วิสารทแพทย์เทวัญ นิยาย บท 1910

สรุปบท บทที่ 1910 อมตะเฮยซิน: วิสารทแพทย์เทวัญ

ตอน บทที่ 1910 อมตะเฮยซิน จาก วิสารทแพทย์เทวัญ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1910 อมตะเฮยซิน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายความสามารถแปลก วิสารทแพทย์เทวัญ ที่เขียนโดย หูหยานล่วนหยู เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เยี่ยชิวคิดในใจ หากแสงสีทองนั้นเป็นมรดกจักรพรรดิมังกรที่ปรากฏขึ้นจริง เหล่าอัจฉริยะจากสำนักใหญ่ทั้งหลายที่รีบไป คงต้องต่อสู้แย่งชิงกันอย่างดุเดือดเป็นแน่

ยิ่งไปกว่านั้น เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ เหล่าคนจากสำนักใหญ่ทั้งหลายอาจลงมือแย่งชิงกันไปแล้ว ที่นั่นคงเต็มไปด้วยเลือด

ไปตอนนี้ คงพอเก็บกวาดสถานการณ์ได้

หลังกล่าวคำว่า ‘ไป’ จบ เยี่ยชิวก็ก้าวเดินไปข้างหน้า

“ฮึ่ม เจ้าเด็กน้อย นายบังคับให้ฉันกินของสกปรกได้นะ นายคอยดูเถอะ!” อมตะชางเหม่ยสบถเบาๆ แล้วเดินตามไป

ไม่นาน พวกเขาก็พบกับแม่น้ำสายหนึ่ง

“ตาเฒ่า ตัวของนายเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกจนฉันแทบอาเจียน รีบไปอาบน้ำในแม่น้ำเดี๋ยวนี้” เยี่ยชิวพูดอย่างรังเกียจ

“นายยังรู้ว่าสิ่งสกปรกมันเหม็นอีกหรือ นายบังคับให้ฉ้นกินตั้งเยอะ แหวะ” อมตะชางเหม่ยพูดไม่ทันจบก็อยากจะอาเจียนอีกครั้ง เขาจึงรีบกระโดดลงไปในแม่น้ำ

สองนาทีต่อมา

หลังจากอาบน้ำเสร็จ อมตะชางเหม่ยวิ่งขึ้นมาจากแม่น้ำ แล้วใช้พลังปราณทำให้เสื้อผ้าแห้ง เขารู้สึกสดชื่นไปทั่วทั้งตัว

“เจ้าเด็กน้อย นายมองฉันทำไม”

อมตะชางเหม่ยเห็นเยี่ยชิวจ้องมองตนเองไม่วางตาจึงรีบเอามือปิดหน้าอก แล้วทำท่าทางหวาดกลัวเกินจริง

“เจ้าเด็กน้อย ฉันขอเตือนนายว่าอย่าได้คิดจะลวนลามฉัน”

“ฉันไม่ใช่คนมั่วๆ นะ”

“หากนายกล้าใช้กำลัง ฉันจะสู้กับให้ตายไปข้าง”

เยี่ยชิวด่าด้วยความโมโหทันที “อย่าพูดพล่อยๆ ฉันไม่สนใจผู้ชายหรอก”

อมตะชางเหม่ยพูด “โกหก! ถ้าไม่สนใจฉัน นายแล้วทำไถึงจ้องฉันไม่วางตา?”

“นายไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองหรือ?” เยี่ยชิวถาม

อมตะชางเหม่ยชะงัก “เปลี่ยนแปลง? ฉันจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ หรือว่าฉันหล่อขึ้น?”

“นายหล่อขึ้นจริงๆ” เยี่ยชิวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“ล้อเล่นอะไรวะ โอ้โห...” จู่ๆ อมตะชางเหม่ยก็ร้องเสียงหลง

เขาพบว่ามือของตัวเองกลายเป็นขาวเนียนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ นิ้วของเขาเรียวราวกับนิ้วมือของหญิงสาว

เขามองดูแขนของตัวเอง ผิวขาวเนียนราวกับหยก เหมือนผิวของทารก

อมตะชางเหม่ยคว้ากระจกทองแดงเล็กๆ จากแขนเสื้อออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเช็ดคราบปลอมแปลงใบหน้าออก แล้วส่องดูเงาของตน

“บ๊ะ!”

อมตะชางเหม่ยอุทานออกมาอีกครั้ง ดวงตาเบิกกว้างราวกับลูกกระพรวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

ริ้วรอยบนใบหน้าของเขาหายไป ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีเลือดฝาด แม้แต่โครงหน้าก็ดูคมชัดขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น คิ้วขาวที่เคยยาวเฟื้อยของเขาตอนนี้กลับกลายเป็นสีดำสนิท

ราวกับว่าทั้งคนได้ย้อนวัยกลับไปห้าสิบปี!

