วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 141

“ถ้างั้นสิ่งที่คุณเพิ่งพูดมันน่าเวทนาขนาดนั้นเลย ?” มู่เวยเวยเช็ดน้ำตาเธอด้วยผ้าขนหนู และถามว่า “คุณบอกฉันมา คุณจะไปไหน ? ทำไมต้องบอกลา ?”

เสี่ยวจื่อขมวดคิ้วครุ่นคิด และพูดว่า “ผมมีภารกิจ ถ้าหากมันสำเร็จ บางทีอาจจะไม่ต้องจากไป”

“วางใจเถอะ คุณต้องทำสำเร็จแน่ !”มู่เวยเวยให้ความมั่นใจเขาอย่างเต็มที่

เสี่ยวจื่อจ้องมองไปที่ดวงตาที่เพิ่งเช็ดของเธอ ในใจก็สับสน เวยเวย ถ้าหากคุณรู้ความจริง บางทีคุณอาจจะเสียใจกับคำพูดวันนี้

“เวยเวย ถ้าวันหนึ่ง......คุณรู้ว่าที่จริงตัวผมไม่ใช่ผมในตอนนี้ แต่เป็นอีกคนที่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง คุณยังจะเป็นเพื่อนกับผมไหม ?”

มู่เวยเวยจับมือของเขาและพูดอย่างหนักแน่นว่า “เสี่ยวจื่อ ในใจฉัน คุณก็คือเสี่ยวจื่อเสมอ ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนไปเป็นยังไง คุณก็จะเป็นเพื่อนที่ดีของฉันเสมอ”

“จริงเหรอ ?”

“แน่นอน !”

แรงกระตุ้นพุ่งเข้ามาในใจเขา เสี่ยวจื่อจับมือเธอไว้แล้วพูดว่า “เวยเวย ผมพาคุณออกไปเที่ยวตอนนี้ดีไหม ?”

“คุณรอเดี๋ยว”มู่เวยเวยวิ่งไปหยิบเสื้อโค้ทขึ้นมาสวม จากนั้นพูดกับเสี่ยวจื่อว่า “พวกเราไปกันเถอะ”

ที่เย่ฉ่าวเฉินไปหาเขา ค่อยคุยหลังจากเขารู้ละกัน

“โอเค คุณหลับตาลง”

เสียงลมพัดเข้าหูของเธอ มู่เวยเวยกอดเอวของเขาไว้แน่น และนึกถึงตอนที่เจอกับเขาครั้งแรก ในตอนนั้นเธอบอกกับเสี่ยวจื่อว่าถ้าจะไปให้พาเธอไปด้วย ไม่คิดเลยว่าวันนี้เขาจะลาไปแล้ว แต่เธอก็ไม่สามารถไปกับเขาได้ เธอต้องอยู่ที่นี่เพื่อเปิดเผยแผนการของหนานกงเฮ่าและตามหามู่เทียนเย่

“โอเค ลืมตาขึ้นเถอะ ”เสี่ยวจื่อพูดเบาๆ

มู่เวยเวยรู้สึกว่าเท้าตัวเองเหยียบที่พื้นแล้ว จึงคลายมือออกจากเอวของเขาและลืมตาขึ้นมา

ว้าว สวยมาก

ทันใดนั้นบทกวีที่เคยเรียนตอนเด็กก็ดังก้องขึ้นมา:ดวงจันทร์ส่องแสงท่ามกลางความพริ้วไหวของต้นสน

มันคือฉากในช่วงเวลานี้

ที่นี่ที่ไหน ? ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็น ผมยาวของมู่เวยเวยสะบัดพริ้วไปตามลม เผยให้เห็นเรียวคอและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของเธอ

เสี่ยวจื่อพับมือของเธอ ไม่รู้ว่าทำอะไร หลังจากนั้นไม่กี่วินาที หนึ่งตัว สองตัว สามตัว.....หิ่งห้อยจำนวนนับไม่ถ้วนก็ส่องสว่างขึ้นในความมืด ดูเหมือนว่าพวกมันถูกเซียนเรียกออกมา ล้อมรอบตัวมู่เวยเวย และเต้นต่อหน้าเธอ

“สวยจังเลย”มู่เวยเวยยกมือขึ้นมาชี้ ทันใดนั้นก็มีหิ่งห้อยตัวหนึ่งหยุดลงที่ปลายนิ้วของเธอ จากนั้นไม่นานก็กระพือปีกบินจากไป

“เสี่ยวจื่อ คุณช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”

เสี่ยวจื่อจ้องมองที่ใบหน้าอันสวยงามของเธอ และหวังว่าเธอจะจดจำช่วงเวลานี้ไว้ จำว่าเขาคือเสี่ยวจื่อที่ไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้

หิ่งห้อยบินรอบๆพวกเขาสักพัก ก็ค่อยๆหายไป

ดวงตาของมู่เวยเวยมองตามแสงสว่างพวกนั้น “เอ๊ะ ? ทำไมพวกมันไปแล้ว ?”

