วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 137

" ฉ่าวเหยียน " อย่างน้อยฉันก็เป็นเพื่อนของพี่ชายคุณ ทำไมคุณถึงได้พูดจาแบบนี้กับฉัน? " เฉียวซินโยวโกรธมาก ช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอพยายามอดทนอดกลั้น มันไม่ง่ายเลยที่จะเห็นมู่เวยเวยในสภาพที่ใกล้จะตาย แต่เขากลับโผล่ออกมาปั่นป่วนอีก

เย่ฉ่าวเหยียนมองเธอด้วยสายตาที่ดูถูก " เฉียวซินโยว ฉันจะพูดจายังไงต้องให้เธอสอนด้วยหรอ? "

" ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น......"

เดิมทีเย่ฉ่าวเฉินเริ่มรู้สึกคล้อยตามคำพูดของเย่ฉ่าวเหยียนแล้ว แต่คำว่าชีวิตส่วนตัวของเฉียวซินโยวจุดประกายความโกรธของเขาขึ้นมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เอามู่เวยเวยมาเกี่ยวกับเรื่องมู่เทียนเย่ แต่เรื่องที่เธอไม่ภักดีกับเขา เขาก็ไม่มีทางที่จะให้อภัยเธอได้

" พอได้แล้ว พวกคุณสองคนหยุดทะเลาะกันได้แล้ว "

เย่ฉ่าวเฉินพึ่งพูดจบไป คุณหมอหานก็วิ่งเข้ามา และพูดพึมพำในปากว่า " ฉันรู้แล้ว ฉันรู้แล้ว ฉันก็ไม่อยากจะพูดนะ คุณชายเย่จำนวนครั้งในวันนี้ที่ฉันช่วยชีวิตคุณนายเย่เนี่ย จำนวนมันเยอะกว่าหลายปีที่ฉันเป็นหมอประจำตระกูลเย่อีก คุณช่วยอย่า......หืม ทำแผลเสร็จแล้ว?

คุณหมอหานเดินเข้าไปหามู่เวยเวย แล้วเช็คดูอย่างละเอียดพร้อมกับพูดว่า " เทคนิคใช้ได้ ใครเป็นคนทำ? "

" ฉ่าวเหยียน " เย่ฉ่าวเฉินชินกับการจู้จี้ของเขาแล้วและไม่ได้มีการตอบสนองอะไนมากนัก

คุณหมอหานหันไปมองเย่ฉ่าวเหยียน พร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นมาพูดว่า " คุณชายเหยียนถ้าสนใจลองเรียนแพทย์ได้นะ ฉันจะแนะนำเอง "

เย่ฉ่าวเฉินเบะปาก " ไม่สนใจ "

คุณหมอหานหัวเราะ และเริ่มตรวจเช็คมู่เวยเวย เย่ฉ่าวเฉินที่อิงอยู่ข้างโต๊ะ ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

ทำไมไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ทำร้ายเธอ พอหลังจากเกิดเรื่องก็ทั้งกังวลและหวาดกลัว กลัวว่าเธอจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว

นี่ตัวเองเป็นอะไรกันแน่?

" ความดันโลหิตต่ำมาก มันเกิดจากการเสียเลือดมาก แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ฉันจะจ่ายยาบำรุงเลือดให้ ช่วงนี้ก็ใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษหน่อย ให้กิน อินทผลัม ลำไย แครอท มากๆหน่อย " เดิมทีอยากจะเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดบนร่างกายมู่เวยเวยสักหน่อย แต่ว่าจะประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วเย่ฉ่าวเฉินต้องเป็นบ้าขึ้นมาแน่ๆ จึงพูดว่า " เดี๋ยวบอกให้ฉินหม่ามาเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดบนร่างกายให้เธอด้วยนะ แต่ว่าที่ต้องะวังคืออย่าให้เธอเป็นไข้เด็ดขาด "

" รู้แล้ว แล้วคุณไม่รักษาบาดแผลแล้วหรอ? " เย่ฉ่าวเฉินถามอย่างเย็นชา

" ต้องรักษาสิ คุณไม่เห็นหรอว่าฉันกำลังเตรียมยาอยู่? " คุณหมอหานพูดอย่างโกรธๆ

เย่ฉ่าวเฉินทนดูท่าทีแบบนี้ของเขาไม่ไหว " เห้ย! นี่คุณไม่อยากได้เงินเดือนแล้วใช่มั้ย "

คุณหมอหานเหลือบไปมองเขาแวบหนึ่ง " คุณก็ทำได้แค่เอาเรื่องเงินเดือนมาขู่ฉัน "

......

