หนานกงเฮ่าดูนาฬิกาแล้วพูด “เพิ่งจะเจ็ดโมงกว่า ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณอีกแปบ”
เฮ้อ....
มู่เวยเวยยิ่งรู้สึกว่าเย็นนี้เขาไม่ปกติ ปกติแล้วน้อยครั้งมากที่เขากินข้าวเย็นเสร็จแล้วจะอยู่ต่อ แต่วันนี้เขากลับนั่งดูทีวี
“หนานกงฉันอยากพักผ่อนแล้ว” น้ำเสียงของมู่เวยเวยเย็นชาเล็กน้อย
สายตาของหนานกงเฮ่าหม่นลงเป็นอย่างมาก แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงยิ้มอย่างสดใส เขาเดินไปกอดเธอเบาๆ “คุณนี่นะ ผมอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณอีกนิดก็ไม่ยอม โอเค ผมไปแล้วโอเคมั้ย”
มู่เวยเวยหลุบตาลงไม่พูดจา เธอเป็นโรคซึมเศร้า ดังนั้นอารมณ์ไม่คงที่จึงเป็นเรื่องปกติ
หนานกงเฮ่าก้มหน้าพูดยิ้มๆ “โกรธหรอ โอเค ผมไปแล้วๆ อย่าลืมกินน้ำ นอนหลับพักผ่อน พรุ่งนี้ผมจะมาเยี่ยมใหม่”
มู่เวยเวยตอบ “อืม” เบาๆ
หนานกงเฮ่าบีบแก้มเธออย่างเอ็นดู ก่อนจะมองเธออยากลึกซึ้ง และออกไป
พอเขาออกไปตรงทางเดินแล้ว มู่เวยเวยก็ล็อคประตู แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก และเทน้ำแก้วนั้นลงในอ่างล้างหน้า
คืนนี้มู่เวยเวยพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ เธอรู้สึกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เธอเป็นอย่างนี้ไปจนถึงตีหนึ่งกส่า ก่อนเปลือกตาจะค่อยๆหลับลง
ในค่ำคืนอันมืดมิด มีลมกระทบกระจกอย่างแรง พร้อมเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง
ลูกบิดประตูด้านนอกขยับเล็กน้อย แล้วหยุดไปหลายวิ จากนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ปัง’ แล้วประตูก็ถูกเปิดเข้ามา
เงาหนึ่งเดินตะคุ่มๆมาที่ข้างเตียงคนไข้ ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นมาลูบหน้าผาก ใบหน้า จมูกและสุดท้ายก็หยุดไว้ตรงริมฝีปากสีแดงสด
มู่เวยเวยจากที่นอนหลับไม่สนิทอยู่แล้ว เมื่อรู้สึกว่ามีคนยืนอยู่ข้างๆ เธอก็ลืมตาขึ้นอย่างสะลืมสะลือ ก่อนจะตกใจทันทีที่เห็นคนเข้ามา เธอกำลังจะกรี๊ดแต่ก็ถูกปิดปากไว้ ก่อนที่จะเกิดความเจ็บขึ้นบนแขนที่เพิ่งถูกปักเข็มลงมา
“อื้อๆ” มู่เวยเวยพยายามกรี๊ดอย่างสุดเสียง พร้อมทั้งจับแขนของเขาไว้ แต่เขาก็กระซิบข้างหูเธอว่า “เวยเวยผมเอง อย่ากรี๊ดนะ ผมจะพาคุณออกไป”
