เมื่อได้ยินคำถามของมู่เวยเวย สีหน้าหนานกงเฮ่าเปลี่ยนไป น้ำเสียงเขาก็หม่นหมอง " ใครเป็นคนบอกเรื่องนี้กับคุณ? "
มู่เวยเวยแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นและยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันจากนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา " ใครเป็นคนบอกเรื่องนี้กับฉันมันสำคัญด้วยหรอ? ฉันแค่อยากรู้คำตอบ? "
" เวยเวย เธอฟังฉันก่อนนะ เรื่องทั้งหมดมันไม่ได้เป็นแบบที่เธอคิด " หนานกงเฮ่าพูดขึ้นและต้องการที่จะทำให้อารมณ์ของเธอคงที่
" ไม่ใช่แบบที่ฉันคิด แล้วมันเป็นแบบที่ใครคิด? หนานกงเฮ่า คุณรู้ไหมหลังจากที่ฉันรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ใจของฉันเจ็บปวดมากขนาดไหน ฉันเชื่อใจคุณขนาดนี้ แล้วคุณล่ะ คุณทำอะไรลงไปกับฉันบ้าง! "
ท่าทีของมู่เวยเวยกระวนกระวายเล็กน้อย แววตาของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวัง ทำให้ภายในใจหนานกงเฮ่าวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
หนานกงเดินเข้ามาตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว บังคับให้เธอมองตาของตัวเองที่ในแววตานั้นมีแต่ความจริงใจและความมุ่งมั่น " เวยเวย เชื่อฉันนะ ฉันไม่เคยคิดจะทำร้ายเธอเลย ถึงแม้การกระทำของฉันก่อนหน้านี้มันจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ แต่ว่ามันก็เป็นเพราะรักเธอนะ!"
คนในคืนนั้นเป็นใครกันแน่ หนานกงเฮ่าน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุด แต่ว่าเขากลับวางแผนให้ความจริงนี้เก็บอยู่ในท้อง
ลู่จื่อหางคิดว่าผู้ชายในคืนนั้นคือหนานกงเฮ่า เขาน่าจะไม่รู้ชัดเจน ในคืนนั้นเขาเกือบจะประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนจึงไม่สามารถมาตามนัดได้ ในเมื่อทุกคนต่างคิดว่าเป็นเขา ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะปล่อยเลยตามเลย
รักเธอ?
มู่เวยเวยหัวเราะเยาะ คำว่ารักนั้นยิ่งใหญ่มากแต่ว่าใครๆก็พูดแบบนี้ ลู่จื่อหางเคยพูดว่ารักเธอ แต่ว่าสุดท้ายก็ส่งเธอขึ้นเตียงกับผู้ชายคนอื่นกับมือ
ตอนนี้หนานกงเฮ่าก็บอกว่ารักเธอ เธอที่พึ่งรู้ว่าคนที่พรากครั้งแรกของเธอไปในคืนนั้น คนที่ทำให้เธอทรมานมาจนถึงวันนี้คือเขา!