นอกคฤหาสน์ พอจางเห่อได้รับคำสั่งแล้วก็ไปสืบสวนทันที คนของเย่ฉ่าวเหยียนหายไปอย่างเงียบๆ

สำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ว่าเบาะแสนี้จะจริงหรือเท็จ ขอเพียงแค่มีเบาะแส ยังไงก็จะไม่พลาดเด็ดขาด

ในห้องครัว ซุปไก่ยังคงเกลือกกลิ้งอยู่ บะหมี่ครึ่งหนึ่งแขวนอยู่บนแผง ในจานมีผักกาดกวางตุ้งสีเขียว เดิมทีมันเป็นงานวันเกิดที่สุดแสนจะธรรมดา แต่กลับมีของขวัญที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนทำลายบรรยากาศไปหมด

มู่เวยเวยฟื้นขึ้นมาในตอบค่ำๆ มองดูพระอาทิตย์ตกดินนอกหน้าต่าง ในใจก็เต็มไปด้วยความอ้างว้าง

เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าของขวัญชิ้นนี้จะมาจากพี่ชายเธอ อย่างน้อยมันก็ยืนยันได้ว่า เขายังมีชีวิตอยู่ เขารู้ว่าเธออยู่ที่ไหน

แต่สัญชาตญานบอกกับเธอว่า ไม่ควรที่จะเชื่อ ข้างในมันต้องมีกลลวงอะไรแน่ๆ

ลังเลอยู่สักพัก มู่เวยเวยก็ลุกจากเตียงลงไปชั้นล่าง เธอยังไม่ได้กินบะหมี่ที่เชื่อกันว่าจะทำให้อายุยืนยาว

" พอฉินหม่าเห็นเธอก็รีบเข้ามาพยุงเธอ พร้องพูดขึ้นว่า " คุณหนู ลุกขึ้นมาทำไมคะ? คุณหมอสั่งว่าคุณต้องพักผ่อนมากๆ ฉันทำโจ๊กอินทผลัมไว้ให้คุณบำรุงเลือด "

" ของคุณค่ะฉินหม่า " มู่เวยเวยเดินเข้าไปในห้องครัวด้วยความวิงเวียน " ฉินหม่า ฉันอยากกินบะหมี่อายุยืน เดิมทีอยากจะทำด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยจะมี รบกวนคุณช่วยทำให้ฉันชามหนึ่งนะคะ "

" ได้ ฉันจะทำให้เดี๋ยวนี้ค่ะ วัตถุดิบตอนเช้าฉันเก็บไว้ทั้งหมดเลย ท่านนั่งรอในห้องอาหารสักครู่ จะรีบไปทำมาเดี๋ยวนี้ "

หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมา มู่เวยเวยหิวจะตายอยู่แล้ว พอฉินหม่ายกบะหมี่มาวางไว้ตรงหน้า เธอก็รีบกินทันที

โอ๊ย -ร้อนมากเลย -

" คุณกินช้าๆหน่อย ไม่มีใครแย่งคุณกินหรอค่ะ " ฉินหม่าที่เห็นว่าเธอร้อนจนต้องแลบลิ้นออกมา ก็บอกเธออย่างยิ้มแย้ม

" ฉินหม่า ฝีมือของคุณนี่สุดยอดกว่าเชฟสะอีก " มู่เวยเวยกินบะหมี่เข้ามาหนึ่งคำแล้วพูดชมฉินหม่า

ฉินหม่ายิ้มจนตาเป็นแปะยิ้มอยู่แล้ว " ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ "

ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เฉียวซินโยวก็เดินเข้ามาอย่างสง่า

" โห กินบะหมี่อายุยืนหรอ " ใบหน้าของเฉียวซินโยวมีรอยยิ้มสะใจปรากฏอยู่ แล้วนั่งลงตรงข้ามเธอ " มู่เวยเวย คงคิดไม่ถึงสินะว่าจะได้ฉลองงานวันเกิดของตัวเองที่น่าเศร้าแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่มีคนอวยพร อีกทั้งยังเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ช่างน่าสงสารจริงๆ "

