“ห่ะ?” มู๋เวยเวยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “พระเจ้า… บนโลกใบนี้มีเทวดาอยู่กี่คน? เขาเป็นรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง หล่อไหม?”
เสี่ยวจื่อเหมือนจะโกรธอยู่นิดๆ เขาพึมพำคาถาเงียบๆ แล้วผมของมู่เวยเวยก็ตั้งขึ้นราวกับไฟฟ้าสถิต ปลิวว่อนอยู่ในอากาศ
“อ่ะๆๆๆ ฉันผิดไปแล้วๆ” มู่เวยเวยรีบขอโทษ “เสี่ยวจื่อเป็นเทวดาที่หล่อที่สุด ไม่มีใครเก่งเท่านายอยู่แล้ว”
“จริงเหรอ?” เสี่ยวจื่อถามเธอ เปลี่ยนนิ้วที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว มู่เวยเวยรู้ว่าตัวเอง...
ค่อยๆ ลอยออกจากเตียง ทั้งตัวลอยขึ้นไปบนอากาศช้าๆ
ไอโหย๋ว เวลาเสี่ยวจื่อโกรธน่ากลัวชะมัด
“ฉันสาบานได้ ฉันพูดเรื่องจริง” มู่เวยเวยคว้าแขนเขาไว้ เพราะกลัวว่าตัวเองจะลอยขึ้นไปติดเพดานด้านบน
“ก็เหมือนๆ กันนั้นแหละ” เสี่ยวจื่อหยุดการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ มู่เวยเวยหล่นลงบนเตียงเสียงดัง ‘ตุบ!’
หล่นลงมาจนเจ็บไปหมด
“จะดีจะเลวก็เป็นเพื่อนกัน นายลงไม้ลงมือเบาๆ หน่อยสิ” มู่เวยเวยนวดไปตามลำตัว
ขยับเข้าไปหาเขาแล้วถามขึ้น “เขาเลวมากไหม? นายจำเป็นต้องฆ่าเขาไหม?”
เสี่ยวจื่อเงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า “จริงๆ แล้วมันก็ไม่แน่นอน…”
“งั้นก็ไม่ได้น่ะสิ? มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน แล้วทำไมยังต้องฆ่า?” มู่เวยเวยเอนกายพิงหัวเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงคาง “นายเป็นใจกว้างขวาง ให้อภัยเขาเถอะ”
“ไม่ได้ ผมเป็นคนมีหลักการ” เสี่ยวจื่อพูดอย่างจริงจัง
“อ่ะๆ เอาล่ะ น่าเสียดายที่ฉันไม่มีความสามารถพิเศษอะไร ไม่อย่างนั้นฉันจะช่วยนาย”
เสี่ยวจื่อหันกลับไปมองเธอ แล้วแอบถามอยู่ในใจ ถ้ารู้ความจริง แล้วคุณยังจะช่วยผมไหม?
“ดึกขนาดนี้ทำไมคุณยังไม่นอน?” เขาถามเปลี่ยนเรื่อง
มู่เวยเวยเริ่มง่วง จ้องมองเขาแล้วเอ่ยขึ้น “ฉันเป็นโรคนอนไม่หลับ แต่เมื่อนายมา ตอนนี้ฉันอยากนอนแล้วล่ะ”
“งั้นคุณไปนอนเถอะ” เสี่ยวจื่อยกนิ้วขึ้น จากนั้นผ้าห่มก็เลื่อนไปคลุมตัวมู่เวยเวยไว้
“อืม… งั้นนายก็ไปนอนเร็วๆ หน่อยละกัน ฉันไม่ไปส่งนะ” พูดจบมู่เวยเวยก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
เสี่ยวจื่อเฝ้ามองเธอเป็นเวลาเนิ่นนาน ทันใดนั้นก็ก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากเธอ แล้วหายตัวไปทันที
……
มู่เวยเวยที่เพิ่งถูกควบคุมตัวกลับมาที่บ้านตระกูลเย่ พอเข้าใกล้มุมกำแพงหรือประตู ก็จะถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยขวางทางไว้ เพราะฉะนั้น เธอจึงทำได้แค่เดินเล่นในคฤหาสน์ และเรียนทำอาหารกับฉินหม่าเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตาม แต่เธอกลับไม่ได้อยู่คนเดียวเลยสักนิด เพราะมีคนคอยมีปัญหากับเธออยู่เสมอ นั้นก็คือเฉียวซินโยว
อย่างเช่นตอนนี้ มู่เวยเวยล้างองุ่นเอาไว้ เฉียวซินโยวก็เดินเข้ามาหยิบไป
“ไม่มีมือหรือไง? ล้างเองไม่เป็นเหรอ?”