“พวกมันต้องกลับบ้านไปพักผ่อนแล้ว”

“โอเค” มู่เวยเวยถอดรองเท้า และก้าวไปบนก้อนหินเรียบก้อนใหญ่ โดยมีน้ำไหลผ่านที่เท้าของเธอ “สบายจังเลย เสี่ยวจื่อ คุณยังไม่ได้บอกฉันเลย ที่นี่คือที่ไหน ?”

“ที่นี่อยู่ห่างจากคฤหาสน์ไม่ถึงร้อยเมตร คุณแค่ยังไม่เคยมา”เสี่ยวจื่อตบไหล่เธอ มู่เวยเวยมองตามนิ้วของเขาไป “เห็นไหม ? ยังเห็นแสงไฟของคฤหาสน์อื่นอยู่เลย”

โอ้~ใกล้จริงๆด้วย มู่เวยเวยเหยียบน้ำด้วยเท้าเปล่า “เสี่ยวจื่อ ในอนาคตคุณจะยังจำฉันได้ไหม ?”

“ได้สิ” เสี่ยวจื่อตอบกลับ

มู่เวยเวยรู้สึกเศร้าเล็กน้อย “ถ้างั้นก็ดี”

คืนนั้น พวกเขาอยู่ที่ลำธารเป็นเวลานาน และเสี่ยวจื่อก็ส่งเธอกลับห้อง “ลาก่อน เวยเวย ”

น้ำตาของของมู่เวยเวยไหลลงมาทันที “ลาก่อน”

ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา ทันใดนั้นดวงตาสีม่วงก็เข้ามาใกล้ริมฝีปากของเธอ มู่เวยเวยถูกเขาบีบจับเอวของเธอแน่น และโน้มตัวลงมาสอดปลายลิ้นเข้าไปในปากของเธอ

มู่เวยเวยตัวแข็งทื่อ นี่......เซียนจูบฉัน พระเจ้าจะฆ่าฉันหรือฆ่าเขากัน ?

เพียงแต่ ทักษะการจูบของเสี่ยวจื่อทำไมมันเหมือน......เย่ฉ่าวเฉินล่ะ ?

เออ.........หรือว่าหน้าเหมือนกันแล้ว เวลาจูบใครก็ยังเหมือนกันอีก ?

มืดหยุดอยู่กลางอากาศ เธอไม่รู้ว่าควรพลักเขาหรือกอดเขาดี แม้ว่าลึกๆแล้วเธอรู้ว่าพฤติกรรมนี้ไม่ถูกต้อง แต่เมื่อคิดอีกครั้ง ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้พบกับ “มนุษย์ต่างดาว” ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ จึงรับจูบของเขา และจูบของเขาก็ช่างเร่าร้อนจริงๆ

เอวถูกเขาบีบเอาไว้จนเจ็บ ในขณะอากาศในสมองระบายออกไปนั้น เสี่ยวจื่อก็ค่อยๆเลือนหายไป.......

มู่เวยเวยยืนอยู่ข้างหน้าต่างสักพัก ในที่สุดก็ยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปาก ยังมีลมหายใจของเขาเหลืออยู่

คนบ้า พอเสร็จแล้วก็หนีไป คนไร้มนุษยธรรม

ครั้งหน้าฉันไม่ปล่อยคุณแน่

……

มู่เวยเวยที่ไม่ยอมปล่อยคนอื่นไป ในค่ำคืนนี้เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่ปล่อยเธอ หลังจากเสี่ยวจื่อไปได้ไม่นาน เย่ฉ่าวเฉินก็เข้ามาและเหวี่ยงเธอลงบนเตียง กดและแทะโลมเธอเป็นวลานาน ความดุเดือดจากความเศร้าทำให้เธอไม่เข้าใจ

ความเศร้า ?

เย่ฉ่าวเฉินก็เศร้าเป็นด้วย ?

เขาเป็นคนไม่มีหัวใจ จะเศร้าได้อย่างไร ?