มู่เวยเวยก้มหน้าก้มตากินบะหมี่โดยไม่ตอบเธอ สิ่งที่ดูถูกคนมากที่สุดก็คือการเพิกเฉยนั่นแหละ

" ฉินหม่า บะหมี่ยังมีอยู่มั้ย ฉันอยากจะกินอีกชามหนึ่ง " มู่เวยเวยถามฉินหม่า

" เวยเวย บะหมี่อายุยืนกินแค่ชามเดียวก็พอแล้ว ถ้าคุณยังหิวอยู่ โจ๊กกำลังจะเสร็จแล้ว "

" อ้อ ได้ ถ้างั้นฉันกินโจ๊กก็ได้ " มู่เวยเวยพูดจบ ก็ยกชามขึ้นซดซุปในชามจนเกลี้ยงเลย

เฉียวซินโยวมองเธออย่างเย็นชา และพูดประชดประชันว่า " บะหมี่อายุยืนที่ถูกกินเข้าไป ฉันดูดูแล้วที่เธอกินเนี่ยมันไม่น่าใช่บะหมี่อายุยืนนะ น่าจะเป็นบะหมี่อายุสั้นมากกว่า อีกไม่กี่วันก็น่าจะได้ไปเจอยมทูตแล้วล่ะ "

มู่เวยเวยอยากตบเธอมาก แต่เธอก็อดกลั้นไว้ได้ และตรงเข้าไปที่ห้องครัวพูดว่า " ฉินหม่า ฉันไปเดินเล่นในสวนดอกไม้สักหน่อย ถ้าโจ๊กเสร็จแล้วก็เรียกฉันนะ "

" ได้เลยๆ "

มู่เวยเวยลุกขึนแล้วเดินไปที่สวนดอกไม้ เฉียวซินโยวมองตามหลังมู่เวยเวย แล้วกัดฟันแน่น มู่เวยเวย มันแค่พึ่งจะเริ่มเองเธอก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดสะแล้ว ฉันจะรอดูว่าเธอจะรับมือยังไงต่อไป

......

ตอนกลางคืน ณ ห้องหนังสือชั้นสาม

จางเห่อยืนกุมมือ สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเคร่งขรึมมาก

" ไม่พบร่องรอยอะไรเลยงั้นหรอ? " เขาถาม

" ใช่ครับ พัสดุชิ้นนั้นเหมือนกับว่าอีกฝ่ายจะส่งเองกับมือโดยไม่ได้ผ่านบริษัทขนส่ง พวกเราได้ตรวจดูกล้องวงจรปิดแล้ว พนักงานส่งของได้ใส่หมวกปิดหน้าปิดตาไว้ พวกเราตามมันไปถึงย่านใจกลางเมืองแล้วเขาก็หายตัวไป "

เย่ฉ่าวเฉินเคาะโต๊ะแล้วพูดขึ้นอย่างครุ่นคิด " ส่งคนไปอยู่รอบตัวมู่เวยเวยให้มากขึ้น ถ้าฝ่ายตรงข้ามเป็นมู่เทียนเย่จริงๆ เขาคงไม่ถอดใจง่ายๆหรอก "

" คุณชาย คุณอยากจะล่อเสือออกจากถ้ำหรอ? " จางเห่อเข้าใจความหมายของเย่ฉ่าวเฉิน

เย่ฉ่าวเฉินแสยะยิ้ม " ขอแค่มู่เวยเวยยังอยู่ในมือฉัน ฉันก็ไม่เชื่อว่ามู่เทียนเย่จะไม่แสดงตัว ช่วงนี้มู่เวยเวยจะไปไหนก็ไม่ต้องสนใจเธอ ปล่อยให้เธอไปแค่คอยติดตามให้ดีก็พอ "

" ครับ รับทราบครับ "

......

