วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 142

รถปอร์เช่ คาเยนน์ ของเย่ฉ่าวเฉินเป็นการดัดแปลงแบบพิเศษ ที่ปืนธรรมดาไม่สามารถยิงทะลุกระจกเข้ามาได้ แต่ว่านกลุ่มนี้ได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี กระสุนทุกนัดที่ยิงเข้ามาถึงแม้ว่ากระจกจะไม่แตกแต่ก็เป็นรอยร้าว

กลุ่มคนชุดดำเดินออกมาจากพุ่มไม้มายืนอยู่ตรงหน้ารถแล้วถือปิดเล็งไปที่คนในรถ คนขับรถไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น เขาไม่รอให้เย่ฉ่าวเฉินสั่งการเขาก็เหยียบคันเร่งจนมิดพุ่งชนไปข้างหน้าทันที

เพียงเท่านี้รถปอร์เช่ก็หลุดออกจากวงล้อมนั้นได้ แต่ว่าคนขับได้ขับชนคนไปกี่คนตัวเขาเองก็นับไม่ถ้วน

" เสี่ยวจาง โทรไปรายงานสถานการณ์ทางนี้ให้กับคนที่อยู่ในคฤหาสน์ บอกคุณหมอหานให้พาคุณหมอมาเพิ่มด้วย แล้วก็บอกด้วยว่าให้เตรียมเลือดสำรองไว้ให้มากพอ " เย่ฉ่าวเฉินใช้มือปิดแผลตัวเองไว้ แล้วออกคำสั่งก่อนที่ตัวเองจะหมดสติไป

เสี่ยวจางตอบว่า " ครับ " แล้วกดระบบโทรในรถ ก็มีคนรับสายทันทีที่โทรติด

" ฮัลโหล ฉันคือเย่ฉ่าวเหยียน ใช่พี่ชายรึป่าว? " ทั้งบ่ายของวันนี้เย่ฉ่าวเหยียนอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตลอดโดยไม่ได้ไปไหนไกล เขาเกรงว่าในด้านของเย่ฉ่าวเฉินจะเกิดเหตุการณ์อันตรายขึ้นแล้วโทรมาขอความช่วยเหลือ และแล้วก็โทรมาจริงๆ

" พี่ชายได้รับบาดเจ็บสาหัสหรอ? ยังสามารถพูดได้อยู่ไหม? " เย่ฉ่าวเหยียนถามอย่างรีบร้อน

เย่ฉ่าวเฉินพยายามพูด " ฉันยังอดทนไหวอยู่ แกไม่ต้องเป็นห่วง "

" ได้ ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้ แต่ว่าจากคฤหาสน์ไปยังเขตหนานซานระยะทางค่อนข้างไกล ผมเกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นระหวังทาง รถปอร์เช่คันนั้นมีจีพีเอสติดไว้ในตัวรถอยู่แล้ว เดี๋ยวผมกับคุณหมอหานจะรีบเตรียมรถพยาบาลไปรับพวกพี่นะ "

เย่ฉ่าวเหยียนจัดการได้ดีมาก เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า เสี่ยวจางเห็นเขาหน้าซีดและไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพูด จึงตอบคุณชายรองไปว่า " คุณชายรองครับ คุณชายใหญ่พยักหน้าตกลง พวกคุณรีบมาหน่อยนะครับ "

" ได้ เสียวจาง ขัยรถระวังด้วยนะ " พอพูดจบเย่ฉ่าวเหยียนก็ตัดสายทันที กลัวอะไรก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ที่ไม่อยากบอกมู่เวยเวยเพราะไม่อยากให้เธอไปวุ่นวาย คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนรู้ทันสะก่อน

......

บนรถ มู่เวยเวยยังคงนอนไม่ได้สติ เย่ฉ่าวเฉินก้มมองหน้ามู่เวยเวยที่ยังมีคราบน้ำตาอยู่ เขาก็รู้สึกปวดใจและเป็นทุกข์มาก

ถ้าเธอฟื้นคืนมาในตอนนี้ เขาเชื่อว่าเธอต้องใช้ปืนยิงไปที่หัวใจเขาอย่าไม่ลังเลแน่นอน

แต่ว่า ถ้าเธอรู้ว่าเย่ฉ่าวเฉินก็คือเสี่ยวจื่อล่ะ?