มู่เวยเวยเหนื่อยล้าอย่างมาก ในตอนที่กำลังจะหลับไป เธอเหมือนจะได้ยินเขากระซิบอะไรที่ข้างหู แต่ตอนนั้นเธอเหนื่อยมาก จึงได้ยินไม่ชัดว่าเขาพูดอะไร

วันพุธ ที่ 15 กรกฎาคม มีเมฆมาก

เมื่อมู่เวยเวยตื่นขึ้นมา เย่ฉ่าวเฉินยังหลับอยู่ เธอมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ แปดโมงเช้า

เขาไม่ไปทำงานเหรอ ?

มู่เวยเวยเขย่าไหล่ของเขา เย่ฉ่าวเฉินขานออกมา หือ? คำเดียว เป็นเสียงที่มีเสน่ห์มาก

“คุณจะไปทำงานสายแล้ว” มู่เวยเวยเตือนเขาอย่างเยือกเย็น

เย่ฉ่าวเฉินจับแขนเรียวยาวของเธอ ดึงเธอมากอดไว้ในอ้อมแขน และพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “วันนี้พักผ่อน”

มู่เวยเวยกลอกตา พักผ่อนวันพุธ ?

เอาเถอะ เขาเป็นเจ้านาย เขาว่าไงก็อย่างนั้น

เพียงแต่ปล่อยเธอออกไปก่อนได้ไหม ? เธอไม่อยากเป็นหมอนข้าง โดยเฉพาะให้กับเขา แต่เมื่อเธอขยับ มือของเย่ฉ่าวเฉินก็แบบแน่นขึ้น

“เย่ฉ่าวเฉิน ฉันอยากลุกแล้ว”

“นอนต่ออีกหน่อย ”ใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินอยู่ใต้ผมของเธอ ทำให้เสียงดูอู้อี้

อธิบายไม่ได้ว่า มู่เวยเวยมีรู้สึกเหมือนเป็นสามีภรรยากันมานาน

เออ..........ต้องเป็นเพราะเพิ่งตื่นนอนแน่ สมองขาดออกซิเจน

ดังนั้น มู่เวยเวยจึงลืมตาขึ้นมองเพดานห้อง เธอรู้สึกว่าวันนี้มีเรื่องสำคัญอะไรบางอย่าง แต่ว่าเรื่องอะไรนั้น เธอนึกยังไงก็นึกไม่ออก

ฟ้านอกหน้าต่างดูมืดครึ้ม และอาจจะมีฝนตกได้ทุกเมื่อ

วันที่ 15 กรกฏาคม เดี๋ยวก่อน วันที่ 15 เหมือนมีฟ้าผ่าลงมาในหัวของฉัน

วันนี้ไม่ใช่วันครบรอบวันตายของพ่อแม่เหรอ ?

ทำไมเธอถึงแย่ขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องสำคัญขนาดนี้เธอลืมไปได้อย่างไร ?

วันนี้เมื่อหนึ่งปีก่อน พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จากนั้นพี่ชายก็หายตัวไป เธอก็แต่งงานกับเย่ฉ่าวเฉิน เพียงเพื่อก้าวมายังจุดที่เป็นอยู่ในวันนี้

“เย่ฉ่าวเฉิน ไม่ต้องนอนแล้ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ” มู่เวยเวยเขย่าตัวเขาให้ตื่น

เย่ฉ่าวเฉินลืมตาขึ้นมาอย่างไม่พอใจ ดวงตาสีฟ้าจ้องมองมาที่เธอใกล้ๆและถามว่า “มีเรื่องอะไร ?”

“วันนี้ฉันมีธุระสำคัญต้องออกไป คุณให้ฉันออกไปได้ไหม ?” มู่เวยเวยขอร้องเขาเบาๆ

ดวงตาของแย่ฉ่าวเฉินดูเยือกเย็นเล็กน้อย ธุระสำคัญ ? หรือว่าจะออกไปเจอมู่เทียนเย่ ?

“ธุระอะไร ? ถ้าไม่บอกให้ชัดเจนผมก็ไม่ให้คุณออกไป”

วันนี้ เป็นวันครบรอบวันตายของพ่อแม่ฉัน ท่าทางของมู่เวยเวยดูเศร้าเล็กน้อย

ตาของเย่ฉ่าวเฉินกระตุก โอ้~ไม่แปลกใจเลยที่มู่เทียนเย่นัดดวลกับเขาในวันนี้ ช่างรู้จักตัวเองจริงๆ เลือกวันเดียวกับวันตายของพ่อแม่

มู่เวยเวยมองดูเขาขมวดคิ้ว กลัวเขาไม่ตอบรับ จึงพูดต่อไปว่า “เย่ฉ่าวเฉิน ปกติคุณอยากทำอย่างไรฉันฟังคุณทุกอย่าง วันนี้คุณให้ความเมตตา ให้ฉันออกไป ได้ไหม ?”

