วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 140

 

“เธอลองนับดูว่า เธอพูดคำว่าขอบคุณฉันกี่รอบแล้ว?”เย่ฉ่าวเหยียนแกล้งทำเป็นโกรธ“ต่อไปถ้ายังพูดว่าขอบคุณอีก ฉันก็จะไม่ช่วยเธออีก”

“เหอะเหอะ……”มู่เวยเวยหัวเราะอย่างใสซื่อ

เย่ฉ่าวเหยียนมองดูคนที่อยู่ข้างหน้าจะไปแล้ว แต่ตอนนี้อาเจี๋ยยังไม่มา พูดด้วยความเร่งรีบกับมู่เวยเวยว่า “เธอรอฉันสักครู่และนั่งรถของฉันกลับไปก่อน จะให้พี่ชายรู้ว่าเธอหายไปไม่ได้ ฉันจะไปสืบเรื่องบางอย่างสักหน่อย”

“อือ ได้ คุณวางใจได้ ไปเถอะ ”มู่เวยเวยรู้ว่าเขาจะไปตามจับมู่เทียนเย่ตัวปลอม ถ้าจับเขาได้ก็จะทำให้รู้ว่าหนานกงเฮ่าคิดที่จะทำอะไรต่อไป

เย่ฉ่าวเหยียนกวักมือเรียกให้พนักงานมาเช็คบิล ประจวบเหมาะกับตัวปลอมของมู่เทียนเย่ก็ลุกขึ้นโค้งคำนับหนานกงเฮ่าจากนั้นก็เดินออกจากประตูไป

“ฉันต้องไปก่อนแล้ว ตอนเธอกลับเขาไปในคฤหาสน์ให้ระวังด้วย ”เย่ฉ่าวเหยียนกำชับเธอ

“วางใจเถอะฉันไม่เป็นไร คุณก็ระวังตัวด้วย”

“อือ ฉันไปนะ”

เย่ฉ่าวเหยียนก้มหน้าพร้อมกับเร่งก้าวฝีเท้าด้วยเร็วออกจากร้านกาแฟเพื่อตามมู่เทียนเย่ตัวปลอมไป

มู่เวยเวยที่มองดูเขาจากไป ไม่เพียงแต่กังวลใจ เธอยังอธิษฐานเงียบๆในใจว่า เย่ฉ่าวเหยียน ขอให้ไม่เกิดเรื่องกับคุณนะ

และขณะที่หนานกงเฮ่าเรียกให้พนักงานเอาบิลมาให้เขาเซ็นชื่อและลุกขึ้นเตรียมจะจากไป แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ สายตาอันแหลมคมของเขามองไปทางมู่เวยเวย

มู่เวยเวยตกใจมาก กลัวว่าเขาจะมองเห็น เธอรีบงอขาของเธอเข้ามาและหลบลงใต้โต๊ะของร้านกาแฟ

ทั้งเธอและเย่ฉ่าวเหยียนต่างลืมเรื่องที่สำคัญไปเรื่องหนึ่ง หนานกงเฮ่าไม่ใช่คนธรรมดา เขามีสัมผัสที่ฉลาดหลักแหลมต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้าง โดยเฉพาะอะไรก็ตามที่จับจ้องเขา

“คุณหนานกงเฮ่า นี้คือเงินทอนของคุณ ”พนักงานทอนเงินให้เขาอย่างมีมารยาท เขาถามพนักงานด้วยใบหน้าที่เย็นชา“ขอถามหน่อยที่นี่ยังมีพนักงานคนอื่นอีกไหม?”

หนานกงเฮ่าชี้ไปยังทิศทางที่มู่เวยเวยซ่อนอยู่พร้อมกับถามขึ้นว่า “เมื่อกี้คนที่นั่งตรงนั้นเป็นใคร?”

พนักงานหันกลับไปมองและพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย“เป็นคู่รักคู่หนึ่ง พึ่งจะเช็คบิลและออกไปแล้ว”

มู่เวยเวยกลัวมากเธอคว้ากระเป๋ามากำในมือแน่และไม่กล้าส่งเสียงใดๆ เธอได้ยินหนานกงเฮ่าถามกลับไปว่า“คู่รัก?”หลังจากนั้นก็เดินเข้ามาทางที่เธอซ่อนอยู่……

พระเจ้า!