เธอยังจะอยากยิงเขาอยู่อีกไหม?

ถึงเธอจะไม่ยิงเขา แต่ก็คงจะเกลียดเขามากกว่าเดิม

มู่เวยเวย ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอมันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เอาตัวบังกระสุนให้เธออีกด้วย?

เหอะเหอะ เย่ฉ่าวเฉิน แกยังเป็นคนเดิมอยู่รึป่าว?

เดิมทีต้องใช้เวลาในการเดินทางหนึ่งชั่วโมง แต่ภายใต้การวางแผนของเย่ฉ่าวเหยียนแล้วเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงทั้งสองฝ่ายก็จะได้เจอกัน คุณหมอหานและเพื่อนร่วมงานได้นำตัวเย่ฉ่าวเฉินและคนที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นรถพยาบาลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เย่ฉ่าวเหยียนเห็นมู่เวยเวยที่หมดสติอยู่ ก็ถามขึ้นอย่างลังเล " พี่ชาย พี่สะใภ้เป็นอะไร? ” เมื่อกี้ในโทรศัพท์ไม่ทันได้ถาม

" โดนฉันตบแล้วสลบไป แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง " เย่ฉ่าวเฉินกล่าว

" ถ้าอย่างนั้นจะให้เธอนั่งรถคันเดียวกับพี่กลับไปหรอ? "

เย่ฉ่าวเฉินรีบปฏิเสธ " ไม่ต้อง ตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดี ถ้าเห็นหน้าฉันจะยิ่งไปกันใหญ่ แกนั่งรถพาเธอกลับไป "

" ได้ รับทราบครับ "

รถพยาบาลทั้งสองคันได้ขับออกไป เย่ฉ่าวเหยียนจึงก้มลงไปอุ้มมู่เวยเวยออกมาจากรถ และบอกกับคนขับรถว่า " ในรถมีกลิ่นเลือดแรงมาก กลับไปไปทำความสะอาดให้เรียบร้อย "

" ครับ คุณชายรอง "

" ลำบากด้วยนะ รีบกลับไปเถอะ "

เย่ฉ่าวเหยียนอุ้มมู่เวยเวยไปที่รถของตัวเอง บอกกับคนขับรถที่นั่งอยู่ด้านหน้าว่า " กลับคฤหาสน์ "

รถเลื่อนตัวตามรถพยาบาลไปอย่างรวดเร็ว

นอกหน้าต่าง ฝนค่อยๆตกลงมา มือเย็นๆของมู่เวยเวยสัมผัสกับมือเขาโดยที่ไม่รู้ตัว

เย่ฉ่าวเหยียนหันไปมองเธอ แล้วหยิบทิชชู่ออกมาเช็ดคราบน้ำตาให้เธอ จากนั้นก็เอามือซ้ายไปกุมมือเธอไว้เพื่อมอบความอบอุ่นให้กับเธอ

ยัยโง่ แค่ตัวปลอมยังจะเสียน้ำตามากขนาดนี้? เธอไม่น่าเรียนด้านการออกแบบ น่าจะไปเรียนด้านการแสดง จากท่าทีของพี่ชายเขาน่าจะหลงกลเธอเข้าแล้ว

มือของเธอขาวและนุ่มมาก เพราะว่าเขาใช้ดินสอเป็นเวลานานนิ้มชี้เธอจึงปูดขึ้นมาเล็กน้อย เย่ฉ่าวเหยียนจับตรงจุดนั้นในใจก็รู้สึกยุ่งเหยิงมาก

อีกด้านหนึ่งเขาก็กังวลอาการบาดเจ็บของเย่ฉ่าวเฉิน แต่อีกด้านเขาก็อยากอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เธอซบไหลของเขาอยู่เงียบ และเขาก็จับมือเธอไว้