ความรักของพวกเขานี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆ
" หนานกง อย่าพูดคำว่ารักกับฉัน ฉันคิดว่าฉันไม่มีเสน่ห์มากพอที่จะให้คุณชายหนานกงผู้สูงศักดิ์มารักฉันหรอก? ท่านจะรักฉันได้ยังไงกัน?แล้วทำไมถึงรักฉันล่ะ? "
หนานกงเฮ่าขมวดคิ้ว และรู้สึกได้ว่าคราวนี้มู่เวยเวยไม่ยอมง่ายๆแน่ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า " มีอยู่เรื่องเธอน่าจะจำไม่ได้แล้ว เมื่อสามปีก่อนในซอยมืดๆแห่งหนึ่งเธอเคยช่วยชีวิตฉันไว้ "
พอฟังเขาพูดจบ มู่เวยเวยก็ขมวดคิ้ว เธอพยายามนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เขาพูด จู่ๆก็รู้สึกว่ามีความคับคล้ายคับคา แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ " คนที่ฉันช่วยในตอนนั้นคือคุณหรอ? "
พอเห็นว่าเธอจำได้แล้ว หนานกงเฮ่าดีใจมาก เขาพยักหน้าด้วยความดีใจแล้วพูดว่า " ใช่แล้ว เพราะว่าตอนนั้นเธอรีบมาก ฉันไม่กล้าที่จะรบกวนเธอ แต่ว่าหลายปีมานี้ ฉันเฝ้าดูเธออย่างเงียบๆมาโดยตลอด "
มู่เวยเวยตะลึงแล้วถามต่อว่า " ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ก็ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องการให้คุณตอบแทน คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้! ถึงแม้ว่าตอนนั้นไม่ใช่คุณฉันก็เลือกที่จะช่วยเหลือแบบเดิมอยู่ดี! "
พอได้บินเธอพูดแบบนี้ หนานกงเฮ่าก็ยิ้มอย่างข่มขื่น จากนั้นพูดต่อว่า " ฉันรู้ แต่ว่าฉันกลับถูกเธอดึงดูดฉันโดยไม่รู้ตัวทำให้ฉันหลงเสน่ห์เธอมากขึ้นเรื่อยๆ "
มู่เวยเวยเงียบเพราะเธอไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร
" ฉันสังเกตเห็นว่าเธอมักจะให้อาหารสุนัขจรจัดข้างทางอยู่บ่อยๆ และมักจะไปเป็นอาสาสมัครที่บ้านเด็กกำพร้าอยู่บ่อยครั้ง เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ดีและอ่อนโยนมาก และนี่คือสิ่งที่ดึงดูดฉัน "
มู่เวยเวยก้มหน้าลงสีหน้าของเธอเศร้าหมอง และมีรอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏบนหน้าเธอ แล้วพูดเบาๆว่า " คุณแน่ใจได้ยังไงว่ามันคือความรัก? ไม่ใช่เพราะความขอบคุณหรือเพราะสงสาร? "
แต่ก่อนมู่เวยเวยเชื่อเรื่องรักแรกพบ แต่หลังจากที่ได้ประสบพบเจอกับเหตุต่างๆเหล่านี้ เธอก็ค่อยๆเข้าใจ การที่ใช้คำว่ารักเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการ นั่นมันไม่ใช่รักแต่มันคือการเห็นแก่ตัว
หนานกงเฮ่ากระตุกคิ้ว แล้วยกยิ้มจางๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลมาก "ฉันไม่เคยใช้ความรักมาเป็นข้อต่อรอง เวยเวย เธอน่าจะเข้าใจฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ "
ถ้าพูดถึงคำว่าเข้าใจ มู่เวยเวยในตอนนี้ไม่เข้าใจใครทั้งนั้น เมื่อเธอคิดว่าสิ่งของนั้นเป็นรูปรางกลม แต่ว่าสิ่งนั้นกลับเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม
เมื่อเธอคิดว่ามิตรภาพของพวกเขานั้นบริสุทธิ์ แต่แท้จริงแล้วถูกห่อหุ้มด้วยความหลอกลวงและความสกปรก
สีหน้าท่าทีของมู่เวยเวยนิ่งสงบ แล้วยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
" หนานกง คุณรู้ไหม? ชีวิตของฉันในตอนนี้มันก็เหมือนเม็ดทราย สิ่งที่เคยเจอมามันไม่ได้มีความหมายอะไรอีกแล้ว การที่มีคุณอยู่คุณก็เหมือนเป็นโอเอซิสกลางทะเลทราย......"