มู่เวยเวยจ้องไปที่รองเท้าหนังของหนานกงเฮ่าไม่ขยับ ใจเธอนั้นแทบจะเต้นออกมาข้างนอก หากเขารู้ว่าเธออยู่ที่นี่จะเป็นยังไง?อาจจะโกรธและจับตัวเธอไป?หรือไม่ก็ปิดปากเธอซะ?

พระเจ้า โปรดอย่าให้เขามาทางนี้ โปรดอย่าให้เขาว่ารู้ว่าฉันอยู่ที่นี่

ขอร้องล่ะ ขอร้อง……

เมื่ออธิษฐานจบ เท้าของหนานกงเฮ่าก็มาหยุดตรงขอบโต๊ะอย่างน่าประหลาด โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น

“มีเรื่องอะไร?……ได้ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้……นายวิ่งไปอีกทางก่อน……”ขณะรับโทรศัพท์ เท้าของหนานกงเฮ่าก็เปลี่ยนทิศทางหันกลับไปพร้อมกับเร่งฝีเท้าออกไปทางประตูของร้านกาแฟ

มู่เวยเวยถอนหายใจยาวๆหนึ่งครั้ง พระเจ้า ครั้งนี้ท่านแสดงปาฏิหาริย์แล้วจริงๆ ต่อไปจะไม่ต่อว่าท่านอีก……

มู่เวยเวยปีนขึ้นมาจากใต้โต๊ะจัดและจัดทรงผมพร้อมกับรีบวิ่งออกไปจากร้านกาแฟ รถของพิเศษที่เย่ฉ่าวเหยียนเตรียมให้จอดรออยู่ที่หน้าประตู เธอเปิดประตูเลื่อนและเข้าไปนั่ง พร้อมกับพูดกับคนขับว่า“พวกเรากลับคฤหาสน์กัน”

ตอนอยู่บนรถ มู่เวยเวยนึกถึงคำพูดที่หนานกงเฮ่าพูดในโทรศัพท์ เขาพูดว่า นายวิ่งไปอีกทางก่อน

หรือนั่นเป็นเพราะว่าเย่ฉ่าวเหยียนตามตัวปลอมนั่นทันแล้ว และถูกฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวแล้ว

ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นเช่นนั้น

แต่ว่าเย่ฉ่าวเหยียนคุณต้องไม่เป็นอะไรนะ ไม่เช่นนั้นแล้วเธอคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเป็นแน่

เมื่อรถวิ่งเข้ามาถึงศูนย์การของตัวเมือง จราจรเริ่มติดขัด ถนนทั้งสองข้างทางด้านนอกมองเห็นรถที่นิ่งไม่ขยับ มู่เวยเวยพึ่งนึกออกว่าตอนนี้เป็นเวลาเลิกงาน!

“พี่คนขับรถค่ะ รบกวนขับเร็วว่านี้หน่อยค่ะ ที่ดีสุดก็ขอให้พวกเรากลับถึงคฤหาสน์ได้ก่อนเย่ฉ่าวเฉิน”มู่เวยเวยที่นั่งอยู่ทางด้านหลังของรถมีทีท่าที่รีบร้อน หวังว่าเย็นนี้เย่ฉ่าวเฉินจะมี OT หรือไม่ก็งานสังคมอะไรก็ได้

“ครับ คุณผู้หญิง”

เวลาต่อมา รถก็วิ่งได้เร็วขึ้น เมื่อรถวิ่งเลยศูนย์กลางของตัวเมืองที่มีรถติดตลอดเส้นทาง พี่คนขับรถก็เหยียบคันเร่งเกือบมิดเข็ม แม้ว่าจะมาถึงประตูของคฤหาสน์ แต่เวลาก็ใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว

ปกติเวลานี้เย่ฉ่าวเฉินจะกลับถึงบ้านแล้ว

“พี่คนขับรถ คุณรอฉันถามพนักงานรักษาความปลอดภัยก่อนว่าเห็นเย่ฉ่าวเฉินกลับมาหรือยัง?”