ฝนที่ตกนอกหน้าต่างก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ฝนตกแบบนี้ ไม่ว่าส่วนไหนของหนานซานที่เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็จะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้

แน่นอนว่าถ้าหนานกงเฮ่าไม่อยากให้เย่ฉ่าวเฉินกลับไปตรวจสอบทีหลัง ศพเหล่านั้นก็จะถูกชะล้างไปพร้อมกับฝนในครั้งนี้

เกือบหนึ่งชั่วโมง ทุกคนกลับมาถึงคฤหาสน์กันหมดแล้ว เย่ฉ่าวเฉินและการ์ดได้ถูกนำตัวเข้าไปยังห้องพยาบาลที่ได้เตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เย่ฉ่าวเหยียนพยุงมู่เวยเวยแล้วส่งให้ฉินหม่าดูแล ส่วนตัวเขาก็มายืนรออยู่หน้าห้องพยาบาล

ขอแค่กระสุนไม่ได้ยิงถูกกระดูกก็แค่ผ่ากระสุนออกก็น่าจะปลอดภัยแล้ว

ผ่านไปสิบนาทีกว่า มีพยาบาลคนหนึ่งวิ่งออกมา และพูดด้วยสีหน้ากังวล " เย่ฉ่าวเฉินเสียเลือดมาก เราต้องทำการเติมเลือดด่วน "

เย่ฉ่าวเหยียนรีบพูดขึ้นว่า " ใช้เลือดฉันได้ เรากรุ๊ปเลือดเดียวกัน "

" ไม่ได้ ไม่อนุญาตให้ใช้เลือดระหว่างญาติเพราะจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในการถ่ายเลือดได้ คุณรีบตามหาด่วนว่าในนี้มีใครเลือดกรุ๊ป A อีก " พอพยาบาลพูดจบก็หันหลังกลับเข้าไปในห้องทันที

พอพ่อบ้านหวังได้ยิน ก็รีบกดโทรออก " ถามการ์ดและคนขับรถว่าในนี้ใครเลือดกรุ๊ป A ให้มาที่ห้องพยาบาลเดี๋ยวนี้ "

พึ่งวางสายไปสองนาที ก็มีชายสามคนวิ่งลุยฝนเข้ามา พูดกับพ่อบ้านหวังอย่างจริงจัง " คุณอาหวัง พวกเราทั้งสามกรุ๊ป A ใช้เลือดของพวกเราได้ "

เย่ฉ่าวเหยียนลุกขึ้นและพูดกับทั้งสามคนอย่างซาบซึ้ง " ขอบคุณพวกนายมาก "

คนหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า " คุณชายรอง เกรงใจกันเกินไปแล้ว ปกติคุณชายดูแลพวกเราดีมาก แค่ให้เลือดแค่นี้ไม่เป็นไรเลย "

พยาบาลก็เดินออกมาแล้วถามทั้งสามคนว่า " พวกคุณกรุ๊ปเลือด A ใช่ไหม? "

ทั้งสามคนพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง

พยาบาลได้ตรวจสอบเลือดของทั้งสามคนเรียบร้อยแล้วพูดว่า " ใช่ เลือดกรุ๊ป A พวกคุณตามฉันมา "

ในห้องพยาบาลยังคงทำการช่วยเหลือคนเจ็บอยู่ ฉินมาเดินผ่านมาด้วยสีหน้าที่กังวล

" ฉินหม่า พี่สะใภ้เป็นยังไงบ้าง? " ตั้งแต่กลับถึงคฤหาสน์เขายังไม่ได้ไปดูเธอเลย

ฉินหม่าถอนหายใจแล้วพูดว่า " ยังคงไม่ฟื้น "

เย่ฉ่าวเฉินไม่มีอะไรจะพูด ตอนนั้นพี่ชายใช้แรงมากขนาดไหนกัน สลบไปสองชั่วโมงแล้วยังไม่ฟื้นอีก

" คุณชายรอง คุณชายใหญ่จะไม่เป็นไรใช่ไหม? " ฉินหม่าถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เธออยู่คฤหาสน์หลังนี้มายี่สิบกว่าปีแล้ว เย่ฉ่าวเฉินก็เป็นเหมือนลูกชายของเธอ