เพราะว่าได้รับบาดเจ็บ มู่เวยเวยพักผ่อนอยู่ที่บ้านสองวัน แผลก็ค่อยๆหายดีเป็นปกติ

" คุณหมอหาน แผลตรงนี้......จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้หรือไม่? " มู่เวยเวยแตะผ้าก๊อซ แผลอยู่ตรงคอพอดี มันจะน่ากว่าขนาดไหนกัน

คุณหมอหานพูดปลอบเธอว่า " คุณไม่ต้องกังวล ครั้งที่แล้วที่คุณได้รับบาดเจ็บคุณใช้ยาของผมซึ่งไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เลยสักนิด ครั้งนี้ฉันจะเอายานั้นให้คุณอีกหน่อย แล้วใช้ระยะเวลาทานานหน่อยรับรองว่าไม่เป็นรอยแผลเป็นแน่นอน "

มู่เวยเวยถอนหายใจด้วยความโล่งอก " ของคุณค่ะคุณหมอหาน "

คุณมอหานเหลือบไปมองข้างนอกแวบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นเบาๆว่า " คุณมู่ ต่อไปคุณก็อย่าอ่อนแออีกนะ ถ้าเย่ฉ่าวเฉินจะทำร้ายคุณอีกคุณก็สู้กลับไปเลย ถ้าคุณยังไม่รู้จกสู้อีก ผมเกรงว่าครั้งหน้า......"

" คุณหมาหาน ขอบคุณมากที่เป็นห่วง ครั้งต่อไปฉันจะจำไว้นะ " มู่เวยเวยรีบพูดขัดจังหวะเขา เธอไม่อยากให้เขาต้องเดือดร้อน ถ้าเย่ฉ่าวเฉินได้ยินเข้า ไม่รู้ว่าเขาจะใช้อะไรมาเล่นงานเขา

คุณหมอหานเข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อ ถอนหายใจแล้วพูดว่า " ถึงยังไงร่างกายก็เป็นของตัวเอง ไม่ต้องทรมานขนาดนี้ก็ได้ "

" อือ " มู่เวยเวยยิ้มให้เขาแล้วส่งเขาออกไป

กลางคืนวันนี้มู่เวยเวยปิดไฟกำลังจะนอน " ติ้งตึง " เสียงข้อความโทรศัพท์ดังขึ้น เปิดออกดู เป็นเบอร์ที่เธอไม่รู้จัก ข้างในเขียนประโยคหนึ่งไว้และยังมีรูปอีกหนึ่งรูป

เวยเวย เธออยู่ตระกูลเย่เป็นไงบ้าง? ฉันคือพี่ชาย

มู่เวยเวยรีบลุกขึ้นนั่ง เพราะว่าออกแรงมากไป ทำให้บาดแผลที่คอเจ็บเล็กน้อย

เปิดดูรูปภาพนั้น เป็นเงาหลังของคนคนหนึ่ง สวมเสื้อหนังสีดำ กางเกงขากว้างสีดำและรองเท้าบูทมาร์ติน ร่างสูงใหญ่ กำยำยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ แสงแดดส่องลงที่ไหล่ ทั้งตัวมีออร่าเปล่งประกาย

นี่คือ......พี่ชาย?

ดวงตาของมู่เวยเวยมีน้ำใสใสไหลออกมา เหมือนพี่ชายมากจริงๆ

ขยายรูปให้ใหญ่ขึ้นแล้วใหญ่ขึ้นอีก มู่เวยเวยรู้สึกสงสัยภายในใจ ไหลของพี่ชายเหมือว่าจะกว้างกว่าคนในรูปนี้หน่อยนะ เพราะว่าเขาออกกำลังกายตลอด รูปร่าง

มีแต่กล้ามเนื้อที่แข็งแรงมาก ถึงแม้ว่ามองดูภายนอกจะดูผอม แต่ถ้าถอดเสื้อมีแต่กล้ามเนื้อ แต่ว่าถ้าเทียบกับผู้ชายคนอื่นๆ ไหล่ของเขาจะหนากว่าผู้ชายส่วนใหญ่

แต่ว่าผู้ชายคนนี้......

ไหล่แคบไปหน่อย

หรือจะเป็นตัวปลอม เหมือนกับหมีพูห์นั้นที่เย่ฉ่าวเฉินโยนทิ้งไป

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วครุ่นคิดสักพัก มู่เวยเวยพิมพ์ไปว่า: พี่ชาย? ใช่พี่จริงๆใช่ไหม? กดส่ง

ข้อความส่งกลับมาเร็วมาก

เป็นพี่แน่นอน พี่เป็นห่วงเธอมากนะ รู้มาว่าเธออยู่บ้านตระกูลเย่เลยติดต่อเธอได้

มู่เวยเวยจ้องโทรศัพท์เป็นเวลานานมาก ถ้าอยากรู้ว่าเขาใช่พี่ชายรึป่าว ก็แค่ฟังเสียงเขาก็ฟังออกแล้ว และเธอก็กดโทรออกทันที ไม่คาดคิดเลยว่าปลายสายจะกดวางเร็วขนาดนี้