“ได้ครับ คุณผู้หญิง”

เป็นไงเป็นกัน ถ้าหากว่าเย่ฉ่าวเฉินกลับมาถึงบ้านแล้ว เธอคงต้องหาข้อแก้ตัวเพื่อที่จะให้ปิดบังต่อไป จะได้ไม่ทำให้เย่ฉ่าวเหยียนเดือดร้อนไปด้วย

ประตูของคฤหาสน์ค่อยๆเปิดออก คนขับรถเหยียบเบรก มู่เวยเวยยื่นหัวออกไปใกล้ๆกับพนักงานรักษาความปลอดภัยพร้อมทั้งยิ้มและถามว่า“เสี่ยวเว่ย คุณชาย*กลับมาหรือยัง?”

“กลับมาแล้ว”เสี่ยวเว่ยตอบ

หัวใจของมู่เวยเวยเต็นแรงขึ้นมาทันที

ประกอบกับที่ได้ฟังเสี่ยวเว่ยพูด“มาถึงก่อนหน้าพวกคุณ ยังไม่ถึงสองนาทีเลย”

“ฉันรู้แล้ว ขอบใจมาก!”คนขับรถเลื่อนกระจกขึ้นและขับต่อไปข้างหน้า“คุณผู้หญิง จะทำยังไงดี?”

มู่เวยเวยก็ร้อนใจ สายตามองไปเห็นก่อของต้นไผ่ทางด้านหน้า ก็มีความคิดดีๆเกิดขึ้น

อีกด้านหนึ่งเมื่อเย่ฉ่าวเฉินกลับมาถึงบ้านก็มักจะถามพ่อบ้านหวังเป็นปกติว่า“มู่เวยเวยล่ะ”

“อาจจะอยู่ที่ห้องนอนของเธอ”พ่อบ้านหวังก็ค่อยมั่นใจ เพราะทั้งตอนบ่ายเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นมู่เวยเวยเลย

เย่ฉ่าวเฉินฟังแล้วรู้สึกว่ามันแปลกๆ“อาจจะ?”

“อ้อ เมื่อทานข้าวกลางวันเสร็จ คุณผู้หญิงพูดว่าต้องการนอนพักกลางวันและกลับไปที่ห้องยังไม่เห็นออกมาอีกเลย”

เย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนสีหน้า เขาถอดเสื้อโค้ชยื่นให้พ่อบ้านหวังและเดินด้วยความเร็วขึ้นไปที่ชั้นสอง เขาผลักประตูห้องของมู่เวยเวยเข้าไป ด้านในห้องกลับว่างเปล่า

“คนล่ะ?ไม่ใช่บอกว่านอนพักกลางวันอยู่หรอ?”เย่ฉ่าวฉินตะคอกใส่พ่อบ้านหวัง

พ่อบ้านหวังงงเป็นไก่ตาแตก ต้องใช่สิ ทำไมถึงไม่เห็นคนล่ะ?

“คุณชาย หรือไม่แน่ว่าคุณผู้หญิงอาจจะออกไปเดินเล่นที่ไหนสักที่ในคฤหาสน์ก็ได้ผมจะรีบให้คนไปตามหา”

เย่ฉ่าวเฉินโกรธมากเขากำมือแน่นจนมองเห็นเส้นเลือดที่แขนโผล่ออกมาเป็นเส้นๆ“ยังไม่รีบไปอีก!”

พ่อบ้านหวังตกใจกลัวจนทำอะไรถูกวิ่งอย่างทุลักทุเลลงไปที่ชั้นล่าง พร้อมกับสั่งให้พนักงานรักษาความปลอดภัยในบ้านหาตัวมู่เวยเวย

สองนาทีจากนั้น ก็มีรายงานว่า คุณผู้หญิงอยู่ในสวนไผ่

เย่ฉ่าวเฉินเมื่อได้ยินคำตอบแบบนี้ถึงกับถอนใจด้วยความโล่ง เมื่อกี้นี้เขากังวลเรื่องอะไร ?หรือกลัวว่าเธอจะแอบหนีออกจากคฤหาสน์ไปอีก?หรือว่ากลัวเธอไปแบบไม่ร่ำลา?