เย่ฉ่าวเหยียนเดินเข้ามาตบไหลเธอแล้วบอกว่า " ฉินหม่า พี่ฉันหนังเหนียวไม่เป็นอะไรไปง่ายๆหรอก "

" อือ......" ฉินหม่าเหมือนจะร้องไห้

การผ่าตัดใช้เวลาไปสองชั่วโมงกว่าๆ ในที่สุดก็เสร็จสิ้นลงแล้ว

กระสุนที่ไหล่ของเย่ฉ่าวเฉินถูกผ่าออกแล้ว แต่ยังอยู่ในอาการโคม่า

แผนกออกแบบบริษัทเย่ฮวาง

เฉียวซินโยวรู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอยังกลับไปดูที่คฤหาสน์ว่าแผนการราบรื่นดีหรือไม่ เย่ฉ่าวเฉินได้รับบาดเจ็บไหม แล้วมู่เวยเวยตอนนี้จะเป็นยังไง?

แต่ว่าเธอก็ทำได้เพียงอดกลั้นไว้ เธอกลับไปไม่ได้ เธอจะทำให้ทุกคนสงสัยในตัวเธอไม่ได้

ในเวลานี้ เธอส่งข้อความหาหนานกงเฮ่าเยอะมาก แต่เขาก็ไม่ได้ตอบกลับ คงไม่มีอะไรผิดพลาาดหรอกใช่ไหม

ในที่สุดก็ห้าโมงเย็นสักที เธอหยิบกระเป๋าแล้วออกไปอย่างรวดเร็ว

......

ฝนตกอย่างหนัก

คฤหาสน์ตระกูลเย่ถูกปกคลุมด้วยฝนที่ตกอย่างหนัก บรรยากาศเงียบสงบมาก

เฉียวซินโยวเพียงแค่ก้าวขาเข้าบ้านก็ได้กลิ่นยาอ่อนๆโชยมา

ใครบาดเจ็บ?

เย่ฉ่าวเฉินหรือว่ามู่เวยเวย? แน่นอนว่าเธอหวังว่าจะเป็นมู่เวยเวย

เธอรีบก้าวเท้าเดินไปที่ห้องนอนของเย่ฉ่าวเฉิน พึ่งจึงถึงหน้าประตูก็ถูกเย่ฉ่าวเหยียนที่กำลังเดินออกมาขวางไว้ " คุณเฉียว "

" ฉ่าวเหยียน ให้ฉันเข้าไปเถอะ ฉ่าวเฉินได้รับบาดเจ็บหรอ? "สีหน้าของเฉียวซินโยวเป็นกังวล

เย่ฉ่าวเหยียนรีบปิดประตู แสยะยิ้มแล้วมองไปที่เธอ " คุณเฉียวคุณรู้ได้ยังไงว่าพี่ชายได้รับบาดเจ็บ? "

เฉียวซินโยวนิ่งไปชั่วขณะ แล้วพูดอย่างช้าๆว่า " ฉัน......ตอนที่ฉันเข้ามาฉันได้กลิ่นยา.....เป็นเย่ฉ่าวเฉินจริงๆหรอ? "

เย่ฉ่าวเหยียนไม่ได้ปกปิดเธอ ถึงยังไงเรื่องนี้ก็เป็นฝีมือเธอและหนานกงเฮ่า " พี่ชายได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย ตอนนี้ต้องการพักผ่อน เธออย่าไปรบกวนเขาเลย "

" ฉันอยากเข้าไปดูให้เห็นกับตา " เฉียวซินโยวยังคงไม่ละทิ้งความพยายาม " ฉันเป็นห่วง"

" คุณเฉียว สิ่งที่ฉันพูดคุณฟังไม่รู้เรื่องหรอ? " เย่ฉ่าวเหยียนทำท่าจริงจัง " พี่ชายไม่ได้เป็นอะไร เชิญคุณออกไปจากตรงนี้ด้วย รอเขาฟื้นแล้วฉันจะเป็นคนแจ้งคุณเอง "

เฉียวซินโยวเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า " โอเค " จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป

ตาของเย่ฉ่าวเฉินมองมือของเธอที่กำหมัดแน่น

เหอะ พวกเธอทำให้พี่ชายฉันตกอยู่ในสภาพนี้ ยังจะมาแสแสร้งทำมาเป็นห่วง?

