วิสารทแพทย์เทวัญ นิยาย บท 1103

สรุปบท บทที่ 1103 โลงศพสีแดง: วิสารทแพทย์เทวัญ

สรุปตอน บทที่ 1103 โลงศพสีแดง – จากเรื่อง วิสารทแพทย์เทวัญ โดย หูหยานล่วนหยู

ตอน บทที่ 1103 โลงศพสีแดง ของนิยายความสามารถแปลกเรื่องดัง วิสารทแพทย์เทวัญ โดยนักเขียน หูหยานล่วนหยู เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เยี่ยชิวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นมา "ทำไมที่นี่ถึงมีโลงศพแขวนอยู่มากมายขนาดนี้?"

อมตะชางเหม่ยกล่าว "ข้าเองก็เพิ่งจะเคยพบเจอโลงศพมากมายขนาดนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน"

เซียวจ้านถามออกไป "อมตะชางเหม่ย ข้างในโลงศพนี้เป็นใครกันเหรอ?"

อมตะชางเหม่ยตอบ "ข้าจะไปรู้ได้ยังไง?"

"ท่านจะไม่รู้ได้ยังไงกัน?" เซียวจ้านกล่าว "ก่อนหน้านี้ท่านบอกเองไม่ใช่เหรอว่าท่านรู้ทุกเรื่องบนโลกใบนี้และไม่มีเรื่องไหนที่ท่านไม่รู้? ท่านไม่รู้จริงเหรอว่าใครอยู่ในโลงศพ?"

ทันใดนั้นเอง อมตะชางเหม่ยก็โกรธจนหน้าแดงและจ้องเซียวจ้านตาเขม็งพร้อมกับกล่าวอย่างเยือกเย็น "นายหุบปากไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่พูดก็ไม่มีใครว่านายเป็นใบ้หรอก"

เยี่ยชิวเปิดดวงตาสวรรค์และจากนั้นก็เงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า

เขาพบว่าท้องฟ้าเหนือหุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่รวมตัวกันเป็นเมฆรูปร่างเหมือนเห็ด

ดูดุดันและน่าสะพรึงกลัวมาก

เยี่ยชิวกล่าว "ถ้าเดาไม่ผิดละก็ คนที่อยู่ในโลงจะต้องถูกฆ่าอย่างไม่ยุติธรรมอย่างแน่นอน"

อมตะชางเหม่ยสงสัย "ทำไมถึงพูดแบบนั้น?"

"ลางสังหรณ์บอกมา" เยี่ยชิวไม่ได้บอกว่าเขาได้เปิดดวงตาสวรรค์และสัมผัสได้ถึงพลังความโกรธแค้นนั้น จากนั้นเขาก็หันไปมองที่โลงศพโลงหนึ่ง

ทันใดนั้นเอง สายตาของเขาก็มองทะลุเข้าไปในโลงศพ

เยี่ยชิวเห็นว่าในโลงมีศพอยู่ร่างหนึ่ง เนื้อหนังต่างๆ ได้เน่าเปื่อยไปนานแล้วและเหลือเพียงโครงกระดูกเปลือยเปล่าเท่านั้น

โครงกระดูกถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน

บริเวณช่วงเอวมีรอบตัดที่เฉียบคมอยู่

และเป็นรอยที่ถูกฟันด้วยดาบจนขาดท่อนลง

เยี่ยชิวหันไปมองโลงศพโลงอื่นๆ และสิ่งที่เห็นก็เหมือนกับโลงศพก่อนหน้าไม่มีผิด

เยี่ยชิวดึงสติและกล่าวออกไป "ศพเหล่านี้ล้วนตายเพราะถูกฟันเอวให้ขาดท่อนด้วยกันทั้งนั้นเลย"

เซียวจ้านตกใจ "ลูกพี่ ลูกพี่หมายความว่า คนเหล่านี้ถูกฟันให้ขาดท่อนก่อนที่พวกเขาจะตายอย่างนั้นเหรอ?"

"อืม" เยี่ยชิวพยักหน้า

และในขณะเดียวกัน เยี่ยชิวเองก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมถึงมีพลังความโกรธแค้นอยู่บนท้องฟ้าเหนือหุบเขาแห่งนี้ เพราะคนในโลงล้วนถูกฟันให้ขาดเป็นสองท่อน ทำให้มีความโกรธแค้นปกคลุมอย่างหนาแน่น

บวกกับที่นี่มีโลงศพถูกแขวนอยู่เป็นจำนวนมาก และเมื่อรวมตัวกันก็ทำให้เกิดเป็นความโกรธแค้นพุ่งขึ้นเหนือท้องฟ้า

"ไม่รู้เหมือนกันว่าก่อนตายคนเหล่านี้เป็นใครอะไรกันบ้าง ทำไมถึงได้ถูกฆ่าตายแบบนี้?"