มาถึงสวนไผ่อันเขียวขจี มู่เวยเวยกำลังย่ำกับพื้นดินไปมาไม่รู้ว่าเธอหาอะไร เท้าของเธอเต็มไปด้วยโคลน

“เธอมาทำอะไรอยู่ที่นี่?”เย่ฉ่าวเฉินที่กำลังอารณ์ไม่ดีถาม

ผมยาวที่เลียบไปกับไหล่ของมู่เวยเวย มีผมช่อหนึ่งหล่นลงมาปิดที่ใบหน้าของเธอ ตอนที่ลมพัดมาผมช่อนั้นก็พริ้วไหวไปตามแรงลม เย่ฉ่าวเฉินอดใจไหวที่จะยื่นมือออกไปจับผมช่อนั้นขึ้นไปทัดไว้ที่หลังหูของเธอ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำ

“ฉันกำลังหาหน่อไม้อยู่ ในทีวีบอกว่า หลังจากที่ฝนตกหน่อไม้ก็จะงอกออกมา ฉันลองมาดูว่ามันเป็นความจริงไหม”มู่เวยเวยใช้มือเล็กๆของเธอเขี่ยลงที่พื้นโคลน ในบริเวณนั้นมีรูเล็กๆหลายรูที่เธอขูดเอาไว้

เมื่อมองเห็นนิ้วมือที่ขาวราวกับหยกของเธอเปื้อนไปด้วยโคลน เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกโกรธจนอยากจะตีเธอ เขาลากเธอลุกขึ้นมา และพูดด้วยความโมโหว่า“สมองของเธอมันมีปัญหาหรือเปล่า ถึงได้มาหาหน่อไม้ที่นี่?”

มู่เวยเวยยอมให้เขาลากที่ข้อมือของเธอ และพูดด้วยทีท่าสงบนิ่งว่า“ฉันถูกคุณกักขังไว้ที่นี่ บางทีก็อยากหาอะไรทำเพื่อค่าเวลา”

เย่ฉ่าวเฉิน เชอะ ออกมาหนึ่งครั้ง และลากเธอไปทางคฤหาสน์“ฉันแนะนำให้เธอเห็นคุณค่าของชีวิตในตอนนี้กินสบาย นอนสบาย ถ้าหากว่าเมื่อไรฉันหาตัวมู่เทียนเย่พบแล้วล่ะก็ กลัวว่าเธอคงจะไม่ได้ใช้ชีวตสบายๆแบบนี้แน่”

มู่เวยเวยไม่ได้ตอบกลับ หันกลับไปมองที่สวนไผ่ ใบหน้ายิ้มแย้มที่แสดงออกถึงความสำเร็จของแผนการ……

เมื่อกี้นี้……

รถวิ่งจากประตูของคฤหาสน์เข้ามา พอใกล้จะผ่านบริเวณสวนไผ่

ไม่กี่นาทีก่อนถึง เธอพูดกับคนขับว่า“ตอนที่ใกล้จะถึงสวนไผ่ให้ขับช้าลง ฉันจะลงจากรถตอนนั้น”

“ได้ครับ”

เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า และโยนกระเป๋าไปที่ด้านหลังของรถในมุมที่คนมองไม่เห็น“พี่คนขับรถ ฉันโยนกระเป๋าซ่อนไปที่ด้านหลัง ถ้าฉันว่างจะมาเอา”

“ได้ครับ”คนขับรถไม่พูดอะไรมาก

เมื่อรถวิ่งมาถึงสวนไผ่ คนขับค่อยๆเหยียบเบรค มู่เวยเวยมองทั้งสีด้านแล้วพบว่าไม่มีคน ก็รีบก็เปิดประตูทางด้านหลังกระโดดลงมาและซ่อนตัวอยู่ในสวนไผ่

สองวันที่แล้วฝนพึ่งจะตก ในสวนไผ่มีความชื้นอยู่มาก มู่เวยเวยเห็นว่าคนอื่นไม่เห็นเธอเข้ามาที่นี่ ทันใดนั้นเธอจึงคิดที่จะจัดฉากนี้ขึ้นมา

จากนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็เข้ามาพบเธอเป็นคนแรก

มันจึงทำให้แผนการของเธอสำเร็จไปได้

“โธ่ เวยเวย เธอไปจับปลาไหลมาหรอ?”เฉียวซินโหวเห็นสภาพของมู่เวยเวยและพูดแขวะ มู่เวยเวยเหลือบมองเธอ เห็นฝ่ายตรงข้ามที่เปลี่ยนชุดเป็นชุดกระโปรงแล้ว

มู่เวยเวยไม่สนใจคำพูดของเธอและขึ้นไปชั้นบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและรองเท้า

เมื่อถึงตอนค่ำ อาหารที่แม่บ้านฉินทำถูกอุ่นแล้วอุ่นอีก แต่ก็ยังไม่เห็นเย่ฉ่าวเหยียนกลับมา มู่เวยเวยนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก สายตาของเธอมองจ้องไปที่นิตยสารแฟชั่น แต่ภายในใจเธอรู้สึกกังกลมาก คงไม่เกิดเรื่องขึ้นใช่ไหม?