จากนั้นก็มีข้อความส่งมา

สาวน้อย ตอนนี้พี่ไม่สะดวกรับโทรศัพท์

มู่เวยเวยยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้น เขาส่งข้อความได้แต่กลับรับโทรศัพท์ไม่ได้? มันเป็นเรื่องน่าแปลกมาก เพื่อทดสอบเขามู่เวยเวยยังคงส่งข้อความต่อไป

โอเคค่ะพี่ชาย ช่วงที่ผ่านมาพี่ไปไหนมา? ทำไมถึงหายตัวไป? ฉันเป็นห่วงพี่มาก

ฉันไปหลบซ่อนตัวอยู่ต่างประเทศมาพักหนึ่ง วางใจได้ ตอนนี้พี่สบายดี

พอมู่เวยเวยเห็นคำว่า " หลบซ่อน " ก็หัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ตัว คนอย่างพี่ชายที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน จะใช้คำนี้ได้ยังไง? ตอนนี้เธอแน่ใจแล้วมู่เทียนเย่คนนี้คือตัวปลอม

แต่ว่าเธอเองก็อยากรู้มาก ใครกันที่ปลอมตัวเป็นพี่ชาย ยังไงก็ตามน้ำไปละกัน รอดูว่เขาจะกล้าออกมาเจอเธอรึป่าว

พี่ชาย ฉันคิดถึงพี่มาก ฉันขอเจอพี่ได้ไหม?

หลังจากส่งข้อความไปแล้ว ผ่านไปหลายนาทีมากกว่าฝ่ายตรงข้ามจะส่งกลับมา

โอเค พี่ก็อยากเจอเธอเหมือนกัน แต่ว่าพี่ไม่ได้อยู่เมือง A อีกสองสามวันถ้าพี่ไปถึงเมือง A แล้วพี่จะติดต่อน้องไปนะ

ได้ค่ะพี่ชาย พี่ระวังตัวด้วยนะคะ

ฉันรู้แล้ว เธออยู่บ้านตระกูลเย่ก็ระวังตัวด้วยนะ เย่ฉ่าวเฉินไม่ใช่คนดีอะไร

มู่เวยเวยหัวเราะชอบใจ : อืออือ บายค่ะพี่ชาย

บาย

นอนอยู่บนเตียง มู่เวยเวยมองไปที่บทสนทนาของพวกเขา ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เปิดไปที่การบันทึกการโทร เบอร์ที่พึ่งจะโทรออกไปเมื่อสักครู่กลับมีคำว่าหมายเลขบริการลูกค้าของผู้ให้บริการเสมือน

แสดงว่า เบอร์โทรศัพท์ของฝ่ายตรงข้ามซื้อจากในเน็ต

เตรียมการมาดีมาก ไม่สามารถตรวจสอบได้เลยว่าซื้อมาจากร้านไหน

......

คืนที่หลับสนิท

วันรุ่งขึ้น ณ ห้องอาหาร

ตั้งแต่เกิดเรื่องหลังงานวันเกิดในคืนนั้น มู่เวยเวยก็ไม่ได้พูดกับเย่ฉ่าวเฉินเลยสักคำ เธอหวังว่าเย่ฉ่าวเฉินจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ทำเหมือนว่าเธอไม่มีตัวตน แต่ว่าเย่ฉ่าวเฉินดูเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ดี ตอนกินข้าวก็เอาแต่เขี่ยไปเขี่ยมา เอาแต่บอกว่าเมนูนี้ใส่เกลือมากไป เมนูนั้นใส่น้ำตาลมากไป ทำให้ฉินหม่าตัวสั่นไปหมด และบ่อยครั้งที่แอบไปเช็ดน้ำตาในครัว

มู่เวยเวยกินข้าวเสร็จ ก็พูดกับเขาเป็นคำแรกในหลายวันที่ผ่านมาว่า " แผลฉันหายดีแล้ว วันนี้จะไปทำงาน "

เย่ฉ่าวเฉินเหลือบไปมองเธอแวบหนึ่ง แผลที่คอเธอมันเห็นชัดเจนมาก แล้วพูดอย่างอารมณ์เสีย " อย่าลืมใส่ผ้าพันคอด้วยล่ะ "

