วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 107

เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองท้องฟ้าผ่านหน้าต่าง เขาไม่ได้พูดอะไรสีหน้าไร้อารมณ์ ตั้งแต่ได้ยินคำพูดนั้นของคณหมอ จิตใจที่เคยนิ่งสงบของเขาเต็มไปด้วยความกังวล เขาต้องป้องกันอย่างหนักเพื่อไม่ให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นนั้น

เขาเกลียดมู่เวยเวยมากไม่ใช่เหรอ? เมื่อคืนเธอวางยาเฉียวซินโยวอย่างโหดเหี้ยม ทำไมตอนนี้เมื่อได้ยินว่าเธอกำลังจะตาย ใจเขาถึงรู้สึกเป็นกังวล?

เย่ฉ่าวเฉินหลับตาลง จากนั้นเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในตอนนี้สติสัมปชัญญะเขากลับมาเป็นปกติแล้ว

เขาคิด เขาไม่เคยรักและทะนุถนอมเธอ เขาแค่เป็นห่วงเธอในฐานะที่เธอเป็นภรรยาเขาเท่านั้น ถ้าเธอตายไปทั้งแบบนี้ ก็จะมีข่าวซุบซิบมากมายเกี่ยวกับเขาออกไปสู่สังคมภายนอกอย่างไม่หยุดหย่อน

แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะลืมไปแล้วว่า เขาคือเย่ฉ่าวเฉินผู้ที่ไม่เคยสนใจความคิดเห็นของคนอื่น ทำตามเพียงใจของตัวเองเท่านั้น

จากความหมายที่กล่าวมา เขาไม่ต้องการให้มู่เวยเวยตาย แต่เขากลับไม่เคยมองย้อนดูตัวเอง

“จางเห่อ” เย่ฉ่าวเฉินเผชิญหน้ากับดวงดาว สีหน้าหมองคล้ำไม่สดใส น้ำเสียงเคร่งขรึม

จางเห่อเดินมาหาเขาอย่างรวดเร็ว คำนับแล้วถามอย่างใจเย็น “ครับคุณชาย มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นดูเวลา น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น “นายรีบไปที่บริษัท ส่งเอกสารให้พนักงานทุกคนในบริษัท บอกว่าใครที่มีกรุ๊ปเลือดAB ให้มาที่นี่ทันที!”

จางเห่อตกใจเล็กน้อย แต่ก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาตอบรับทันที “ครับ!”

“และอีกอย่าง…” น้ำเสียงของเย่ฉ่าวเฉินจริงจังมากขึ้น มองไปที่สีหน้าของจางเห่อที่เต็มไปด้วยความกดดัน ลมหายใจเย็นเฉียบ “จำไว้ ต้องพามาภายในสี่สิบนาที เพราะเรามีเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น!”

จางเห่อพยักหน้า แล้วรีบออกจากโรงพยาบาลทันที

สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินหวั่นวิตก เขาจ้องมองไปที่ประตูห้องผ่าตัด มองไปที่ไฟกระพริบด้านบน จิตใจกระวนกระวาย เหงื่อเย็นๆ ไหลออกมา

เวลาผ่านไปทีละนิด อีกไม่ถึงสิบนาทีจะถึงเวลาที่นัดกับจางเห่อแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวคราวจากเขาเลยสักนิด กำลังเดินทางมาหรือเปล่า หรือว่ายังอยู่ที่บริษัท?

เขาอดทนรอไม่ไหว จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดโทรออกหาจางเห่อทันที

“ฮัลโหลครับ คุณชาย”

เย่ฉ่าวเฉินทำใจนิ่งๆ แล้วเอ่ยถาม “ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน อีกนานไหมกว่าจะถึงโรงพยาบาล?”

ขณะนี้พวกเขาอยู่บนถนนย่านการค้าใจกลางเมือง จางเห่อมองดูจำนวนผู้คนข้างหน้าที่ยาวเป็นตัวมังกรยักษ์ ในใจก็เริ่มกระวนกระวาย เขาตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณชายเย่ตอนนี้ติดช่วงเวลาเร่งด่วนอยู่ครับ ผมเกรงว่าต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะพ้นออกไปได้”

เย่ฉ่าวเฉินบีบโทรศัพท์ในมือแน่น ความโกรธปรากฎขึ้นบนใบหน้า “แล้วจะทำยังไง? ถ้ามู่เวยเวยรอการถ่ายเลือดไม่ไหว เธอก็จะตายในอีกไม่ช้า!”

เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากพบหน้าใครทั้งนั้น เพราะกำลังโมโหให้มู่เวยเวย แต่ตอนนี้เขากลั้นมันเอาไว้ไม่อยู่

เพียงแค่คิดว่าเธอจะกลายเป็นศพร่างกายเย็นชืด อารมณ์ภายในใจที่เกิดขึ้นก็ยากจะควบคุม มันทำให้เขาอยากจะฆ่าใครสักคน!