เย่ฉ่าวเฉินมองดูนาฬิกาพร้อมกับถามพ่อบ้านหวังว่า“คนขับรถไม่ได้บอกหรือว่าเย่ฉ่าวเหยียนทำอะไรไปไหน?”

“ไม่ครับ เขาพูดเพียงแค่ว่าคุณผู้ชายต้องการที่จะออกไปเดินเล่น ถึงเวลาแล้วจะกลับมาเอง ”พ่อบ้านหวังพูด

“ไม่มีคนตามเขาไปเลยหรือไง?ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจะทำยังไง?”อารมณ์โมโหของเย่ฉ่าวเฉินดูเหมือนว่าจะรุนแรงขึ้น

พ่อบ้านหวังที่มีทีท่าลำบากใจพูดขึ้นว่า“คุณผู้ชาย คุณก็รู้จักนิสัยของคุณชายรองดี ปกติแล้วเขาก็ไม่ชอบที่จะให้มีคนตามไป ดังนั้น……”

เย่ฉ่าวเฉินล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรออกไปที่เบอร์หนึ่ง โทรศัพท์ยังปิดเครื่องอีก

“อาหวัง สั่งให้คนออกไปตามหา ”เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกกังวลใจ เหมือนว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

“ได้ครับคุณชาย ผมจะสั่งให้คนออกไปตามหาเดี๋ยวนี้”

อาหวังที่ออกจากประตูไม่ถึงครึ่งนาที ก็ตะโกนอยู่ด้านนอกว่า“คุณชายรอง มันเกิดอะไรขึ้น?”

ทั้งสามคนที่อยู่ในห้องโถงได้ยินเสียงตะโกนของเขา ทั้งหมดรีบวางของที่อยู่ในมือลงและวิ่งกันมาทางด้านหน้าประตู

“คุณชายใหญ่ คุณรีบออกมาดูเร็ว……”

เย่ฉ่าวเฉินวิ่งออกมาดู เห็นยามสองคนกำลังประคองเย่ฉ่าวเหยียน เสื้อสีดำของเขาเต็มไปด้วยฝุ่นและกางเกงก็ยังขาดอีก

เขารีบเขามาพยุงเย่ฉ่าวเหยียนพร้อมกับถามด้วยความร้อนใจว่า“ฉ่าวเหยียน มันเกิดอะไรขึ้น?”

มู่เวยเวยที่ทำอะไรไม่ถูกไปสักพัก ก็เขามาพยุงที่แขนอีกข้างของเขาพร้อมกับหน้าที่ซีดขาว“ฉ่าวเหยียน……คุณเจ็บตรงไหน?”

เย่ฉ่าวเหยียนมองมู่เวยเวยด้วยสีหน้าที่สงบพร้อมพูดกับเย่ฉ่าวเฉินว่า“พี่ชาย เท้าของฉันมันเคล็ด รู้สึกเจ็บ”

“ได้ นายอย่าพึ่งขยับนะ พี่จะแบกนายไปเอง ”เมื่อพูดจบ เย่ฉ่าวเฉินก็แบกเขาขึ้นหลัง และเดินเข้าคฤหาสน์ไป

เย่ฉ่าวเหยียนนึกไม่ถึงว่าพี่ชายจะแบกเขาจริงๆ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นก็เมื่อตอนที่เขาเป็นเด็ก ตอนที่อยู่บนหลังของพี่ชายเขา ทำให้เย่ฉ่าวเหยียนนึกถึงภาพตอนเด็กๆของเขาทั้งสองขึ้นมา

เย่ฉ่าวเฉินวางเขาลงเบาเบาที่โซฟา และหันกลับไปสั่งให้พ่อบ้านหวังเรียกให้หมอหานเข้ามา จากนั้นก็หันกลับมาถามฉ่าวเหยียนว่า“จริงๆแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้?”