มู่เวยเวยวางตะเกียบลงแล้วหัวเราะแห้ง " ท่านประธานเย่ก็กลัวคนอื่นจะนินมาเหมือนกันหรอ? "

ถึงยังไงแผลของมู่เวยเวยมันก็อยู่ตรงจดที่พิเศษ จำทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไว้

" ถ้าเธอยังอยากอยู่บริษัทต่อไป ก็อย่ามาท้าทายความอดทนของฉัน เพราะว่าฉันไล่เธอออกได้ตลอดเวลา "

มู่เวยเวยผลักเก้าอี้ออกแล้วมองไปที่เขา จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า " โอเค คุณพูดถูกเสมอ "

......

อากาศหนาวเย็น พันผ้าพันคอก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกอะไร แต่ว่าถ้าตอนอยู่ในห้องทำงานแล้วใส่ตลอดทั้งวัน เพท่อนร่วมงานคนอื่นอาจจะคิดมากได้

ในเวลาพัก ลีน่าเดินบิดเอวตรงมาที่โต๊ะของมู่เวยเวย มองไปที่ผ้าพันคอของเธอถามอย่างยิ้มแย้มว่า " มู่เวยเวย ผ้าพันคอของเธอซื้อที่ไหน? เป็นรุ่นใหม่ของปีนี้หรอ? "

มู่เวยเวยส่ายหัว " ไม่ใช่ ซื้อช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้ว "

" แค่ดูก็รู้ว่าของแท้ " ลีน่าพูดอย่างอิจฉา " แต่ว่าเธอใส่ทั้งวันแบบนี้ไม่ร้อนหรอ? "

" ไม่ร้อน! ไม่ร้อนเลยสักนิด เมื่อวานก่อนฉันไม่ค่อยสบายไงเลยรู้สึกหนาวๆ " มู่เวยเวยหาข้ออ้างพูดขึ้นมั่วๆ

ลีน่าหัวเราะด้วยท่าทีที่รู้ใจ " ฉันคิดว่าต้องมีบางอย่างอยู่ใต้ผ้าพันคอแน่เลย "

มู่เวยเวยกระพริบตา เธอจับไปที่ผ้าพันคอแล้วพูดว่า " จะมีอะไรได้ไงล่ะ เธอคิดมากไปแล้ว "

" ฮ่าฮ่า คุณกังวลอะไร? ก็แค่โดนท่านประธานเย่......ไม่ใช่หรอ ไม่เห็นต้องปกปิดเลย ทุกคนก็ล้วนแต่เคยผ่านมาแล้วเข้าใจดี " พอลีน่าพูดจบ ก็มีเสียงหัวเราะ ฮ่าฮ่าฮ่า ดังก้องไปทั่ว

มู่เวยเวยอึดอัดมาก แต่ก็ไม่สามารถปฎิเสธได้ ได้แต่จำใจให้พวกเธอเข้าใจผิดไปแบบนั้น

แต่ว่า ถ้าหากพวกเขารู้ว่านี่คือรอยแผลเป็น พวกเขาจะมีท่าทียังไงกันนะ

" ลีน่า! "มู่เวยเวยแกล้งๆตะคอก

ลีน่ารีบพูดขึ้นว่า " โอเคๆ ดูเธอหน้าแดงไปหมด อ่อนหัดจริงๆเลย ไปแล้วนะ! "

มู่เวยเวยรู้สึกโล่งอกไปที

ในเวลาพักกลางวัน มู่เวยเวย เสี่ยงจางและลีน่าออกไปกินข้าวด้วยกัน เธอรู้สึกว่าเหมือนมีคนเดินตามตลอดเวลาแต่พอหันไปมองก็ไม่เห็นใคร

" เวยเวย เธอหันไปมองอะไรบ่อยๆ? " เสี่ยวจางถาม

มู่เวยเวยส่ายหัว " ไม่มีอะไร คงเป็นเพราะสองสามวันนี้ไม่ค่อยสบายเลยคิดมากไปเอง "

ลีน่าจับแขนเธอแล้วพูดว่า " เวยเวย ฉันบอกเธอเรื่องหนึ่ง เธอต้องระวังไว้นะ "

" เรื่องอะไร? "

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