มู่เวยเวยเบิดตากว้าง มองใบหน้าเขาผ่านแสงจันทร์ จากนั้นก็เห็นหนานกงเฮ่าที่กำลังยิ้มแปลกๆอยู่
“อื้อๆ” สายตาของมู่เวยเวยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาจะพาเธอไปไหน
“อย่าดื้อ อย่าขยับๆ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
พอเขาพูดจบ มู่เวยเวยก็รู้สึกว่าเปลือกตาหนักขึ้น มือของเธอที่กำลังแกร่งไปมาก็ค่อยๆอ่อนแรงขึ้นเช่นกัน
“หนึ่ง สอง สาม หลับซะนะ”
หนานกงเฮ่าดึงเข็มออกมาทิ้งลงบนพื้น ตบแก้มมู่เวยเวยเบาๆ แต่เธอก็ไม่มีปฏิกิริยากลับมา
“ยาออกฤทธิ์เร็วขนาดนี้เลยหรอ แต่ก็ดี เวยเวยฝันดีนะ ตื่นขึ้นมาเราก็จะมีชีวิตใหม่แล้ว ไม่มีเย่ฉ่าวเฉิน ไม่มีเฉียวซินโยว มีแค่ผมกับคุณ”
พูดจบ เขาก็ประคองเธอขึ้นมาจูบปากเบาๆ ใส่เสื้อคลุมให้เธอ และอุ้มเธอออกมาจากห้องผู้ป่วย
บนทางเดินเงียบมาก เวลานี้ทุกคนหลับกันหมดแล้วจึงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่เมื่อออกมาจากโรงพยาบาล หนานกงเฮ่าก็ถูกอาเจี๋ยที่เฝ้าดูอยู่นานเห็นเข้า เมื่อเขาเห็นว่ามันไม่ปกติจึงโทรไปบอกเย่ฉ่าวเหยียนด้วยความรีบร้อน
เพราะเป็นกลางดึก จึงต้องโทรไปหลายสายมาก กว่าเย่ฉ่าวเหยียนจะรับสาย
“บอสครับ หนานกงเฮ่าพาตัวมู่เวยเวยออกจากโรงพยาบาลไป มู่เวยเวยเหมือนว่าจะสลบอยู่”
เย่ฉ่าวเหยียนได้ข่าวก็ลุกจากเตียงทันทีด้วยความตกใจ “ตามเขาไป ดูว่าเขาจะไปที่ไหน แล้วรายงานผมมาเป็นพักๆ”
“ครับ บอสครับ เขาออกรถแล้ว ผมกำลังจะตามไป....”
ตอนนี้เย่ฉ่าวเหยียนนอนไม่มีอารมณ์นอนแล้ว เขากลัวจะเกิดอะไรขึ้น
เขาคิดว่าที่หนานกงเฮ่ากับเฉียวซินโยวมาเจอกัน เป็นเพราะเขาอยากบอกเธอให้หาทางจับเย่ฉ่าวเฉินเร็วๆ คิดไม่ถึงว่าหนานกงเฮ่าก็มึแผนเหมือนกัน
เย่ฉ่าวเหยียนเดินไปเดินมาในห้อง พยายามบังคับให้ตัวเองสงบลง พลางค่อยๆคิดว่าหนานกงเฮ่าจะพาเธอไปไหน
ในประเทศ หรือว่าต่างประเทศ
เขาคนเดียวไม่มีทางขับรถได้นานๆ และคงไม่ไปนั่งรถไฟ เพราะเมื่อมู่เวยเวยตื่นขึ้นมาระหว่างทาง เขาไม่มีทางควบคุมอารมณ์ได้แน่ งั้นก็มีแค่ทางเดียวคือเครื่องบิน”
ตอนนี้ข้างนอกฟ้าผ่าอย่างรุนแรง คิดว่าเดี๋ยวฝนคงจะตกห่าใหญ่ ถ้าเป็นอย่างนั้น สนามบินอาจจะต้องปิดชั่วคราว
ไม่ได้ จะฝากความหวังไว้กับพระเจ้าไม่ได้
......