เวลาทุ่มกว่าของคืนนั้น มู่เวยเวยฟื้น

ในหูมีแต่เสียงฝนตก เธอมองไปที่เพดานแล้วค่อยๆคิดพิจารณาว่าต่อจากนี้จะเอายังไงดี?

แกล้งบ้าเพื่อจะกดดันเย่ฉ่าวเฉินให้ส่งเธอออกจากที่นี่ หรือว่าจะแก้แค้น เพื่อที่เย่ฉ่าวเฉินจะทนไม่ได้แล้วส่งเธออกจากที่นี่

เอาเถอะ เก็บไว้พิจารณาทั้งสองแบบนั้นแหละ เพื่อที่จะได้ออกจากที่นี่เร็วที่สุด

แต่ว่าถ้าจะทำเรื่องนี้ได้ต้องได้รับความเชื่อใจจากเย่ฉ่าวเหยียนก่อน

ด้านหลังศีรษะของเธอปวดมาก มู่เวยเวยนึกขึ้นได้ว่าเย่ฉ่าวเฉินเป็นคนทำให้เธอสลบไป แล้วเขาล่ะ? ไม่ได้ตายในสนามยิงปืนครั้งนั้นใช่ไหม

ประตูถูกเปิดออกเบาๆ มู่เวยเวยค่อยๆปิดตาลง เสียงฝีเท้าค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆ ฟังเสียงรู้สึกคุ้นๆ

" ยังไม่ฟื้น? "

เป็นฉินหม่า เธอเอาซุปไก่ที่ทำเสร็จแล้ววางไว้ที่โต๊ะ หันกลับมาใช้มือแตะหน้าผากมู่เวยเวยแล้วพูดขึ้นว่า " ไม่ได้เป็นไข้ก็ดีแล้ว "

มู่เวยเวยรู้สึกซาบซึ้ง มือที่อยู่ใต้ผ้าห่มก็ค่อยๆกำมือไว้แน่น

ฉินหม่าถือซุปไก้เดินออกจากห้องไป น้าตาไหลลงมา

ถ้าที่นี่ไม่มีเย่ฉ่าวเฉินเธอเต็มใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป อยู่อย่างสงบสุขกับฉินหม่า คุณอาหวัง และคนที่ใจดีอย่างเย่ฉ่าวเหยียน แน่นอนว่าต้องมีเสี่ยวจื่อที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วย

ผ่านไปสิบกว่านาที ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง มีคนเดินเข้ามาแล้วนั่งลงบนโซฟา

ฟ้ามือหมดแล้วในห้องก็ไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงแสงไฟที่ส่องผ่านเข้ามาเล็กน้อย มู่เวยเวยนอนอยู่และควบคุมการหายใจอย่างระมัดระวัง

ผ่านไปนานมาก ฝ่ายตรงข้ามก็ยังคงนั่งเงียบ มู่เวยเวยรู้สึกว่าตัวเองฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว กำลังจะทำเป็นฟื้นขึ้นมา คนนั้นก็ค่อยๆพูดขึ้นว่า " ในเมื่อฟื้นแล้วก็ไม่ต้องฝืน เหนื่อยเปล่าๆ "

มู่เวยเวยเบิกตากว้าง ลุกขึ้นนั่งบนเตียง แล้วพูดบ่นขึ้นมาว่า " คุณเองหรอ ทำไมไม่บอกแต่แรก ฉันก็นึกว่าใคร "

เย่ฉ่าวเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า " ฉันก็อยากรู้ว่าเธอจะแกล้งหลับไปถึงตอนไหน "

