“คุณคิดจะทำอะไร? คุณไม่ต้องไปบริษัทหรอกเหรอ ฉันคิดว่าคุณว่างเกินไปแล้วนะ” มู่เวยเวยเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ความอัดอั้นที่อยู่ในใจเธอถูกเก็บเอาไว้นานเกินไป จนแทบจะขาดอากาศหายใจตายอยู่แล้ว!
เธอเป็นแพะรับบาปแทนเฉียวซินโยวมามาก แม้กระทั่งฟื้นขึ้นมา ก็ไม่อาจทำในสิ่งที่ต้องการได้
ทุกคนที่คิดร้ายและเล่นงานเธอ อย่าคิดว่าเธอจะแสดงสีหน้าดีๆ ด้วยเลย
เย่ฉ่าวเฉินมองดูเธออย่างดูถูกเหยียดหยาม น้ำเสียงเย็นชาพูดขึ้น “ฉันคิดว่าเธอคงฟื้นตัวได้ดีแล้วล่ะ ยังมีกะจิตกะใจมาห่วงใยธุจกิจฉันอีก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่เวยเวยก็กระตุกยิ้ม “เย่ฉ่าวเฉิน นายรู้ไหม ตอนที่นายยังไม่พูดนายก็เหมือนดั่งภาพวาด แต่พอนายเอ่ยปากเท่านั้นแหละ เหมือนกับ…”
มู่เวยเวยจงใจไม่พูดคำนั้นออกมา เย่ฉ่าวเฉินเลิกคิ้วถาม “เหมือนอะไร?”
ความรู้สึกของเย่ฉ่าวเฉินบอกกับเขาว่า สิ่งที่เธอกำลังจะพูดต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ แต่ในใจเขาก็ยังสงสัย อยากรู้ว่าเธอจะคิดอย่างไรกับภาพลักษณ์ภายนอกของเขา
มู่เวยเวยยิ้ม แล้วตะโกนขึ้น “ก็เหมือนกันปีศาจนะสิ!”
“มู่เวยเวย!” เย่ฉ่าวเฉินกระชากผมเธอ ตะคอกใส่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้หญิงสารเลวอย่างเธอ ปากก็ชั่วพอๆ กับใจของเธอ คงต้องชะล้างมันบ้าง!”
มู่เวยเวยยิ้มอย่างไม่เห็นด้วย แม้ว่าหนังศีรษะจะเจ็บจนชาไปแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังยิ้มอย่างสดใส “ใช่ ฉันมันเลว คุณไม่เคยสำรวจตัวเองเลยเหรอ?”
อย่างไรเธอก็มีป้ายติดตัวว่า ‘เลว’ อยู่แล้ว เมื่อถูกเฉียวซินโยวเป็นคนติดให้ สำหรับทุกคนไม่ว่าเธอจะพิสูจน์ตัวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ งั้นก็เอาตามนี้เลยละกัน!
เธอเป็นผู้หญิงเลวทรามต่ำช้า ก็ต้องได้รับการชำระล้าง แล้วพวกคุณจะทำอย่างไรกับเธอดีล่ะ?
เย่ฉ่าวเฉินยิ้ม เขากระชากผมเธอมากขึ้น ใจจริงอยากจะดึงมันขึ้นมาแทบทั้งหมด คำพูดร้ายกาจออกมาจากปากนั้น “เธอยอมรับมา ว่าเธอเป็นคนวางยาเฉียวซินโยว!”
