“ไม่ใช่...” เสิ่นฉีไม่รู้ว่ากำลังเจ็บปวดหรือวิตกกังวล น้ำตาเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของเธอ
เธอมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอจะพลาดไม่ได้ และเธอต้องอยู่ที่บ้านของตระกูลเยี่ยให้สำเร็จ!
“ฉันเพียงแค่...อ้า!”
เยี่ยมั่วเซวียนผลักเธอออกไปโดยที่ไม่ให้โอกาสเธอได้อธิบายอีกครั้ง “ผู้หญิงอย่างเธอนอกจากเป็นผู้หญิงเลวแล้วยังไม่บริสุทธิ์อีก ก็ยิ่งน่ารังเกียจสำหรับฉัน”
เยี่ยมั่วเซวียนหันหลังกลับ แล้วเข็นรถเข็นออกไปโดยไม่มองเสิ่นฉีที่ล้มลงกับพื้นด้วยความงุนงง
เธอมองตามด้านหลังของเยี่ยมั่วเซวียนแล้วกัดริมฝีปากล่างเบาๆ
เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่จะไล่เธอออกจากบ้านตระกูลเยี่ย ถ้าอย่างนั้นเธอสามารถอยู่ต่อได้ไหม?
เธอห่อผ้าห่มแล้วเดินกลับไปที่เตียง หลังจากรอนานกว่าสิบนาทีแต่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เสิ่นฉีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าเธอจะทำสำเร็จแล้ว
-
เสิ่นฉีอยู่คนเดียวในห้องว่างหนึ่งคืน โดยคิดว่าเยี่ยมั่วเซวียนควรรับข้อเสนอของเธอ นั่นคือการเป็นคู่รักแค่ในนาม ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
เสิ่นฉีเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปข้างล่าง เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังยุ่งอยู่
ในขณะที่กำลังจะถามพวกเขาว่าห้องครัวอยู่ที่ไหน ทันใดนั้นไม้กวาดก็ยื่นออกมาขัดเท้าของเสิ่นฉี เธอสะดุดแล้ววิ่งไถลไปข้างหน้าอย่างหยุดไม่ได้
“กริ๊ดดด!” ขณะที่เธอใกล้จะสัมผัสกับพื้นโลก ก็มีมือใหญ่ฉุดเธอขึ้นมาได้ทันเวลา
เสิ่นฉีที่ยังคงตกตะลึงมองขึ้นไปปะทะเข้ากับดวงตาอบอุ่นราวกับหยก
“ไม่เป็นอะไรนะครับน้องสะใภ้”
“น้องสะใภ้?”
“ฉันเป็นพี่ชายคนโตของมั่วเซวียน ชื่อหลิ่นหาน” เยี่ยหลิ่นหานพูดอย่างนุ่มนวล
ไม่รอให้เสิ่นฉีได้ตอบ เสียงเย็นชาก็ดังขึ้นมา “ดูเหมือนว่าฉันจะมาผิดเวลา”
เสียงนี้นี่มัน...เสิ่นฉีมองตามเสียงไป
เซียวซู่ที่เข็นรถวีลแชร์ที่ซึ่งมีเยี่ยมั่วเซวียนนั่งอยู่เดินเข้ามา เยี่ยมั่วเซวียนนั่งอยู่บนรถเข็นพร้อมกับผ้าห่มบางๆคลุมขาของเขาเอาไว้
แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ท่าทางของเขาดูเหมือนกับว่าจะครองโลก
ดวงตาที่เย็นชาของเขาเหมือนกับใบมีดที่อยู่บนหน้าของเขา
ทำให้เสิ่นฉีอดที่จะตัวสั่นไม่ได้เมื่อสบตากับเขา
และเธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าเธอยังอยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยหลิ่นหาน เธอจึงรีบถอยกลับมาสองก้าวเพื่อรักษาระยะห่างแล้วก้มศีรษะลงด้วยความรู้สึกผิด
“มั่วเซวียน คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอนายที่บ้าน” เยี่ยหลิ่นหานยังคงยิ้มให้น้องชายของเขา
แต่เยี่ยมั่วเซวียนกลับมีท่าทางต่างจากเขา ไม่มีสีหน้าแสดงความรู้สึกใดๆ เขาเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ “พี่ใหญ่”
“อืม...ถ้างั้นพี่ใหญ่ไม่รบกวนนายกับน้องสะใภ้แล้ว”
หลังจากที่เยี่ยหลิ่นหานพูดจบ เขาก็มองไปที่เสิ่นฉีแล้วพูดเบาๆว่า “น้องสะใภ้ พี่ใหญ่ต้องไปบริษัทแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”
เสิ่นฉีพยักหน้าอย่างงงๆ เมื่อเห็นเยี่ยหลิ่นหานออกไป ในขณะที่เธอกำลังจะละสายตา ก็ได้ยินเสียงเยี่ยมั่วเซวียนพูดประชดประชันว่า “ผู้หญิงที่หย่าร้างแล้วนี่หิวกระหายขนาดนี้เลยเหรอ อดใจที่จะยั่วยวนผู้ชายไม่ไหวแล้วหรือไง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นฉีก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง “คุณพูดว่าอะไรนะ”
แล้วตอนนี้คุณท่านต้องการจะพบเธอ เธอจะไม่ถูกเปิดโปงใช่ไหม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์ร้าย:คลั่งรักเจ้าสาวแสนสวย
รอ...อ่านค่ะ...