จางเห่อไม่คิดว่าคุณชายจะมองว่ามู่เวยเวยสำคัญขนาดนี้ เขาไม่ต้องตรวจสอบความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอีกแล้ว แต่ตอนนี้จะมัวแต่คิดเรื่องนั้นไม่ได้ เขาต้องพยายามอย่างเต็มที่ที่ต้องคิดหาทางแก้ปัญหา

ทันใดนั้น ก็มีคนคนหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของจางเห่อ

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ จางเห่อลังเลอยู่ชั่วครู่ และคิดได้ว่าชีวิตของคนคนหนึ่งกำลังตกอยู่ในอันตราย เมื่อเขาบอกออกไป ส่วนคุณชายจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ให้เขาตัดสินใจเอาเอง

“คุณชายครับ คุณหนูเฉียวซินโยวก็มีเลือดกรุ๊ปABครับ ล่าสุดที่ผมจำได้ ตอนนี้คุณหนูเฉียวตกบันได คุณหนูมู่ก็เป็นคนให้เลือดเธอ คุณลอง…”

จางเห่อพูดยังไม่จบ แต่ในใจของเย่ฉ่าวเฉินกลับยุ่งเหยิงพันกันไปหมด

อีกด้านในตัวเขากำลังต่อต้านการกระทำนี้ ที่มู่เวยเวยได้รับบาดเจ็บครั้งนี้เพราะเธอทำตัวเอง เขาแค่ต้องการตำหนิเธอที่ใจคอโหดเหี้ยมเกินไป คิดจะวางยาเฉียวซินโยว

เขาจะให้เธอมาเสียสละเพื่อผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร มู่เวยเวยไม่คู่ควรเลยสักนิด!

แต่อีกด้านกลับชัดเจนยิ่งกว่า ถ้าอีกห้านาทีจางเห่อยังมาไม่ถึง คนที่อยู่ตรงหน้าเขา ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง

หนึ่ง คือเห็นด้วยกับการที่ให้เฉียวซินโยวให้เลือดแก่มู่เวยเวย เช่นนั้นเธอก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

สอง คือไม่เห็นด้วยกับการให้เฉียวซินโยวให้เลือด เช่นนั้นเธอก็จะตาย

ดูเหมือนทุกๆ ทางเลือกจะยากไปหมด เย่ฉ่าวเฉินเริ่มกระวนกระวาย

ถ้าเห็นด้วย มันก็จะไม่ยุติธรรมกับซินโยว...

ในขณะที่เย่ฉ่าวเฉินกำลังคิดไม่ตก ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก คุณหมอที่เพิ่งออกมาเมื่อครู่เดินออกมาอีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คล้ายกับเป็นเงาในตาของเย่ฉ่าวเฉิน

“เป็นยังไงบ้างครับ?”

เม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากของคุณหมอ เขาถามขึ้นอย่างเป็นกังวล “คุณชายเย่ได้กรุ๊ปเลือดที่ตรงกับของคุณผู้หญิงมู่หรือยังครับ?”

ในใจของเย่ฉ่าวเฉินรู้สึกอึดอัดขึ้นมา เขาตอบกลับไปอย่างใจเย็น “ได้แล้วครับ”

คุณหมอถอนหายใจอย่างโล่งอก “งั้นคุณรีบแจ้งเขาให้ไปรายงานตัวที่ห้องตรวจเลยนะครับ ต้องให้ได้เลือดตามจำนวนที่เหมาะสมกับผู้ป่วย พวกเราจำเป็นต้องผ่าตัดทันที”

ได้ฟังเช่นนั้น สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินก็เคร่งขรึมขึ้น เขาเอ่ยถามว่า “มู่เวยเวยจะอดทนได้อีกนานแค่ไหนครับ?”

คุณหมอขมวดคิ้วย่น จนใบหน้าดูไม่ได้ “ภายในสิบนาที ถ้าไม่มีการถ่ายเลือดมู่เวยเวยจะตกอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ครับ”

“เหลืออีกยี่สิบนาทีไม่ใช่เหรอ?”

คุณหมอส่ายหน้า พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ตอนนี้อาการเธอช็อกเข้าขั้นโคม่า หากล่าช้าอีกต่อไป เธอก็จะ…”

เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ฟังคำที่คุณหมอพูดต่อไป เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก เมื่อรู้ว่าไม่มีเวลาแล้ว จึงรีบไปที่ห้องของเฉียวซินโยวทันที เขาค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป

เมื่อมองไปยังเธอที่กำลังหลับใหล เย่ฉ่าวเฉินก็เกิดลังเลขึ้นมาอีกครั้ง เขาพูดอะไรไม่ออก

เป็นเวลาเดียวกันที่บทสนทนาจากทางเดิน ดังเข้ามาดึงดูดความสนใจของเขาไป

“คุณหมอหลี่หาคนที่กรุ๊ปเลือดตรงกับเธอได้หรือยัง?”

“สถานการเป็นยังไงบ้าง?”

“ชีพจรของผู้ป่วยเริ่มลดต่ำลงเรื่อยๆ ตอนนี้หัวหน้ากำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อกู้คลื่นหัวใจให้กับเธอ แต่เหมือนจะไม่ทันแล้ว…”

เย่ฉ่าวเฉินตกใจอย่างมาก ความลังเลทั้งหมดหายไป เข้าก้าวเข้าไปเขย่าไหล่ของเฉียวซินโยว เธอลืมตาขึ้นมองเขาด้วยความสงสัย

เขาเอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมา “ซินโยว ผมมีเรื่องจะขอให้คุณช่วย”

……

ภายในห้องผ่าตัด

เฉียวซินโยวมองดูเข็มสีขาวที่ปักอยู่แขนตัวเองด้วยสีหน้าเย็นชา ของเหลวสีแดงสดไหลเข้าไปในถุงเก็บเลือด

และตรงหน้าเธอ เมื่อมองผ่านผ้าโปร่งสีขาวไป ภายใต้แสงสว่างที่คุณหมอใช้ส่องในการผ่าตัด มองเห็นเป็นเงามืดๆ ของผู้คนขวักไขว่กันอย่างวุ่นวาย และคนที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ก็คือมู่เวยเวย เธอกัดฟันด้วยความเกลียดชัง

จู่ๆ เธอก็ยิ้มขึ้นมา แต่แฝงไปด้วยความเศร้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