อมตะชางเหม่ยตกตะลึงจนพูดไม่ออก

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”

อมตะชางเหม่ยได้สติกลับคืนมาหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถามว่า “เจ้าเด็กน้อย ทำไมร่างกายของฉันถึงเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้?”

เยี่ยชิวตอบว่า “ทั้งหมดนี้เป็นผลของผลไม้จากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สีทองนั่น”

อมตะชางเหม่ยอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ แล้วพูดด้วยอารมณ์สะทกสะท้านว่า “ไม่นึกเลยว่าผลไม้ที่ยังไม่สุก จะไม่เพียงแต่ทำให้ฉันได้เกิดใหม่ เปลี่ยนกระดูก เพิ่มพลัง ยังทำให้ฉันกลับเป็นหนุ่มอีกครั้งด้วย”

“น่าเสียดายจริงๆ ฉันช่างวู่วามนัก”

“ถ้าฉันไม่เก็บผลไม้นั่น รอจนกว่ามันจะสุก ผลของมันต้องน่ากลัวกว่านี้แน่”

เยี่ยชิวพูดอย่างเย้ยหยัน “ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าตัวเองมือบอน?”

“แม้จะน่าเสียดายอยู่บ้าง แต่ฉันก็ไม่เสียใจเลย” อมตะชางเหม่ยพูดด้วยสีหน้าพึงพอใจ “ความรู้สึกของการเป็นหนุ่มนี่มันดีจริงๆ”

“ว่าแต่เจ้าเด็กน้อย คิ้วของฉันเปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว ต่อไปฉันควรจะเปลี่ยนฉายาไหม?”

เยี่ยชิวถาม “นายว่า ถ้าฉีเทียนรู้ว่าฉันไม่ใช่หลงผู้ซ่า แต่เป็นเยี่ยฉังเซิง เขาจะทำยังไง?”

อมตะชางเหม่ยตอบทันที “ยังต้องถามอีกหรือ แน่นอนว่าต้องฆ่านายทิ้งสิ!”

“ดังนั้น จะไปสนใจความดีของเขาทำไม?” เยี่ยชิวกล่าวต่อ “แต่สิ่งที่นายพูดก็มีเหตุผล แม้ว่าฉันกับฉีเทียนจะเป็นศัตรูกัน แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ฉีเทียนคนนี้ก็ไม่เลวเลยจริงๆ ดังนั้นฉันจึงตั้งใจจะเมตตาต่อเขา”

อมตะชางเหม่ยตกตะลึง “เจ้าเด็กน้อย นายหมายความว่ายังไง? นายจะปล่อยเขาไปเหรอ?”

เยี่ยชิวกล่าวว่า “ฉันสามารถให้เขาตายอย่างทรมานน้อยลงได้”

อมตะชางเหม่ย “......”

ทั้งสองเดินทางต่อไป

ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงเทือกเขาสูงตระหง่าน

ทิวเขาสูงซ้อนทับกัน ราวกับเหล่าตาเฒ่าเมาสุราแล้วเอนพิงอิงหลับใหลมาไม่รู้กี่หมื่นปี

ณ บัดนี้ แสงสีทองเรืองรองอยู่ไม่ไกล

“เจ้าเด็กน้อย สถานการณ์ดูแปลกๆ นะ”

อมตะชางเหม่ยกล่าวว่า “หากเป็นการปรากฏของมรดกจักรพรรดิมังกรจริงๆ ด้วยนิสัยของเหล่าอัจฉริยะ คงได้เปิดศึกกันไปแล้ว ทำไมฉันถึงไม่ได้ยินเสียงแม้แต่น้อย”

เยี่ยชิวก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน

ตามหลักแล้ว เหล่าอัจฉริยะคงต่อสู้กันนองเลือด ไม่ตายก็พิการ

เพราะเหล่าอัจฉริยะล้วนมีพลังฝีมือสูงส่ง หากเปิดศึกกัน เสียงคงดังสนั่น

แต่ตอนนี้ กลับเงียบสงัด

“บางทีแสงสีทองนั่นอาจไม่ใช่มรดกจักรพรรดิมังกร ไม่ว่าจะเป็นอะไร เราไปดูก็รู้เอง”

เยี่ยชิวตามร่องรอยแสงสีทอง นำอมตะชางเหม่ยผ่านเทือกเขาสูง ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงยอดเขาพิเศษแห่งหนึ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