" เย่ฉ่าวเฉิน.....เป็นไงบ้าง? " มู่เวยเวยถาม จริงๆแล้วเธออยากถามว่า เย่ฉ่าวเฉินตายรึยัง? แต่พอมาคิดอีกทีนั่นเป็นพี่ชายของเย่ฉ่าวเหยียน พูดจารุนแรงเกินไปก็ไม่ดี

" โดนยิงที่ไหล่ กระสุนผ่าออกไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่ฟื้น แต่ว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง "เย่ฉ่าวเหยียนพูดจบก็ถามต่อว่า " เธอไปทำพิธีไหว้พ่อแม่ของเธอไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงไปอยู่ที่หนานซานได้?

มู่เวยเวยเปิดโทรศัพท์ยื่นให้เขาดู มีคนส่งข้อความมาหาฉัน คุณดูสิ

พอเยาฉ่าวเหยียนดูจบก็พูดว่า " ข้อความนี้หนานกงเฮ่าเป็นคนส่งแน่ๆ เพื่อที่จะล่อเธอไปที่หนานซาน จากนั้นก็ทำให้พี่ชายฉันกับเธอเข้าใจผิดกัน แล้วไอ้ตัวปลอมนั้นล่ะ? ตายแล้วหรอ?

มู่เวยเวยพยักหน้า " อือ ตอนที่ฉันไปถึงก็ตายแล้ว "

เย่ฉ่าวเหยียนยื่นโทรศัพท์คืนเธอ " แล้วตอนนี้เธอจะเอายังไงต่อไป? "

มู่วยเวยมองหน้าเขา ครุ่นคิดสักพัก แล้วเล่าแผนการของเธอให้เขาฟัง

เย่ฉ่าวเหยียนลุกขึ้นมองอกไปนอกหน้าต่าง รู้สึกลังเลภายในใจ จะช่วยเธอดีไหม?

ช่วยเธอ ปล่อยเธอออกไปจากที่นี่ นับแต่นี้เธอก็จะเป็นอิสระ: ถ้าไม่ช่วย เธอก็ต้องเป็นพี่สะใภ้ของเขาตลอดไป......

" ฉ่าวเหยียน ฉันใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ฉันเหมือนท่อนไม้ที่ไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง ตอนที่เย่ฉ่าวเฉินอารมณ์ดีก็ยิ้มแย้มกับฉัน พออารมณ์เสียก็จะทำให้ฉันตายให้ได้......"

" เวยเวย " เย่ฉ่าวเหยียนพูดขัดจังหวะขึ้น พูดโดยที่ยังหันหลังให้เธอว่า " นับตั้งแต่วันนี้ ฉันไม่เคยเจอมู่เทียนเย่ตัวปลอม และไม่รู้แผนการใดๆของเฉียวซินโยวและหนานกงเฮ่า เธอ.....พักผ่อนเถอะ "

" ขอบคุณมาก " มู่เวยเวยพูดกับเขาที่ยังหันหลังอยู่ มีประโยคนี้ของเย่ฉ่าวเหยียนก็เพียงพอแล้ว

......

หลังจากฝนตกหนัก อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าปลอดโปร่ง

ช่วงเช้า เย่ฉ่าวเฉินฟื้นขึ้นมาแล้ว ร่างกายเขาแข็งแรงจึงฟื้นตัวได้เร็ว แต่ว่าสีหน้าก็ยังคงซีดอยู่บ้างเล็กน้อย

" คุณชาย ฟื้นแล้วหรอครับ! พระเจ้าคุ้มครองครับ " คุณอาหวังพยุงเขาอย่างดีใจ

" มู่เวยเวยล่ะ? " เย่ฉ่าวเฉินถามขึ้นพร้อมเอามือกุมหัว

สีหน้าของคุณอาหวังแปลกไป " คุณผู้หญิงฟื้นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ แต่ว่า......"

" แต่ว่าอะไร? " เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกสงสัย ถามขึ้นอย่างขมวดคิ้ว

" หลังจากที่คุณผู้หญิงฟื้นขึ้นมาแล้ว.......ไม่อยากทานข้าว......"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