เยี่ยชิวถือจี้หยกที่หยุนซีมอบให้เอาไว้ในมือ และในขณะนั้นเองเขาก็รู้สึกว่าฝ่ามือของเขาก็อบอุ่นขึ้นมา เมื่อเขามองลงไป เขาพบว่าจี้หยกนั้นเป็นหยกสีม่วงคุณภาพสูงพร้อมดาบเล็ก ๆ สลักอยู่บนนั้น ด้านข้างสลักคำว่า “เมฆ”
จากนั้น เยี่ยชิวก็เอามันจี้นั้นขึ้นมาตรงจมูกของเขาแล้วดมกลิ่น เขาได้กลิ่นของความบริสุทธิ์ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามัน...
หอมมาก!
เยี่ยชิวเก็ยจี้หยกและเขาก็หันมองย้อนกลับไป เขาก็เห็นอมตะชางเหม่ยนั่งอยู่บนพื้นอย่างหดหู่ใจ เหมือนมะเขือยาวที่ถูกทุบด้วยน้ำค้างแข็ง
“ตาเฒ่า เจ้าเป็นอะไรไป” เยี่ยชิวถาม
อมตะชางเหม่ยตอบด้วยความโกรธ:“เจ้ายังกล้าที่จะถามข้าอีก โอกาสดีๆเช่นนี้อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับปฏิเสธ ข้าอยากจะตีเจ้าให้ตายจริงๆ”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่านิกายดาบชิงอวิ๋นเป็นนิกายที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออก และมีนักบุญจำนวนมากใฝ่ฝันที่จะเข้าร่วมนิกาย”
“นี้มันดีสำหรับตัวเจ้า เขาเชิญให้เจ้าเข้าร่วมครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยังเรียกเจ้าว่าบุตรนักบุญอีก ฉินเจี้ยนเซียนยังอยากที่จะรับเจ้าเป็นศิษย์ของพวกเขาอีก จริงๆ เจ้ายังไม่รู้ในความหวังงดีนี้อีก แล้วจะไม่ให้ข้าโกรธได้ยังไง”
เยี่ยชิวตอบกลับอมตะชางเหม่ยว่า:“ถึงแม้ว่านิกายดาบชิงอวิ๋นจะดีมากแค่ไหน แต่ถ้าหากเจ้าเข้าร่วมนิกายแล้วนั้น เจ้าต้องปฏิบัติตามกฎของนิกายอย่างเคร่งครัด นั้นเป็นสิ่งที่ข้ารับไม่ได้”
“แล้วอีกอย่าง คนอื่นนั้นไม่รู้จุดปรสงค์การมาโลกฝึกเซียนของข้า แต่เจ้าล่ะ เจ้าก็รู้ดีนิ”
“เจ้าอยากอยู่ในโลกฝึกเซียนตลอดไปจริงๆ หรอ?”
อมตะชางเหม่ยกล่าวต่ออีกว่า:“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมนิกายดาบชิงอวิ๋น แล้วทำไมคุณถึงปล่อยให้นางฟ้าไป๋ฮวาไปที่นิกายดาบชิงอวิ๋นล่ะ?”
เยี่ยชิวตอบกลับว่า:“ตอนนี้ข้ามีศัตรูอยู่ทุกหนทุกแห่ง และข้าไม่ต้องการให้เย่ว์เอ๋อร์ติดตามข้า ไม่เช่นนั้นนางก็ต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆอยู่ในทิเบตกับข้า”
“ใช่สิ้ เจ้าทั้งใส่ใจและหวงแหนนางและไม่ต้องการให้นางฟ้าไป๋ฮวาตกอยู่ในอันตรายกับเจ้า ถ้าเป็นอย่างนั้น เจ้าก็มีหัวใจที่จะปล่อยให้ข้าถูกตามล่าไปกับเจ้าสินะ?” อมตะชางเหม่ยกล่าวอย่างไม่พอใจ :“เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อนจริงๆ”
ได้ยินเช่นนั้นเยี่ยชิวก็พูดด้วยรอยยิ้ม:“ตาเฒ่า อย่าโกรธข้าเลย หากเจ้าตั้งใจแน่วแน่ที่จะมีชีวิตรอด แม้ว่าเราจะถูกล่าสักแค่ไหน เจ้าก็จะไม่ตาย หรือต่อให้เจ้าตายจริงๆข้าก็จะไม่เสียใจ”
“แม่เย็*”อมตะชางเหม่ยพูดด้วยความโกรธ:“เจ้ามันเสียสติไปแล้ว”
“หากเจ้าเข้าร่วมกับนิกายดาบชิงอวิ๋น เจ้าไม่เพียงแต่จะมีทรัพยากรในการฝึกเท่านั้น แต่เจ้ายังสามารถใช้เครือข่ายข่าวของนิกายดาบชิงอวิ๋นเพื่อค้นหาหวู่ซวงได้อีกด้วย เห็นไหมยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย”
“นอกจากนี้ นิกายดาบชิงอวิ๋นยังสามารถปกป้องเจ้าได้อีกด้วย ต่อจากนี้ไป เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกตามล่าจากนิกายอื่นเลย”
“ได้อยู่ร่มเงาใต้ต้นไม้ใหญ่ก็ดีแล้ว เข้าใจไหม?”