แสงสว่างในแววตาของมู่เวยเวยที่มองทะลุผ่านเข้าไปช่างน่าขนลุก เธอพยายามเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดที่หนังศีรษะ แล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ว่าฉันจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม พวกคุณทุกคนก็คิดว่าฉันเป็นคนทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“จางเห่อตรวจสอบชัดเจนแล้ว มียานอนหลับจำนวนมากอยู่ในโจ๊กที่เธอทำให้ซินโยวกิน เธอยังจะแก้ตัวว่ายังไง?” เย่ฉ่าวเฉินขาดสติ เมื่อถูกมู่เวยเวยยั่วโมโห
“ในบ้านตระกูลเย่ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ทำโจ๊ก เพียงแค่คืนนั้นฉันเป็นคนทำโจ๊ก ก็เลยคิดว่าคนที่วางยาเป็นฉันงั้นเหรอ?” มู่เวยเวยตะคอกอย่างเหยียดหยาม
สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเย็นชา เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่แยแส “ทีแรกก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเธอ เพราะตอนนั้นควรจะเป็นฉินหม่าที่อยู่ห้องครัว แต่ฉันเพิ่งมารู้จากอาหวังว่า ตอนนั้นฉินหม่าไปขอเมล็ดกาแฟจากเขา”
“แล้วไง พวกคุณไม่มีตามองดูเหรอ ก็เลยคิดว่าฉันเป็นคนวางยา?”
“นี่เธอยังไม่ยอมรับใช่ไหม ฉินหม่าไม่มีแรงจูงใจที่จะทำ และเธออยู่กับฉันมาเป็นสิบๆ ปี ฉันรู้นิสัยของเธอดี”
มู่เวยเวยเม้มปาก เธอยิ้มอย่างเยือกเย็น น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ “ฉันบอกหรือยังว่าเป็นฉินหม่า? แม้ว่าตำรวจจะกระทำความผิดก็ตาม ทุกคนย่อมมีแรงจูงใจ แต่คุณกลับเจาะจงมาที่ฉันโดยตรง?”
“งั้นเธอหมายถึงใคร?” เย่ฉ่าวเฉินเอ่ยถาม
“เฉียวซินโยวล่ะ? คุณกล้ารับปากไหมว่าเธอบริสุทธิ์?” มู่เวยเวยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา มีความเกลียดชังแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น
จะไม่ให้เธอเกลียดได้อย่างไร!
เธอเพิ่งรู้มาจากพยาบาลว่า เธอเกือบตายไปแล้ว แต่เฉียวซินโยวได้ถ่ายเลือดให้เธอ เธอจึงรอดชีวิตมาได้ เมื่อได้ยินแบบนั้นเธออยากจะหัวเราะจริงๆ เธอไม่เชื่อว่าเฉียวซินโยวจะใจดีขนาดนั้น เธอคงแสดงละครอยู่แน่ๆ!
เธอต้องฉวยโอกาสนี้สร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูอ่อนโยนและใจดีต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง และให้ตัวมู่เวยเวยเองเป็นคนเลว เพื่อทำให้เธอดูดีขึ้นใช่ไหมล่ะ?
เป็นคนเจ้าเล่ห์ที่หนึ่งในจักรวาลจริงๆ สามารถแสดงละครเสแสร้งได้ขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่หลอกล้อเย่ฉ่าวเฉินและคนรอบตัวได้ เกือบจะสมบูรณ์แบบแล้วเชียว!
เมื่อได้ยินว่าเธอสงสัยเฉียวซินโยว เย่ฉ่าวเฉินก็ชะงักไป เขาอยากจะบีบคอเธอให้ตายคอมือจริงๆ!
เขาเคยเห็นคนใจดำ แต่กลับไม่เคยเห็นคนที่เนรคุณขนาดนี้มาก่อน!
“เธอไม่รู้ใช่ไหมว่าซินโยวถ่ายเลือดให้เธอ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีชีวิตอยู่คุยแบบนี้หรอก เธอคงตายไปนานแล้ว!” เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองเธออย่างดุร้าย ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
มู่เวยเวยยิ้มเยาะ พูดขึ้นอย่างไม่แยแส “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ควรจะกล่าวขอบคุณ และเคาะหัวเธอ แล้วเรียกเธอว่าผู้มีพระคุณใช่ไหม?”
ถ้าไม่ใช่เพราะเฉียวซินโยว เธอต้องมานอนอยู่ในห้องผ่าตัดแบบนี้ไหม?