เซียวจ้านพูดถึงตรงนี้ก็สบถด่าออกมา "สังคมศักดินาที่ชั่วร้าย!"

"ช่างเถอะ อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย รีบมุ่งหน้าไปตามจุดมุ่งหมายของเราดีกว่า" อมตะชางเหม่ยกล่าวด้วยความเร่งรีบ

ตอนนี้เอง เรือก็มุ่งหน้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

เวลาผ่านไป

สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามา

อุณหภูมิลดลงอย่างมากราวกับไม่ใช่ฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่น แต่กลับเป็นฤดูหนาวที่เย็นยะเยือก

"หนาวเหลือเกิน" เซียวจ้านเอามือกอดอกและหนาวเหน็บจนสั่นสะท้าน

อมตะชางเหม่ยหรี่ตาลงและกล่าวด้วยความประหลาดใจ "พลังชั่วร้ายที่นี่หนาแน่นมาก"

"ตาเฒ่า มองไปข้างหน้าสิ" เยี่ยชิวกล่าว

อมตะชางเหม่ยเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าบริเวณหน้าผาที่อยู่ข้างหน้าเหมือนมีโลงศพแขวนอยู่จำนวนมาก

เพียงแต่ โลงศพเหล่านี้กลับไม่ได้มีสีดำสนิทเหมือนโลงศพที่พวกเขาเจอก่อนหน้านี้ ทั้งหมดกลับมีสีแดงสด

โลงศพสีแดงยังคงสภาพสีสดงดงามไม่หม่นหมองหลังที่ผ่านแดดผ่านฝนมานับร้อยปี แม้ว่าสีจะไม่ได้เข้มจัดเหมือนเดิมแล้ว ทว่ากลับให้ความรู้สึกเศร้าหมองอย่างมาก

เพียงชั่วพริบตา อมตะชางเหม่ยก็ทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา

"โลงศพเหล่านี้ไม่ธรรมดา" อมตะชางเหม่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม

"หมายความว่ายังไง?" เยี่ยชิวถาม

อมตะชางเหม่ยกล่าว "คนโบราณมีความรู้เกี่ยวกับวัสดุ สีและขนาดของโลงศพอย่างมาก"

"ในอดีตสีแดงเปรียบเสมือนความเป็นสิริมงคล"

เซียวจ้านได้ยินเข้าก็ทั้งโกรธทั้งตกใจ "ปัดโธ่ ใครกันนะที่ทำแบบนี้ จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตมากเลย!"

อมตะชางเหม่ยถามเยี่ยชิวด้วยความประหลายใจ "นายรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้นกับศพที่อยู่ในโลง?"

เยี่ยชิวถามกลับ "อยากรู้เหรอ?"

"อยากสิ" อมตะชางเหม่ยพยักหน้าและจากนั้นก็ถามต่อ "หรือว่าจื่อหยางเทียนจุนได้ถ่ายทอดวิชามองทะลุอะไรทำนองนี้ให้แก่เจ้า?"

เยี่ยชิวหัวเราะอย่างขบขัน "ทายดูสิ"

ทายดูบ้าอะไรกัน!

อมตะชางเหม่ยโกรธจนหันไปตะคอกใส่เซียวจ้าน "อีกนานแค่ไหนจะถึงจุดหมายของเราสักที?"

เซียวจ้านกล่าว "ใกล้แล้ว"

อมตะชางเหม่ยด่าทอ "ก่อนหน้านี้เจ้าก็บอกว่าใกล้แล้ว แต่เราเดินทางมากันไกลขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ถึงสักที ถ้าเจ้ากล้าโกหกข้าละก็ ระวังจะถูกทิ้งไว้ที่นี่ให้ปลากินล่ะ......."

เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกเซียวจ้านพูดตัดบท

"อมตะชางเหม่ย ใกล้จะถึงแล้ว เรือของหลงเหมินของเราอยู่ข้างหน้านี้แล้ว ไม่เชื่อก็ลองดูสิ"

อมตะชางเหม่ยหันไปตามทางที่เซียวจ้านชี้และจากนั้นก็เห็นว่ามีเรืออยู่ลำหนึ่งจอดอยู่เหนือน่านน้ำข้างหน้าที่อยู่ห่างออกไปห้าร้อยเมตร

บนดาดฟ้าของเรือมีธงแขวนอยู่และมีตัวอักษรปักเอาไว้

หลงชางหมายเลขสอง!

เรือมุ่งหน้าไปข้างหน้าและพยายามเข้าใกล้เรือ

สามร้อยเมตร

สองร้อยเมตร

หนึ่งร้อยเมตร

จากนั้นก็เห็นว่าเรือค่อยๆ เข้าใกล้เรือหลงเหมินเรื่อยๆ

ทันใดนั้นเองเยี่ยชิวก็เปลี่ยนใจและออกคำสั่งเซียวจ้าน "เร็วเข้า รีบหยุดเรือเร็วเข้า!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