ค่ำคืนอันเงียบสงัด บนถนนมีรถน้อยมากจนน่ากลัว
รถของหนานกงเฮ่าขับฝ่าความมืดมุ่งตรงไปทางสนามบินอย่างรวดเร็ว สิบนาทีหลังจากนั้นเขาก็เห็นจากกระจกมองหลังว่ามีรถคันหนึ่งขับตามรถของเขาไม่ใกล้ไม่ไกลมาตลอดทาง
บังเอิญหรือตั้งใจ
หนานกงเฮ่าแสยะยิ้มเย็น อยากสะกดรอยตามฉันหรอ
งั้นฉันจะให้พวกแกลองดูว่าฉันโหดขนาดไหน
รถเพิ่มความเร็วในทันที แม้แต่ไฟแดงก็ขับฝ่า ทำให้อาเจี๋ยที่อยู่ข้างหลังรู้ตัวได้ว่าตัวเองโดนจับได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงขับตามเขาไปตรงๆอย่างไม่ปิดบัง
สายฟ้าสว่างวาบลงมาบนถนน ในระหว่างที่รถสองคันขับตามกันอย่างดุเดือด
หนานกงเฮ่าเหยียบคันเร่งมิดไมล์ ก่อนที่เขาจะคิดถึงตอนที่เขาหนีจากการไล่ล่าของศัตรูได้ ตอนนั้นเขาหนีโดยการใช้ถนนเส้นเล็กๆข้างหน้า รถข้างหลังตามมาติดๆ ตอนนี้ต้องไปตามเส้นทางนั้นอีกครั้งเท่านั้น
รถที่ขับมาด้วยความเร็วหักโค้งอย่างรวดเร็ว หนานกงเฮ่าใช้โอกาสตอนที่รถคันข้างหลังยังตามมาไม่ถึงหักพวงมาลัยเลี้ยวไปในซอยเล็กๆที่ไม่มีแสงไฟ จากนั้นก็ปิดไฟในรถทุกอย่าง
จากกระจกมองหลัง เขาเห็นไฟรถที่ตามมาขับผ่านไป หนานกงเฮ่ายิ้มอย่างพอใจทันที
จะสู้กับฉัน ไม่ดูเลยว่าฉันโตมายังไง
หนานกงเฮ่ามองมู่เวยเวยที่ยังสลบอยู่ แล้วถามกับตัวเองว่า “เวยเวย คุณว่าคนที่ตามมาเป็นใคร เย่ฉ่าวเฉินหรือว่าผู้ชายคนอื่นที่ชอบคุณ”
เขาซ่อนอยู่ในความมืดอยู่สองนาทีก็กลับมาเคลื่อนรถอีกครั้ง
“ปัง” เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็มีฝนตกลงมาห่าใหญ่ใส่กระจกหน้ารถของเขา
ฝนห่าใหญ่ได้ตกลงมาแล้ว
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น รถของหนานกงเฮ่าก็ค่อยๆขับเข้ามาในสนามบิน เขาได้ยินเสียงประกาศดังมาจากไกลๆ
ผู้โดยสารทุกท่าน เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนทำให้ทุกสายการบินต้องยกเลิก เมื่อกลับมาทำการบินได้อีกครั้ง จะแจ้งอีกในภายหลังค่ะ
“เชี่ยเอ้ย” หนานกงเฮ่าตบพวงมาลัยอย่างโมโห พระเจ้าทำไมถึงได้หน้าด้านอย่างนี้
แต่หลังจากนั้นเขาก็เห็นเรื่องแปลกๆมากขึ้น
หน้าประตูสนามบินมีบอดี้การ์ดสิบกว่าคนกำลังตรวจรถทุกคันที่ขับเข้าไป และบอดี้การ์ดพวกนี้ก็ดูคุ้นตามาก
นี่ไม่ใช่....คนของพ่อหรอ
พ่อรู้ได้ยังไงว่าเขาจะมาสนามบิน
หรือว่ารถที่สะกดรอยตามเขาเมื่อกี้คือรถของพ่อ
ขับไปต่อไม่ได้ หนานกงเฮ่ารีบกลับรถ ขับไปทางเดิม
ตอนนี้ไปไหนดี