เฉียวซินโยวสั่นผ้าก็อชบนมือให้ดู แล้วพูดโกรธๆ “เหอะ! พี่ชายเธอทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้ ให้ฉันล้างเองถ้าเกิดอักเสบขึ้นมาจะทำยังไง?”
“อักเสบก็ตัดมันทิ้ง ยังมีให้เหลืออีกข้างหนิ” มู่เวยเวยพูดจบก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องครัว พลางสาปแช่งให้เธอท้องเสียเพราะกินองุ่นจานนั้น
“มู่เวยเวย ระวังคำพูดของเธอหน่อย พูดแบบนี้ระวังพี่ชายเธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน” เฉียวซินโยวหยิบองุ่นแล้วโยนเข้าปาก มันทั้งเปรี้ยวทั้งหวาน อร่อยเหลือเกิน
มู่เวยเวยล้างแอปเปิ้ลแล้วหยิบออกมา “ขอบคุณสำหรับความห่วงใย พี่ชายยังอยู่ดี ไม่จำเป็น”
เฉียวซินโยวกำลังจะตอบโต้กลับ เมื่อเห็นว่าเย่ฉ่าวเหยียนเดินมา จึงพูดขึ้น “เฮ้ พูดแบบนี้เธอก็รู้สิว่าพี่เธออยู่ที่ไหน?”
“ถึงฉันรู้ฉันก็ไม่บอกเธอหรอก” มู่เวยเวยกัดแอปเปิ้ลแล้วเดินออกไปที่ห้องนั่งเล่น ก็ชนเข้ากับเย่ฉ่าวเหยียน เธอทำตัวไม่ถูกอยู่สองสามวินาที จากนั้นก็เดินผ่านเขาไปที่สวน
“ดูสิ ฉันบอกแล้วว่าเธอรู้ว่ามู่เย่เทียนอยู่ที่ไหน ฉันไม่ได้โกหกคุณ” เธอพูดอย่างภาคภูมิใจ
เย่ฉ่าวเหยียนยิ้ม “แต่คุณก็ไม่ได้ถามว่ามู่เย่เทียนอยู่ที่ไหน”
“รีบร้อนทำไม? เขาอยู่ที่เมืองAแน่นอน”
และอีกอย่าง ฉันอยากให้เขาปรากฏตัวออกมาที่ไหนสักที่ ปรากฎตัวเมื่อไหร่ เขาก็จะเชื่อฉัน
……
ช่วงบ่าย เฉียวซินโยวนอนดูทีวีอย่างเกียจคร้านอยู่ในห้องนั่งเล่น ราวกับเป็นภรรยาเจ้าของบ้าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอจึงหยิบขึ้นมาดู จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไป เมื่อมองดูรอบๆไม่เห็นใคร จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเดินไปที่สวน
“ฮัลโหล คุณโทรมาหาฉันตอนนี้ทำไม?” เธอหลบอยู่ตรงกระถางดอกไวโอเล็ตหนาทึบ ถามขึ้นเสียงต่ำ
“คุณออกมาตอนนี้ ผมมีเรื่องจะปรึกษา” หนานกงเฮ่าพูด
เฉียวซินโยวไม่สบอารมณ์อย่างมาก “มีเรื่องอะไรค่อยพูดพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ ต้องไปบ่ายวันนี้เลย?”
“พรุ่งนี้ผมไม่ว่าง คุณจะมาหรือไม่มา?”
เฉียวซินโยวกลอกตาไปมา พลางก่นด่าอยู่ในใจ “ได้ ฉันจะไป ที่เดิมหรือเปล่า?”
ใช่”
“รู้แล้ว รออีกหนึ่งชั่วโมง”
“นานเกินไป”
“หนานกงเฮ่า ตอนนี้ร่างกายฉันบอบช้ำไปหมด คุณต้องให้ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า…”
“ยุ่งยากจริงๆ เร็วๆหน่อย” หนานกงเฮ่ากดวางสาย
เฉียวซินโยวบีบโทรศัพท์ พลางสาปแช่งเสียงเบา “หนานกงเฮ่า รอให้เรื่องนี้จบลง ฉันจะคอยดูว่าคุณจะกล้าจองหองต่อหน้าฉันอีกไหม?