รู้จักเธอมาตั้งนาน ยังไม่เคยเห็นเธอใจเย็นอย่างนี้ เธอเคยขอร้องเขามาก่อน

“ถ้าหากว่าผมไม่ตกลงล่ะ ?”

มู่เวยเวยกัดริมฝีปากและจ้องมองเขา เธอออยากจะบีบคอเขาให้ตายตอนนี้ ทำไมช่างไรมนุษยธรรมอย่างนี้นะ

แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ทำ แต่กลับพลิกตัวไปกดเขา และประกบริมฝีปาก........

เห็นได้ชัดว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่คิดว่าเธอจะเคลื่อนไหวแบบนี้ หลังจากหยุดนิ่งไปสองสามวินาที เขายินดีรับบริการในครั้งนี้

เย่ฉ่าวเฉิน ตอนนี้ตอบตกลงได้รึยัง ? มู่เวยเวยอยู่บนร่างกายของเขา เธอหน้าแดงๆถามเขา

เป็นเรื่องอยากที่จะเห็นเธอรุกแบบนี้ เย่ฉ่าวเฉินจะปล่อยไปง่ายๆได้อย่างไร เขาม้วนริมฝีปากยิ้ม

“คุณรุกขนาดนี้แล้ว ผมจะไม่รับปากได้อย่างไร ?”

มู่เวยเวยถอนหายใจด้วยความโล่งออก ดีที่เขาเป็นแค่ประธานบริษัท ถ้าหากเขาเป็นจักรพรรดิโบราณ เขาต้องเป็นกษัตริย์โง่เขลาและทรราชเป็นแน่

……

ใกล้จะสิบโมงแล้ว ทั้งสองเพิ่งออกมาจากห้องนอน

เย่ฉ่าวเหยียนอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น เห็นทั้งสองก็ยิ้มออกมาอย่างมีเล่ศนัย เย่ฉ่าวเฉินถามอย่างอิ่มอกอิ่มใจ “ฉ่าวเหยียน คุณยิ้มอะไร ?”

ผมคิดถึงบทกวีหนึ่ง เย่ฉ่าวเหยียนพูดพร้อมกับส่ายหัว “คืนฤดูใบไม่ผลินั้นสั้น กษัตริย์จึงไม่ออกมาในตอนเช้า ”

มู่เวยเวยกำลังดื่มน้ำได้ยินเสียง “หัวเราะคิกคัก”ก็น้ำพุ่งไปทั่ว เธอรีบเช็ดปากและพูดอย่างเขินๆว่า “ขอโทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“พี่สะใภ้ ปฎิกิริยาของคุณรุนแรงเกินไปแล้ว” เย่ฉ่าวเหยียนพูดติดตลก

มู่เวยเวยหน้าแดงและเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป เพราะเธอนึกไปถึงตอนเรียนก็ได้ยินเกี่ยวกับ “เกาฉี”คำนี้ งี่เง่าเกินไปแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินกระโดดข้ามขาคุณชายรองไปนั่งที่โซฟา ขมวดคิ้วด้วยความอ่อนโยน

ฉ่าวเหยียน บ่ายวันนี้ฉันต้องออกไปข้างนอก เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยท่าทางจริงจัง

เย่ฉ่าวเหยียนวางหนังสือในมือลง ในใจก็ตื่นเต้นเล็กน้อย ถ้าเป็นเรื่องงานปกติเย่ฉ่าวเฉินจะไม่บอกเขา หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับเขา ?

พี่ชาย คุณหาเขาเจอแล้วเหรอ ? เย่ฉ่าวเหยียนตื่นเต้นเล็กน้อย

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างเยือกเย็น “ไม่ใช่ว่าหาเจอ แต่ว่าเขามาถึงหน้าประตู”

เย่ฉ่าวเหยียนประหลาดใจมาก หนานกงเฮ่ากล้าหาญมาก เขาคิดจะทำอะไร ?

“เขาจะทำอะไร ?”