เย่ฉ่าวเหยียนฉีกยิ้มด้วยความเจ็บปวด“ไม่เป็นไร ก็แค่เจอกับนักเลงข้างถนน โทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์ก็ถูกพวกมันเอาไป”

เย่ฉ่างเฉินพูดด้วยความโมโห “ที่ไหน?แล้วมันเป็นใคร?”

“พี่ชาย ชั่งมันเถอะ นายเห็นสภาพฉันเป็นแบบนี้แล้ว คงจะเดาได้ว่าพวกมันก็มีสภาพไม่ต่างกับฉันสักเท่าไหร่”

เย่ฉ่าวเฉินต้องการที่จะจัดการเรื่องนี้ คิดว่าเย่ฉ่าวเฉินคนนี้เป็นใคร จะให้เรื่องแบบนี้ผ่านไปง่ายๆอย่างนั้นหรอ?

“ชั่งมันเถอะ?เชอะ!กล้ามาทำร้ายคนของตระกูลเย่ จะให้ฉันปล่อยมันไปอย่างนั้นหรอ ?”เย่ฉ่าวเฉินโมโหราวกับสายฟ้าฟาด

“พี่ชาย ฟ้ามันมืดแล้ว ฉันก็มองเห็นไม่ค่อยชัดว่ามันเป็นใคร และฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไร นายก็อย่าคิดอะไรมากเลยได้ไหม?”

เย่ฉ่าวเฉินที่กำลังโมโหสุดๆมองที่น้องชายของเขา ตั้งแต่ที่ฉ่าวเหยียนกลับมา เขาไม่เคยขอร้องอะไรพี่ชายเลยสักเรื่อง และตอนนี้เขาก็ได้ปริปาดออกมาแล้ว เย่ฉ่าวเฉินทำได้เพียงถอยหนึ่งก้าว“ได้ เรื่องนี้ฉันรับปากนาย แต่ว่าต่อไปจะออกไปไหนต้องเอาบอดี้การ์ดไปด้วย”

เย่ฉ่าวเหยียนได้แต่ฉีดยิ้มอย่างจำใจและตอบกลับว่า“ได้ได้ได้ ฉันจะเชื่อนาย”

เย่ฉ่าวเฉินลดอารมณ์โมโหของเขาลง มองเท้าที่ได้รับบาดเจ็บของเขา พร้อมกับถามด้วยความห่วงใยว่า“เท้ายังใช่ไหม?”

“ยังเจ็บนิดหน่อย……โอ้ย อย่าจับ!”เย่ฉ่าวเหยียนร้องด้วยความเจ็บปวดเจ็บ

“หมอหานล่ะ?ยังไม่มาอีกหรอ?”เย่ฉ่าวตะโกนถาม

พ่อบ้านหวังรีบพูดขึ้นมาว่า“อยู่ระหว่างทางแล้ว ใกล้จะมาถึงแล้ว”

ขณะนั้น มู่เวยเวยก็หยิบผ้าพันแผลที่ห่อถุงเก็บความเย็นเอาไว้ ส่งให้กับเย่ฉ่าวเฉินพร้อมพูดขึ้นว่า“ประคบเย็นก่อน ฉ่าวเยียนจะได้รู้สึกดีขึ้น”

เย่ฉ่าวเฉินมีความลังเล “วิธีของเธอ มันจะไม่ยิ่งทำให้เขาเจ็บมากขึ้นหรอ”

“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง แต่ก่อนข้อเท้าของฉันก็ไม่ใช่ว่าเคล็ดบ่อยๆหรือยังไง?ฉันรู้เรื่องนี้ดี หากว่าคุณไม่เชื่อก็ลองโทรไปถามหมอหานดูได้”เมื่อมู่เวยเวยพูดจบ เย่ฉ่าวเฉินก็หยุดคิดสักพัก

เคล็ดบ่อยๆ?เธอกำลังจะสื่อว่าอะไร?