เฉียวซินโยวกระทืบรองเท้าแตะออกไปจากสวน บนเก้าอี้หวายด้านหลังกระถางดอกไม้ มู่เวยเวยถอดหมวกคลุมหน้าเอาไว้ แววตาของเธอเป็นประกาย
ถ้าตัวเองเดาไม่ผิด จริงๆ แล้ว เรื่องนี้เฉียวซินโยวและหนานกงเฮ่ายังมีความสัมพันธ์ต่อกันอยู่
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเธอหายไป มู่เวยเวยจึงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้หวาย แล้วเข้าไปในบ้าน
ทำยังไงดี? เฉียวซินโยวและหนานกงเฮ่าต้องวางแผนทำอะไรบางอย่าง แต่เย่ฉ่าวเฉินสั่งห้ามให้อยู่ที่นี่ ถึงอย่างไรเธอก็ออกจากบ้านตระกูลเย่ไม่ได้อยู่ดี
ทำยังไงดี ทำยังไงดี?
จะหนีออกไปยังไงดี?
หูของเธอพลันได้ยินเสียงเฉียวซินโยวของให้พ่อบ้านหวังหารถให้ บอกว่าจะออกไปซื้อของ
จะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้...
เดี๋ยวก่อน เธอลืมคนคนหนึ่งได้อย่างไร แสงสว่างของเธอ มู่เวยเวยเดินตรงไปยังห้องของเย่ฉ่าวเหยียน เธอจำได้ว่าวันนี้เย่ฉ่าวเหยียนไม่ได้ออกไปข้างนอก
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!” มู่เวยเวยเคาะประตูอย่างรีบร้อน หวังว่าตอนนี้เขาจะยังไม่นอนนะ
“เข้ามา”
มู่เวยเวยผลักประตูเข้าไป เห็นมือขวาของเขากำลังยกดัมเบลล์อันเล็กๆ อยู่
“ฉ่าวเหยียน ฉันมีเรื่องจะขอร้องให้คุณช่วย!” มู่เวยเวยไม่พูดพล่ามทำเพลง
เย่ฉ่าวเหยียนวางดัมเบลล์ในมือลง เช็ดเหงื่อด้วยผ้าขนหนูที่วางอยู่ข้างๆ “เรื่องอะไรล่ะ ทำไมคุณดูร้อนใจขนาดนี้?”
“ฉ่าวเหยียน ฉันอยากให้คุณพาฉันออกไปข้างนอก คุณก็รู้ เมื่อวานเย่ฉ่าวเฉินสั่งห้ามฉันไว้ ฉันออกไปคนเดียวไม่ได้ ตอนนี้มีแต่คุณเท่านั้นที่ช่วยฉันได้”
เย่ฉ่าวเหยียนยิ้มเบาๆ “ผมพาคุณออกไปก็ได้ แต่คุณต้องบอกอะไรบางอย่างกับผม”
มู่เวยเวยยื่นน้ำที่อยู่บนโต๊ะให้เขา พูดอย่างตรงไปตรงมา “เรื่องวันเกิดของฉันวันนั้น ที่ฉันได้รับของขวัญใช่ไหม? รูปร่างเหมือนพี่ชายมาก เย่ฉ่าวเฉินเดาว่าเป็นพี่ชายฉันที่ส่งมาให้ จากนั้นเฉียวซินโยวก็ถูกข่มขู่และถูกทำร้ายอีก เบาะแสทุกอย่างชี้ไปที่พี่ชายของฉัน แม้ว่าหลักฐานทุกอย่างจะแน่นหนา แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ”
“แปลกยังไง?”