เย่ฉ่าวเฉินมองผ่านหน้าต่าง ลดสายตาลงไปมองมู่เวยเวย “เขานัดเจอกับฉัน”

“ผมจะไปด้วย !”เย่ฉ่าวเหยียนพูด แต่ว่าเท้าของเขายังไม่หายดี

เย่ฉ่าวเฉินไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน และหันกลับไปมองน้องชาย “ฉ่าวเหยียน ฉันไปคนเดียวก็พอแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”

“คุณจะไปคนเดียว ? ไม่ได้ อันตรายเกินไป คุณพาคนไปด้วยอีกสองสามคน ”เย่ฉ่าวเหยียนรู้ถึงอันตราย หนานกงเฮ่าจะต้องวางกับดักให้เขาไปติดแน่

“ฉันคนเดียวก็พอแล้ว ”เย่ฉ่าวเหยียนมั่นใจในตัวเองมาก เพราะเขามีพละกำลังมากที่หลายคนยังไม่รู้

เย่ฉ่าวเหยียนรู้อารมณ์ของพี่ชายดี การตัดสินใจของเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

“พี่ชาย เมื่อถึงเวลานั้นคุณต้องระวังมู่เทียนเย่ ผมคิดว่าเขาจะต้องมีปัญหาแน่” เย่ฉ่าวเหยียนเตือนเขาอีกครั้ง

เย่ฉ่าวเฉินหยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ฉันรู้แล้ว ”เมื่อพูกจบก็ยังเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของเย่ฉ่าวเหยียน ยิ้มและปลอมเขาว่า “คุณไม่ต้องเป็นกังวล คุณไม่เชื่อพี่ชายของคุณรึไง ?”

“ผมเชื่อคุณแน่นอน ผมแค่กลัวว่าพวกเขาจะจัดฉากให้คุณไปติดกับดัก”

เย่ฉ่าวเฉินเลิกคิ้ว “หึ !ไม่ว่าจะเป็นฉากอะไร ก็จะต้องมีความสามารถถึงจะรั้งฉันไว้ได้”

เย่ฉ่าวเหยียนพูดไม่ออก ความกล้าหาญของพี่ชายเขา ชีวิตนี้เขาก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้

“ฉ่าวเหยียน ถ้าหากว่าครั้งนี้ฉัน......”

“คุณหุบปาก !”เย่ฉ่าวเหยียนขัดจังหวะเขาขั้นมา และพูดอย่างดุเดือด “คุณไปอย่างไรก็กลับมาอย่างนั้น ไม่งั้นฉันจะไม่ให้อภัยคุณ”

เย่ฉ่าวเฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และยิ้มออกมาอย่างจริงใจ ปกติน้องชายเขามักจะดูอบอุ่น แต่เมื่อโกรธก็จะเหมือนเสือดาวตัวน้อย

“โอเค ฉันสัญญา ว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”

เย่ฉ่าวเหยียนสงบสติอารมณ์ และถามเขาว่า “กี่โมง ?”

“บ่ายสองโมง”

เย่ฉ่าวเหยียนมองดูเวลา เหลือเวลาอีกไม่ถึงสี่ชั่วโมง “ที่ไหน ?”

เย่ฉ่าวเฉินยกคางขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม “พอแล้ว คุณไม่ต้องแล้ว ฉันรู้ว่าคุณจะทำอะไร บอกแล้วว่าจะไปคนเดียวก็ไปคนเดียว ถ้าคุณให้คนติดตามฉันไป ฉันกลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะหนีไปอีก”

เย่ฉ่าวเหยียนอุทาน “หึ” ออกมา และหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ ไม่บอกก็ไม่บอก เหนื่อยจะยุ่งแล้ว

เมื่อเย่ฉ่าวเฉินเห็นพฤติกรรมของน้องชาย รู้ว่าเขาโกรธแล้ว แต่ความโกรธนี้ กลับทำให้เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกอบอุ่น

ในขณะเดียวกัน มู่เวยเวยก็เดินเข้ามา และพูดกับเย่ฉ่าวเฉินว่า “คุณบอกให้คุณอาหวังเอารถให้ฉันคันหนึ่ง ฉันอยากไปตอนนี้”

“ทำไมรีบจัง ? ทานอาหารกลางวันก่อนแล้วค่อยไป” เย่ฉ่าวเฉินปฎิเสธอย่างไม่แยแส

มู่เวยเวยไม่พอใจกับการตัดสินในของเขามาก “แต่ว่าฉันยังต้องไปซื้อของในเมือง ถ้ายังล่าช้ากลัวว่าเวลาจะไม่พอ”

เย่ฉ่าวเฉินฟังก็รู้สึกสับสน เธอจะไปที่ไหน ?

ผมบอกว่ากินข้าวแล้วค่อยไป เย่ฉ่าวเฉินเห็นว่าน้ำตาเธอกำลังจะไหลลงมา เขาก็ใจอ่อน “เวลาทั้งบ่ายวันนี้ให้คุณ พอไหม ?”

“จริงเหรอ ?”มู่เวยเวยถามด้วยความประหลาดใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