พ่อบ้านหวังไม่รีรอให้คุณชายสั่ง เขารีบโทรศัพท์ไปถามหมอหาน เมื่อถามเสร็จก็พูดขึ้นว่า “คุณชาย หมอหานบอกว่าให้ประคบเย็นได้”

เมื่อได้รับการยืนยันคำตอบ เย่ฉ่าวเฉินจึงนำเอาที่ประคบเย็นมาวางไว้บนข้อเท้าที่บวมของน้องชาย

ผ้าเย็นถูกเปลี่ยนไปแล้วสองครั้ง เมื่อหมอหานมาถึงคฤหาสน์ ก็ได้ทำการตรวจโดยละเอียดหนึ่งรอบและพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นอะไรมาก แค่ข้อเท้าพลิกปกติ สองวันนี้ไม่ควรเดินไปไหนมาไหน ตอนนี้ควรประคบเย็นไปก่อน หลังจากผ่าน24ชั่วโมงไปแล้วให้ประคบร้อน”

“ไม่ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อเอ็กซ์เรย์หรอ?”เย่ฉ่าวเฉินถาม

“โดยพื้นฐานแล้วไม่ต้อง แต่ถ้าหากว่าไม่วางใจล่ะก็……”

“พี่ชาย ฉันไม่เป็นอะไรมากไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก ฉันเชื่อหมอหาน”เย่ฉ่าวเหยียนมองที่หมอหานและยิ้มออกมาเล็กน้อย

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว พิจารณาดูสักพักและพูดขึ้นว่า“งั้นสองวันนี้คุณก็พักอยู่ในคฤหาสน์ไปก่อน รอให้ฉ่าวเหยียนหายดีค่อยกลับไป”เย่ฉ่าวเฉินไม่ทันได้รอให้หมอหานตอบกลับ ก็สั่งให้พ่อบ้านหวัง“จัดห้องรับรองแขกให้หมอหาน”

“เอ๋!คุณชายเย่ คุณจะไม่ฟังความเห็นของผมหน่อยหรอ?”หมอหานพูดขึ้น ภรรยาที่น่ารักของเขายังรออยู่ที่บ้าน

เย่ฉ่าวเฉินพูดขึ้นอย่างไม่สนใจว่า“ความเห็นให้เก็บไว้ก่อน เงินเดือนจะเพิ่มให้คุณสองเท่า”

คำพูดที่หมอหานอยากพูดถึงกับชะงักติดอยู่ในลำคอ พูดไม่ออก ถ้างั้น……ก็ให้ภรรยาที่น่ารักอยู่ที่บ้านคนเดียวไปก่อนสองสามวันแล้วกัน

เฉียวซินโยวนั่งมองเหตุการณ์อึกทึกจากมุมไกลๆโดยไม่ได้เข้ามาดู เพราะไม่อยากซึมซับความประทับใจที่เกิดขึ้นขณะนั้นและเพิ่มความเดือดร้อนให้กับตัวเอง

เย่ฉ่าวเยียนไม่ได้มองที่บาดแผลของตัวเองแต่มองไปที่เธอ ขณะนั้นในใจของเขารู้สึกอยากจะลงมือกับเย่ฉ่าวเฉิน อยากที่จะเตือนเขา แม้ว่าใจในจะโทษเขา แต่ยังไงซะเขาเป็นเหมือนกับญาติเพียงคนเดียวของตัวเอง

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เย่ฉ่าวเหยียนก็พูดขึ้นว่า“พี่ชาย สักครู่ไปที่ของของฉันหน่อย ฉันมีเรื่องที่อยากพูดกับนาย”

เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปที่เขา พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า“ได้”

ทุกคนทานอาหารอย่างพร้อมเพียงกัน จากนั้นเย่ฉ่าวเหยียนถูกคนประคองขึ้นไปนั่งบนเตียงในห้องของเขา

“นายพักผ่อนก่อน เดี๋ยวฉันอาบน้ำเสร็จแล้วจะมาหา”เย่ฉ่าวเฉินพูด

“ได้”

มู่เวยเวยที่เดินตามเย่ฉ่าวเฉินออกมา เอามือไขว้ไว้หลัง มือที่ไม่อยู่นิ่งของเธอแสดงทีท่าโทรศัพท์และชี้ไปที่โทรศัพท์บ้านที่ว่างอยู่บนโต๊ะ เย่ฉ่าวเหยียนเห็นเข้าก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

ครั้งนี้คิดว่าในใจของเธอคงกังวลจนเป็นบ้าไปแล้วแน่แน่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