และสิ่งที่เห็นก็เหมือนกับโลงศพก่อนหน้าไม่มีผิด
เยี่ยชิวดึงสติและกล่าวออกไป "ศพเหล่านี้ล้วนตายเพราะถูกฟันเอวให้ขาดท่อนด้วยกันทั้งนั้นเลย"
เซียวจ้านตกใจ "ลูกพี่ ลูกพี่หมายความว่า คนเหล่านี้ถูกฟันให้ขาดท่อนก่อนที่พวกเขาจะตายอย่างนั้นเหรอ?"
"อืม" เยี่ยชิวพยักหน้า
และในขณะเดียวกัน เยี่ยชิวเองก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมถึงมีพลังความโกรธแค้นอยู่บนท้องฟ้าเหนือหุบเขาแห่งนี้ เพราะคนในโลงล้วนถูกฟันให้ขาดเป็นสองท่อน ทำให้มีความโกรธแค้นปกคลุมอย่างหนาแน่น
บวกกับที่นี่มีโลงศพถูกแขวนอยู่เป็นจำนวนมาก และเมื่อรวมตัวกันก็ทำให้เกิดเป็นความโกรธแค้นพุ่งขึ้นเหนือท้องฟ้า
"ไม่รู้เหมือนกันว่าก่อนตายคนเหล่านี้เป็นใครอะไรกันบ้าง ทำไมถึงได้ถูกฆ่าตายแบบนี้?"
เซียวจ้านพูดถึงตรงนี้ก็สบถด่าออกมา "สังคมศักดินาที่ชั่วร้าย!"
"ช่างเถอะ อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย รีบมุ่งหน้าไปตามจุดมุ่งหมายของเราดีกว่า" อมตะชางเหม่ยกล่าวด้วยความเร่งรีบ
ตอนนี้เอง เรือก็มุ่งหน้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไป
สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามา
อุณหภูมิลดลงอย่างมากราวกับไม่ใช่ฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่น แต่กลับเป็นฤดูหนาวที่เย็นยะเยือก
"หนาวเหลือเกิน" เซียวจ้านเอามือกอดอกและหนาวเหน็บจนสั่นสะท้าน
อมตะชางเหม่ยหรี่ตาลงและกล่าวด้วยความประหลาดใจ "พลังชั่วร้ายที่นี่หนาแน่นมาก"
"ตาเฒ่า มองไปข้างหน้าสิ" เยี่ยชิวกล่าว
อมตะชางเหม่ยเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าบริเวณหน้าผาที่อยู่ข้างหน้าเหมือนมีโลงศพแขวนอยู่จำนวนมาก
เพียงแต่ โลงศพเหล่านี้กลับไม่ได้มีสีดำสนิทเหมือนโลงศพที่พวกเขาเจอก่อนหน้านี้ ทั้งหมดกลับมีสีแดงสด
โลงศพสีแดงยังคงสภาพสีสดงดงามไม่หม่นหมองหลังที่ผ่านแดดผ่านฝนมานับร้อยปี แม้ว่าสีจะไม่ได้เข้มจัดเหมือนเดิมแล้ว ทว่ากลับให้ความรู้สึกเศร้าหมองอย่างมาก
เพียงชั่วพริบตา อมตะชางเหม่ยก็ทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
"โลงศพเหล่านี้ไม่ธรรมดา" อมตะชางเหม่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
"หมายความว่ายังไง?" เยี่ยชิวถาม
อมตะชางเหม่ยกล่าว "คนโบราณมีความรู้เกี่ยวกับวัสดุ สีและขนาดของโลงศพอย่างมาก"
"ในอดีตสีแดงเปรียบเสมือนความเป็นสิริมงคล"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...
ช่วงนี้ทุกเรื่องทำไมมีแค่ห้าบรรทัด อ่านไม่รู้เรื่องเลย..ถ้าแอด..มีเวลารบกวนตรวจสอบให้ด้วยนะครับ..ขอร้อง...
สงสัยค่ะ สงสัยๆๆ เยี่ยวชิวจากนายแพทย์ฝึกหัดมาเป็นนักสู้ได้ยังไง...
ผู้หญิงคือเลวเลยอะ...
51 หายไปไหน...