ในเมื่อพ่อรู้แล้ว บ้านก็กลับไปไม่ได้แล้ว บ้านพักในเมืองก็ไปไม่ได้ จะไปได้ก็แต่บ้านพักส่วนตัวกลางภูเขา
ที่ตรงนั้นเขาซื้อไว้นานแล้ว แต่ไม่เคยไปพักมาก่อน ปกติมีแค่คนดูแลบ้านเข้าไปทำความสะอาด พ่อแม่ก็ไม่รู้ กลับไปตั้งหลักตรงนั้นก่อน แล้วค่อยวางแผนใหม่ดีกว่า
ช่วงเช้ามืด หนานกงเฮ่าก็มาถึงบ้านกลางภูเขา
“ห้องนอนสะอาดมั้ย” หนานกงเฮ่าอุ้มมู่เวยเวยขึ้นไปข้างบน พลางถามพ่อบ้านไปด้วย
พ่อบ้านหลุดออกมาจากความตกตะลึง รีบตอบว่า “สะอาดครับสะอาด ผมทำความสะอาดทุกวัน”
เขาไม่ได้เห็นหนานกงเฮ่ามานานแล้ว ทำให้เขาตอบสนองช้าไปเล็กน้อย
หนานกงเฮ่าเดินไปตรงห้องนอนชั้นสอง ใช้เท้าดันประตูเปิด จากนั้นพ่อบ้านที่เดินตามมาข้างหลังก็มาเปิดไฟให้เขา
“ลงไปทำอาหารเช้าให้หน่อย ถ้าฉันไม่ได้เรียกไม่ต้องขึ้นมา” หนานกงเฮ่าหันหลังสั่งเขา
“ครับเจ้านาย” พ่อบ้านตอบรับ และแอบมองใบหน้าอันสวยหวานของมู่เวยเวย
เธอ...หน้าคุ้นๆ
เคยเห็นที่ไหนนะ
....
คฤหาสน์ตระกูลเย่
เย่เฉินได้รับสายจากอาเจี๋ยขณะที่กำลังกระวนกระวายในตอนที่พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้น
“เป็นไงบ้าง หาหนานกงเฮ่าเจอรึยัง”
ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า อาเจี๋ยบอกว่า เขาคลาดกับรถของหนานกงเฮ่า เย่ฉ่าวเหยียนจึงสั่งให้ทุกคนออกไปตาม
“ยังครับ จนถึงตอนนี้ยังไม่พบร่องรอยอะไรเลย”
“หาต่อไป!” น้ำเสียงของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความโกรธ
“ครับบอส”
เย่ฉ่าวเหยียนวางสาย นวดดวงตาที่พร่ามัวเบาๆ ตอนนี้โทรศัพท์ของมู่เวยเวยโทรไม่ติดแล้ว และโทรศัพท์ของหนานกงเฮ่าก็ปิดเครื่องแล้วเช่นกัน
จะหาพวกเขาเจอได้ยังไง ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงคนคนหนึ่ง
รอต่อไปไม่ได้แล้ว ยิ่งนานไป มู่เวยเวยก็ยิ่งอยู่ในอันตรายนานขึ้น
เย่ฉ่าวเหยียนวิ่งไปที่ห้องนอนของเฉียวซินโยวทั้งชุดนอน
“ปังๆๆ” เสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบทำให้คฤหาสน์ที่เงียบสงบเกิดเสียงดังแสบหู
“ปังๆๆๆๆ ปังๆๆๆ” เย่ฉ่าวเหยียนกำมือทุบประตู
ในที่สุดก็ได้ยินเสียงคร้านๆของเฉียวซินโยวดังลอดมา “ใครน่ะ มาแล้วๆ”
ทันทีที่เปิดประตู เฉียวซินโยวก็ตะลึงทันที “ฉ่าวเหยียน”
“หนานกงเฮ่าเอามู่เวยเวยไปซ่อนไว้ที่ไหน” ตอนนี้เย่ฉ่าวเหยียนก็ขี้เกียจอ้อมค้อมแล้ว จึงถามไปตรงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...