“ข้าเคยบอกเรื่องนี้กับเจ้าไปแล้ว แต่จริงๆ แล้วเจ้ามันหูหนวกตาบอด ถ้าข้าสามารถทุบตีเจ้าได้ ข้าจะทุบตีเจ้าอย่างแน่”
เยี่ยชิวส่ายหัวแล้วพูดว่า:“ได้อยู่ร่มเงาใต้ต้นไม้ใหญ่ก็ดี แต่ข้าก็มีเป้าหมายของข้า”
“แล้วเจ้าอยากจะทำอะไรล่ะ” อมตะชางเหม่ยถาม
“ข้าอยากเป็นต้นไม้ใหญ่” เยี่ยชิวพูดอย่างภาคภูมิใจแล้วพูดต่อว่า:“เมื่อเจ้ากลายเป็นต้นไม้สูงตระหง่านเท่านั้น เจ้าจึงไม่กลัวลมและฝนใดๆ หากเจ้าพึ่งพาผู้อื่น เจ้าก็จะไม่มีวันเติบโต”
อมตะชางเหม่ยอยากจะบอกกับเยี่ยชิวว่านั้นมันไม่ง่ายเลยที่เขาจะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ แต่เขากังวลเกี่ยวกับการทำลายความมั่นใจของเยี่ยชิว เขาจึงไม่พูดมันออกไปและบึ้งตึงเพียงลำพัง
“เอาล่ะ ตาเฒ่า อย่าโกรธไปเลย เอางี้ข้าจะเลี้ยงน้ำโค้กให้เจ้าแล้วกัน” เยี่ยชิวหยิบโค้กกระป๋องหนึ่งแล้วโยนให้อมตะชางเหม่ย
“มีอย่างอื่นให้กินอีกไหม?” อมตะชางเหม่ยถาม
“มี”เยี่ยชิวหยิบขนมแผ่นรสเผ็ดออกมาอีกห่อหนึ่งแล้วมอบให้อมตะชางเหม่ย
ในขณะที่อมตะชางเหม่ยกำลังกินขนมแผ่นรสเผ็ดไปดื่มน้ำโค้กไปนั้นเอง ความไม่พอใจบนใบหน้าของเขาลดลงเล็กน้อย
“บูม!”
ในขณะนั้นเอง แผ่นน้ำแข็งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ในไม่ช้า ค่ายกลนักบุญก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ และสุสานเทพนักปราชญ์ทั้งหมดก็จมอยู่ในน้ำแข็งและหิมะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
ไอ้ชิบหาย มีแต่หน้าเปล่าๆมา3วันแล้ว พอๆเลิกอ่านบล็อคแม่งออกเลย หนังสือที่อื่นมีอ่านเยอะแยะ...
หลังๆทำไมลงแต่หน้าเปล่า ไม่มีตัวหนังสือสักตัว...
จะอ่านบท1611-1616ยังใงคับ...
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...
ช่วงนี้ทุกเรื่องทำไมมีแค่ห้าบรรทัด อ่านไม่รู้เรื่องเลย..ถ้าแอด..มีเวลารบกวนตรวจสอบให้ด้วยนะครับ..ขอร้อง...
สงสัยค่ะ สงสัยๆๆ เยี่ยวชิวจากนายแพทย์ฝึกหัดมาเป็นนักสู้ได้ยังไง...
ผู้หญิงคือเลวเลยอะ...