“นี่ไม่ใช่สไตล์ของพี่ชาย เขารู้ว่าเย่ฉ่าวเฉินกำลังพลิกแผ่นดินตามหาเขา แต่กลับมาทำอะไรเอิกเกริกแบบนี้ ไม่เท่ากับว่าเปิดเผยความจริงออกมาเหรอ? ฉะนั้นฉันค่อนข้างมั่นใจ มู่เย่เทียนที่ปรากฏตัวออกมาครั้งนี้ไม่ใช่พี่ชายฉันแน่นอน และมีใครบางคนคอยบงการอยู่เบื้องหลัง” มู่เวยเวยพูดอย่างรีบร้อน เธอกลัวว่าพูดเรื่องนี้ยังไม่จบ เฉียวซินโยวก็จะออกไปซะก่อน
“ยังมีอีก ตอนที่ฉันนอนเล่นอยู่ในสวน ฉันได้ยินเฉียวซินโยวคุยโทรศัพท์กับหนานกงเฮ่า พวกเขานัดเจอกัน ฉันเดาว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับมู่เย่เทียนคนนี้ ดังนั้นจึงอยากตามไปดู แต่…” มู่เวยเวยมองไปที่เย่ฉ่าวเหยียน พร้อมกับคำอ้อนวอนบนใบหน้าเธอ ราวกับว่าถ้าเขาไม่ตอบตกลง เธอจะคุกเข่าลงทันที
เย่ฉ่าวเหยียนได้ฟังเธอพูด ก็ครุ่นคิดอยู่สักครู่ “โอเค ผมจะพาคุณออกไป”
เขาก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าสิ่งที่เธอคาดการณ์ไว้จะถูกต้องหรือไม่
“จริงเหรอ?” มู่เวยเวยประหลาดใจ “ขอบคุณๆ เย่ฉ่าวเหยียนคุณใจดีมาก รีบไปเถอะ ฉันกลัวว่าเราจะตามเฉียวซินโยวไม่ทัน”
เย่ฉ่าวเหยียนยิ้มอย่างขมขื่น “งั้นคุณก็ต้องให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
มู่เวยเวยชะงักไป พบว่าเสื้อยืดที่อยู่บนตัวเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ จึงรีบขอโทษ “อ่า ขอโทษๆ คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเถอะ ฉันจะไปรอคุณอยู่ข้างนอก”
เขาเปิดตู้เสื้อผ้า เย่ฉ่าวเหยียนหยิบเสื้อเชิ้ตสีดำออกมา อันที่จริงจากที่เขาถูกเฉียวซินโยวข่มขู่ จึงเริ่มสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเร่ร่อนอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน สำหรับมู่เย่เทียนก็ยังเข้าใจอยู่บ้าง จากวิธีการลงมือบุ่มบ่ามแบบนี้ ต่อมาเฉียวซินโยวยังถูกมู่เย่เทียนทุบตีอีก มันจะบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไร?
ตอนที่เฉียวซินโยวมาเจรจากับเขาครั้งที่สอง เขาก็เพียงแค่รับปากไปเท่านั้น เพราะเขารู้ว่าเฉียวซินโยวมีเซอร์ไพรอะไรให้เขาแน่
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเซอร์ไพรส์นี้จะไม่ใช่เล็กๆ
เมื่อเปิดประตูออกไป เห็นมู่เวยเวยยืนอยู่บนทางเดินมองลงไปยังด้านล่าง เห็นเฉียวซินโยวใส่กางเกงขายาวและออกไปจากบ้าน
“ไปเถอะ พวกเราไปที่โรงรถกัน”
“โอเคๆ…”
มู่เวยเวยเดินตามหลังเย่ฉ่าวเหยียนไป แอบซ่อนตัวและกระโดดขึ้นไปเบาะหลัง คนขับรถส่วนตัวของเย่ฉ่าวเหยียนมองดูเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไร
“ไปเถอะ ตามรถคันนั้นไป” เย่ฉ่าวเหยียนนั่งอยู่ข้างๆ มู่เวยเวย สั่งคนขับรถ
“ครับ คุณชายเหยียน”
เขาสตาร์ทรถ ตอนที่ขับผ่านประตู มู่เวยเวยหมอบตัวลงโดยอัตโนมัติ ผมยาวปกคลุมขาและมือของเย่ฉ่าวเหยียนโดยบังเอิญ เส้นผมดำขลับลูบไล้ผ่านหลังมือเขาไปอย่างใจเย็น จากนั้นก็จับมันไว้เบาๆ รอให้รถออกผ่านออกไปเรียบร้อย แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ ว่า โอเค ไม่ต้องซ่อนแล้ว”
มู่เวยเวยถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก จากนั้นขึ้นมานั่งตัวตรง ผมยาวไล้ไปตามนิ้วของเขา “ฉันตกใจแทบตาย กลัวว่าเขาจะให้หยุดรถแล้วค้นซะอีก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...