พอได้ฟังสิ่งเธอเปรียบเทียบ หนานกงเฮ่าขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ขัดจังหวะใดๆ
“ทุกครั้งที่ฉันโดนทำร้าย คุณก็ให้ความอบอุ่นกับฉันเสมอมา ฉันรู้สึกซาบซึ้งมากๆ ฉันดีใจนะที่ได้รู้จักคุณ แต่ว่าตอนนี้คุณกลับบอกฉันว่า ที่ฉันเห็นเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกของคุณ แต่ความจริงนั้นมันโหดร้าย! "
แต่ละคำที่มู่เวยเวยพูดราวกับว่าพูดโดยใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี คิดแล้วก็เศร้า มีหมอกอันหนาแน่นลอยขึ้นมาบนดวงตาของเธอทำให้เห็นการแสดงออกที่แท้จริงของหนานกงเฮ่า
หนานกงเฮ่าจุกที่อก เขาอยากจะก้าวขึ้นไปข้างหน้าเพื่อเช็ดน้ำตาให้เธอ แต่กลับโดนมู่เวยเวยปัดออก
หนานกงเฮ่าตกใจแล้วรีบพูดอธิบายว่า " เวยเวย เรื่องนี้ฉันขอโทษ เธอจะโทษฉันยังไงก็ได้แต่ว่าอย่าทำเป็นไม่สนใจฉันเลยนะ! "
มู่เวยเวยส่ายหัวอย่างแน่วแน่ แล้วพูดขึ้นว่า " หนานกง นับแต่นี้ไปเราอย่าได้ติดต่อกันอีกเลย เรื่องนี้ ฉันให้อภัยคุณไม่ได้จริงๆ! "
พอมู่เวยเวยพูดจบก็หันหลังเดินออกไปเลย แต่เธอกลับรู้สึกมีหน้าอกอุ่นๆทาบอยู่บนแผ่นหลังของเธอ ทำให้เธอแข็งทื่อไปทั้งตัว
หนานกงเฮ่ารวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี ในใจของเขารู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก เขาบอกกับตัวเองอย่าปล่อยมือเด็ดขาด ถ้าเขาปล่อยมือ เรื่องของเขาและเธอก็จะเป็นไปไม่ได้แล้ว
" เวยเวย อย่าใจร้ายแบบนี้ได้ไหม? เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นฉันขอโทษ เธออย่าปล่อยมือฉันเลยนะไม่งั้นฉันแย่แน่ๆ! "หนานกงเฮ่าอธิบายสุดฤทธิ์ราวกับว่าเขากำลังคว้าความช่วยเหลือฟางเส้นสุดท้ายของเขา
มู่เวยเวยสั่นไปทั้งตัว เธอปิดตาลง และเธอก็ผลักตัวออกจากอ้อมกอดของเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ " หนานกง อย่าบังคับให้ฉันต้องเกลียดคุณ "
พอหนานกงเฮ่าฟังประโยคนี้จบ สีหน้าก็ตกใจมาก เขาลังเลอยู่นาน ในที่สุดเขาก็พูดออกมาอย่างไม่เต็มใจว่า " ได้ เวยเวย ฉันจะทำตามที่เธอพูดทุกอย่าง "
ถ้ามันเป็นสิ่งที่เธอต้องการ ฉันก็ยินดีที่จะทำ
มู่เวยเวยไม่กล้าหันหลังกลับไปและเธอวิ่งตรงออกไปเลยจนกระทั่งมองไม่เห็นเงาของคฤหาสน์แล้วมู่เวยเวยจึงหยุดอย่างเหนื่อยล้า
ในตอนนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง แสดงแดดส่องผ่านก้อนเมฆและส่องไปบนร่างกายที่เย็นชาของมู่เวยเวย ทำให้เธอสั่นไปทั้งตัว
ถ้าจะถามว่าความสิ้นหวังคืออะไร มู่เวยเวยคิดว่าเธอในตอนนี้รับรู้ได้ถึงความรู้สึกนี้แล้ว
โลกใบนี้กว้างใหญ่ขนาดนี้ แต่คนที่คอยสนับสนุนเธอมาโดยตลอดก็ได้หายไปแล้ว เหลือเธอตัวคนเดียวอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...