ยิ่งไปกว่านั้นความจริงก็คือ เฉียวซินโยวรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้มีเจตนาที่ดีต่อเธอ หากต้องให้เธอไปขอบคุณ เธอเกรงว่าเฉียวซินโยวจะรับไม่ได้
“มู่เวยเวยเธอ!” เย่ฉ่าวเฉินกำหมัดแน่น เธอมันไม่รู้จักชั่วดี! ตอนนั้นเขาคิดได้อย่างไรให้ซินโยวให้เลือดเธอเพื่อช่วยชีวิตเธอนะ!
“เธอมันน่าไม่อายจริงๆ มู่เวยเวย ถ้าไม่ใช่เพราะซินโยวให้เลือดเธอ เธอคิดว่าเธอจะได้มานอนอยู่ตรงนี้ไหม?”
มู่เวยเวยเม้มปาก รอยยิ้มเยือกเย็น แล้วเอ่ยขึ้น “ฉันได้ขอร้องให้พวกนายมาช่วยไหม ถ้าฉันรู้ว่าเฉียวซินโยวเป็นช่วย สู้ฉันตายไปซะยังดีกว่า!”
เมื่อคิดได้ว่าเลือดของเฉียวซินโยว ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเธอ เธอยิ่งรู้สึกขยะแขยง
เธอร้ายกาจขนาดนั้น ไม่รู้ว่าเลือดจะมีอะไรปนเปื้อนอยู่บ้าง ถ้าเธอติดสิ่งที่ไม่ดีมาล่ะ งั้นเธอก็อาจจะตายได้!
“มู่เวยเวย ไม่อยากคิดว่าเธอจะเป็นคนปากแข็งแบบนี้ ที่จริงแล้วเธออิจฉาซินโยวใช่ไหม” เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองมาที่ดวงตาของเธอ แต่กลับพบเพียงความเย้ยยันในแววตานั้น
เธออิจฉาซินโยว? เย่ฉ่าวเฉินนายโง่หรือเปล่า?!
เฉียวซินโยวทำร้ายเธอขนาดนั้น ยังจะให้อิจฉาเธองั้นเหรอ?
มีเรื่องที่ตลกกว่านี้อีกไหมเนี้ย!
“นายบอกว่าฉันอิจฉาซินโยวเหรอ ฉันอิจฉาเธอตรงไหมไม่ทราบ?”
น้ำเสียงของเย่ฉ่าวเฉินเย็นชา มุมปากยกยิ้มอย่างมีความหมาย “คนเลวก็ต้องอิจฉาคนดีเป็นเรื่องปกติ ยังต้องให้ฉันอธิบายอีกไหม?”
“ถ้าคุณเชื่อแบบนั้นจริงๆ” มู่เวยเวยเอ่ยอย่างไม่แยแส
“ที่ฉันมาหาเธอไม่ใช่มาฟังคำถกเถียงของเธอ ตอนนี้ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรเธอ แต่เมื่อไหร่ที่เธอออกจากโรงพยาบาล เธอต้องขอโทษซินโยวต่อหน้าทุกคนในตระกูลเย่”
ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น มู่เวยเวยไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เธอไม่ได้ทำอะไรผิด จะให้เธอขอโทษเฉียวซินโยวงั้นเหรอ?
ทำร้ายเธอขนาดนี้ แต่จะให้เธอเป็นฝ่ายขอโทษ ไม่มีทางแน่นอน!
มู่เวยเวยครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง ทันใดนั้นเธอก็ยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้น “ให้ฉันขอโทษก็ได้ แต่ฉันมีเงื่อนไขกับนายข้อหนึ่ง”
เมื่อเย่ฉ่าวเฉินได้ยินว่าเธอเห็นด้วย สีหน้าเขาก็ดูผ่อนคลายลง แต่เมื่อได้ยินว่าเธอยื่นเสนอมา สีหน้าเขากลับบึ้งตึงอีกครั้ง เธอไม่ยอมพลาดโอกาสเลยจริงๆ!
“เธอพูดมาก่อน”
“นายต้องตกลงก่อน ไม่งั้นก็ไม่พูด และก็ไม่ขอโทษด้วย”
มู่เวยเวยยิ้ม เขาคิดว่าเธอคงจะทำเหมือนที่เคยทำ เหมือนกับลูกพลับลูกหนึ่ง ที่ปล่อยให้พวกเขาบีบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...