อุโมงค์ใต้ดินนั้นล้วนคือหินบลูสโตน ยาว 3 ฟุต กว้าง 1 ฟุต และคดเคี้ยวไปจนสุดทาง
เยี่ยชิวเดินเข้าไปตามทางอุโมงค์ใต้ดินอย่างระมัดระวัง
ระหว่างเดิน เขาคอยระมัดระวังและตื่นตัวอยู่ตลอด เพื่อคอยระวังอันตราย
หลังจากเดินมาได้ครึ่งชั่วโมง ก็ยังไม่พบเจออันตรายใดๆ หลังจากเลี้ยวอีกสองสามรอบ อุโมงค์ที่เดิมกำลังลงไปด้านล่างก็เริ่มขึ้นไปด้านบน
“ไม่พูดไม่ได้ว่า ปรมาจารย์หวู่หมิงนั้นช่างเป็นคนที่ประหลาดจริงๆ ขนาดในวันสุดท้ายของชีวิต ไม่คิดว่าเขาจะสร้างสุสานขนาดใหญ่เช่นนี้ น่าทึ่งมาก!”
เยี่ยชิวพึมพำกับตัวเอง และเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
พอเดินมาได้ประมาณยี่สิบนาที หลังจากปีนขึ้นบันไดแล้ว เขาก็เจอประตูหินหนักๆอยู่ข้างหน้า
ที่ประตูหินนั้นมีข้อความสลักอยู่สักกี่บรรทัด:
“สำหรับคนที่มีโอกาสที่จะได้พบกันอีกในภายภาคหน้า หากเจ้าถูกกำหนดให้มาถึงที่นี่ นั่นหมายความว่าเจ้าจะได้รับในสิ่งที่ข้านั้นทิ้งไว้ให้”
"ก่อนอื่น ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย"
“ประการที่สอง ขอบอกเจ้าไว้ว่า ที่นี่เป็นทางออกก็จริง แต่ต้องใช้ดาบจักรพรรดิซื่อเซียวพร้อมกับวิถีดาบเฉาจื้อ ถึงจะสามารถฟันประตูหินนั้นได้ในดาบเดียว”
“หลังประตูหินนี้ ข้าได้เตรียมของขวัญไว้ให้ หนึ่งชิ้น หากได้รับของขวัญชิ้นนี้ ก็เท่ากับว่าเจ้าจะปลอดภัยจริงๆ”
“สุดท้ายนี้ ข้าจะบอกความลับให้ว่า”
“ก่อนหน้านี้เจ้าน่าจะเคยเห็นยันต์ที่ประตูหินนั่นแล้ว คงอยากรู้ใช่มั้ยว่ายันต์นั้นมีไว้ทำไม? ตอนนี้ข้าคงบอกเจ้าได้แล้ว”
“ยันต์แผ่นนั้น จริงๆแล้วมันเป็นของน่าเบื่อที่ข้าทำขึ้นมาเอง และมันก็ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษไปมากกว่านั้น”
ชักช้าอะไรอยู่วะ!
เยี่ยชิวพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง
สิ่งที่ทำให้เขาโกรธมากกว่าเดิมก็คือ ประโยคที่ปรมาจารย์หวู่หมิงเขียนไว้กี่ประโยคนั้น จริงๆ แล้วเป็นภาษาปัจจุบัน
มันไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่มันดูเหมือนเป็นการดูถูกซะมากกว่า
“ผู้อาวุโสหวู่หมิง ท่านอยากจะสื่อถึงอะไรกันแน่? นี่คงกลัวว่าฉันจะไม่เข้าใจภาษาโบราณ เลยตั้งใจเขียนเป็นภาษาปัจจุบันอย่างนั้นสินะ? นี่อยากจะดูถูกกันอย่างนั้นเหรอ? ฉันก็จบปริญญาตรีมาแล้ว คิดว่าจะไม่เข้าใจภาษาโบราณงั้นเหรอ?”
เยี่ยชิวรู้สึกไม่ค่อยชอบใจ
จากนั้น เขาก็ชักดาบจักรพรรดิซื่อเซียวออกมา และใช้วิถีดาบเฉาจื้อ และฟันเข้าไปที่ประตูหินเพียงดาบเดียว
“ปึง!”
ประตูหินแตกออกทันที
ทันใดนั้น เยี่ยชิวก็เห็นป่าดอกท้อ
“หรือว่ามันจะเป็นค่ายกลเก้าวังแปดทิศอีกอย่างงั้นเหรอ?” เยี่ยชิวไม่ได้เร่งรีบที่จะเข้าไปในป่าดอกท้อ แต่กลับยืนอยู่ที่ประตูหินและสังเกตอย่างละเอียดก่อน
เขาพบว่า มันไม่ใช่ค่ายกลเก้าวังแปดทิศ
“ก็น่าจะใช่ ปรมาจารย์หวู่หมิงได้วางค่ายกลเก้าวังแปดทิศแล้ว เขาคงไม่ร่ายค่ายกลแบบเดิมอีกแน่นอน”
“เขาบอกด้วยหนิว่าเขาได้เตรียมของขวัญไว้ให้ ถ้าได้รับของขวัญ ก็จะเท่ากับว่าปลอดภัยแล้วจริงๆ”
“แล้วไหนล่ะของขวัญ?”
เยี่ยชิวมองไปที่ป่าดอกท้ออยู่สักพัก แต่ไม่ยังไม่พบของขวัญที่ปรมาจารย์หวู่หมิงกล่าวถึง
ในที่สุด เขาก็ก้าวไปยังป่าดอกท้อ
เยี่ยชิวระมัดระวังอย่างมาก ก้าวแล้วหยุด และยืนนิ่งเพื่อสังเกต
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติ
“หรือว่า มันจะไม่ใช่ค่ายกล?”
เยี่ยชิวเดินไปเข้าไปข้างในต่อ และห่างออกไปประมาณ30เมตร จู่ๆเขาก็เห็นโต๊ะหินอยู่ตรงใจกลางป่าดอกท้อ
บนโต๊ะหินมีกล่องไม้จันทร์แดงวางอยู่
ดวงตาของเยี่ยชิวเป็นประกาย เขามีลางสังหรณ์ที่ว่า ของขวัญที่ปรมาจารย์หวู่หมิง กล่าวถึงนั้น น่าจะอยู่ในกล่องไม้นั่น
เขากำลังจะเดินไปที่โต๊ะหิน ทันใดนั้น ก็มีสายลมพัดมาอ่อนๆ และดอกท้อที่ผลิบานเหล่านั้นราวกับถูกปลุกให้ตื่นขึ้นเหมือนกับเด็กสาวขี้อาย
เยี่ยชิวหันไปมอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...
ช่วงนี้ทุกเรื่องทำไมมีแค่ห้าบรรทัด อ่านไม่รู้เรื่องเลย..ถ้าแอด..มีเวลารบกวนตรวจสอบให้ด้วยนะครับ..ขอร้อง...
สงสัยค่ะ สงสัยๆๆ เยี่ยวชิวจากนายแพทย์ฝึกหัดมาเป็นนักสู้ได้ยังไง...
ผู้หญิงคือเลวเลยอะ...
51 หายไปไหน...