วิสารทแพทย์เทวัญ นิยาย บท 930

ใครก็ตามที่ย่างกรายเข้าไปในประตูเซียนทองสำริดจะต้องตาย!

ทันทีที่อมตะชางเหม่ยพูดคำนี้ออกมา ใบหน้าของเหล่าทหารขุดค้นพวกนั้นก็เผยให้เห็นอาการตื่นตระหนก จากนั้นพวกเขาก็ถอยไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรตามมา

แม้แต่การสีหน้าของฉินเฟิงก็ดูเคร่งขรึมขึ้น

“หึ ผู้บุกรุกจะต้องตายงั้นเหรอ ช่างเป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่เสียจริง!” เยี่ยชิวหึอย่างเย็นชา จากนั้นก็พูดว่า "หรือว่าชายผู้นี้อยากจะเป็นอมตะหลังความตาย?"

อมตะชางเหม่ยพูดอย่างจริงจัง "ข้าไม่สามารถปฏิเสธความเป็นไปได้นี้จริงๆ"

“ในสมัยโบราณมีจักรพรรดิบางองค์ ก่อนตายไม่สามารถมีอายุยืนยาวได้ จึงอยากเป็นเซียนอมตะหลังตายไปแล้ว”

“และหนึ่งในผู้ที่โด่งดังมากที่สุดก็คือจักรพรรดิจิ๋นฮ่องเต้ ก่อนที่ท่านจะสิ้นพระชนม์ ท่านได้ส่งอวี่ฝูพาเด็กชายและเด็กหญิงกว่าสามพันคนข้ามไปทางตะวันออกเพื่อเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะ ใครจะรู้ว่าอวี่ฝูไปแล้วจะไม่กลับมา”

“ดังนั้น ปฐมจักรพรรดิจึงส่งคนไปสร้างสุสานขนาดใหญ่ในภูเขาลี่ซาน ว่ากันว่านอกเหนือจากนักรบดินเผาและม้าที่ถูกขุดพบแล้ว พระราชวังใต้ดินที่งดงามโอ่อ่าตระการตายังถูกสร้างขึ้นในสุสานของท่านอีกด้วย ”

"ตำนานเล่าว่าบนยอดของสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีใช้ไข่มุกหมิงจูเป็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว และใต้ดินก็เต็มไปด้วยสารปรอททั้งในแม่น้ำ ทะเลสาบ และทะเล"

“นอกจากนี้ ยังสั่งให้ผู้ทรงเวทย์จัดแต่งค่ายกลกระบี่พิเศษขึ้นมา โดยมีจุดประสงค์ก็เพื่อให้จิ๋นซีฮ่องเต้ได้กลายเป็นเซียนอมตะหลังความตาย”

“นี่คือทำเลทองสุดยอดฮวงจุ้ย พูดตามหลักเหตุผลแล้ว ไม่จำเป็นต้องจัดแต่งอะไรเลยด้วยซ้ำ”

“แต่โลงเลือดทองสัมฤทธิ์ทั้งเจ็ดและต้นสนอายุเจ็ดศตวรรษที่เราเห็นดูเหมือนว่าเจ้าของสุสานตั้งใจจัดวางไว้”

“จุดประสงค์ของเจ้าของสุสานที่ทำแบบนี้อาจเป็นการเป็นเซียนอมตะ ไม่อย่างนั้น คงไม่มีประตูทองแดงที่หน้าประตูสุสานอีกทั้งด้านบนยังมีตัวอักษรว่า ‘ประตูเซียน’ หรอก”

เยี่ยชิวกล่าวว่า "ไม่สนหรอกว่าจุดประสงค์ของเขาจะเป็นอะไร การที่ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะเป็นเซียนอมตะ คนแบบนี้ควรถูกกำจัดเผาให้หมด"

“พูดได้ดี!” อมตะชางเหม่ยกล่าว “คนแบบนี้ควรอยู่ในนรกชั้นสิบแปดหลังความตาย”

"หัวหน้าทีมฉิน พาคนของเจ้ากลับไปสะ"

หลังจากที่อมตะชางเหม่ยพูดจบแล้ว ฉินเฟิงก็พาทหารหลบไปด้านข้างทันที จากนั้นอมตะชางเหม่ยก็ก้าวไปข้างหน้าและยืนอยู่บนประตูเซียนทองสัมฤทธิ์ เขามองไปทางซ้ายและขวา

สังเกตอยู่พักหนึ่ง

อมตะชางเหม่ยขมวดคิ้วและพูดว่า "ข้าไม่พบกลไกของการเปิดประตูนี้"

“ถ้าไม่พบกลไก ก็ใช้กำลังพังมันสะ” หลังจากที่เยี่ยชิวพูดจบ เขาก็พร้อมที่จะลงมือ

“จะฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดฆ่าวัว เจ้าเด็กเอ้ย เจ้าพักเถอะ ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”

เหตุผลที่อมตะชางเหม่ยหยุดเยี่ยชิวไม่ให้ลงมือ ก็เพราะเขาคิดว่ามีคนจำนวนมากกำลังเฝ้าดูอยู่ และมันก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขาที่จะแสดงพละกำลังต่อหน้าคนอื่นๆ หากพลาดโอกาสนี้ไปคงจะน่าเสียดาย

ลองจินตนาการดู ถ้าเขาทะลุผ่านประตูเซียนทองสัมฤทธิ์ไปได้ เหล่านักรบที่อยู่ตรงนั้นจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน

เมื่อถึงตอนนั้น คงจะยกระดับภาพลักษณ์ตัวเองในใจของพวกเขา แววตาที่พวกเขามองมาจะต้องเหมือนกับมองเทพอย่างแน่นอน ทั้งคารวะและเคารพนับถือ

พออมตะชางเหม่ยคิดได้แบบนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา ในใจก็รู้สึกเพียงอย่างเดียวว่า

น่าชื่นมื่นเป็นที่สุด!

เยี่ยชิวรู้สึกแปลกเล็กน้อย ตาเฒ่าคนนี้เวลาเจอปัญหามักจะกลัวการออกแรงมาก แล้วทำไมตอนนี้ถึงเสนอตัวเองก่อนแบบนี้ได้?

เขาเหลือบมองอมตะชางเหม่ย เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของอมตะชางเหม่ย และเข้าใจในทันใด

“ที่แท้ตาเฒ่าคนนี้ก็อยากจะโชว์พลัง ก็ได้ ขอให้นายอวดพลังสำเร็จ”

เยี่ยชิวเร่งเร้า "ตาเฒ่า รีบหน่อย!"

“อย่ารีบร้อย ให้เวลาข้าสามสิบวินาที แล้วประตูเซียนทองสัมฤทธิ์นี้จะแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ”

หลังจากพูดจบ อมตะชางเหม่ยก็จัดเสื้อผ้า จากนั้นก็พึมพำอะไรบางอย่าง ดูท่าทางเหมือนบุคคลวิสามัญอย่างไงอย่างงั้นเลย

“ไอ้ขี้เก๊กเอ้ย!”

เยี่ยชิวแอบด่าเบาๆ

ผ่านไปสิบวินาที

อมตะชางเหม่ยส่ายไม้ตีในมือแล้วตะโกนลั่นว่า "ฟ้าผ่ามา!"

เปรี้ยง!

สายฟ้าที่หนาเท่ากับถ้วยน้ำปรากฏขึ้นออกมาจากอากาศและโจมตีไปประตูเซียนทองสัมฤทธิ์

ฉากนี้ทำให้ทหารที่อยู่ตรงนั้นตกใจมาก

"สุดยอด!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