วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 201

"ออกรถ"

ฉู่เซวียนรีบหันหน้ารถมุ่งหน้าเข้าทางหลวงที่อยู่ห่างออกไปอย่างรวดเร็ว

ชายที่อยู่ข้างหลังก้มหยิบแผนที่สมบัติขึ้นสักครู่ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมาก และตะโกนเสียงดังว่า "หยุดพวกมันไว้"

เมื่อสิ้นเสียงคําสั่ง ชายชุดดําเจ็ดแปดคนพร้อมอาวุธปืนก็วิ่งออกมาจากป่าและรัวยิงไปยังรถที่กำลังเร่งความเร็ว

ฉู่เซวียนยังคงควบคุมสติได้ดี เขากำพวงมาลัยแน่นและมองตรงไปข้างหน้า แต่มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตาของเขา

มู่เวยเวยหมอบอยู่ที่เบาะหลังอย่างมีสติ ในเมื่อช่วยอะไรไม่ได้ เธอก็จะปกป้องตัวเอง เธอไม่อยากจะถูกกระสุนยิงจนพรุนเป็นตะแกรง

เย่ฉ่าวเฉินหยิบปืนออกมาและยิง ชายชุดดําสองคนล้มลงไปทันที แต่ยังไม่ตาย เพราะเขาเล็งไปที่ขา

กระจกรถนั้นกันกระสุน ดังนั้นเมื่อถูกยิงมา จึงทิ้งไว้เพียงรอยใยแมงมุม แต่ไม่ได้ทะลุผ่าน

เมื่อเห็นว่ารถกําลังจะขับขึ้นบนทางหลวง ยางล้อหลังก็เกิดเสียงดัง "ปัง" จุดศูนย์ถ่วงของรถไม่คงที่ทำให้รถสะบัดโค้ง มู่เวยเวยถูกเหวี่ยงไปที่ประตูรถ ศีรษะได้รับการกระแทกอย่างแรง

เย่ฉ่าวเฉินก็กระแทกเข้ากับร่างของเธอเพราะแรงเฉื่อยเช่นกัน แต่เขารีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและถามอย่างร้อนรนว่า "คุณเป็นอะไรไหม?"

มู่เวยเวยส่ายหัวด้วยสีหน้าที่แย่มาก เย่ฉ่าวเฉินมองคนที่ไล่ตามมาข้างหลัง ขณะที่กำลังปลดเชือกให้มู่เวยเวยเขาก็พูดกับฉู่เซวียนว่า "รถขับต่อไปไม่ได้แล้ว คุณรีบพาอาเหยียนหนีไป"

"แล้วคุณล่ะ?" มู่เวยเวยถามอย่างเป็นกังวล

"ผมจะไม่เป็นอะไร"

"ไม่ คุณไปกับพวกเรา"

"สามคนหนีไปด้วยกันไม่พ้นหรอก ผมจะอยู่ขวางทางพวกเขาไว้ ไม่ต้องพูดแล้ว" เย่ฉ่าวเฉินเปิดประตูด้านที่เขานั่งแล้วลงจากรถ ก่อนที่จะดึงมู่เวยเวยลงมา "รีบไปซะ ไม่งั้นพวกเราคงหนีไม่รอดกันสักคน"

"ฉ่าวเฉิน" มู่เวยเวยจับมือเขาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือ

"ไม่ต้องห่วงผม คุณลืมความสามารถของผมไปแล้วหรือไง?" เย่ฉ่าวเฉินยิ้มปลอยโยนให้เธอสบายใจ

มู่เวยเวยนิ่งไป แม้ว่าเขาจะมีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ แต่หากได้รับบาดเจ็บ การใช้พลังพิเศษก็จะยากลําบากมาก

"อย่าได้รับบาดเจ็บ อย่าได้รับบาดเจ็บนะ ตกลงไหม?" ดวงตาของมู่เวยเวยดูเศร้าหมอง เธออยากจะร้องไห้

เย่ฉ่าวเฉินใจสั่น เขาโอบเอวของเธอและจูบไปที่ริมฝีปากของเธอ จากนั้นก็ผละออกมา "ผมสัญญา จะไม่บาดเจ็บ" จากนั้นเขาก็ผลักเธอให้กับฉู่เซวียนที่เพิ่งกระโดดออกมาจากรถ "พาเธอออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย ผมจะปกป้องพวกคุณเอง รีบไป"

ฉู่เซวียนเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่ซับซ้อน เขาคว้าแขนของมู่เวยเวยแล้ววิ่งไปตามถนน เสียงปืนดังมาจากด้านหลัง มีกระสุนหลายนัดพุ่งเฉียดข้างหูไป แต่ทั้งคู่ก็ไม่สามารถหยุดได้ ทําได้เพียงวิ่งไปข้างหน้า

เสียงปืนดังขึ้นทีละนัด ทั้งสองวิ่งฝ่าดงหญ้าที่รกชัฏ ข้ามป่าทึบ แล้ววิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปจนถึงถนน ตอนนั้นเองที่มู่เวยเวยสังเกตเห็นว่ารองเท้าส้นสูงข้างหนึ่งได้หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

เสียงปืนเริ่มดังไกลออกไป รถบรรทุกคันหนึ่งกําลังขับผ่านมาพอดี ฉู่เซวียนโบกมือส่งสัญญาณให้คนขับหยุดรถ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ คนขับที่ไหนจะกล้าหยุดรถ มีแต่จะรีบเหยียบคันเร่งเท่านั้น

มู่เวยเวยไม่ได้กินอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืน เธอไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่เลย และหลังจากที่วิ่งมานาน ขาของเธอก็อ่อนแรงจนเกือบจะล้มลงกับพื้น

"คุณเป็นยังไงบ้าง?" ฉู่เซวียนดึงเธอขึ้นมา และเห็นว่าสีหน้าของเธอดูไม่ดีเลย

มู่เวยเวยหอบและพูดว่า "ฉันไม่เป็นไรค่ะ"

สายตาของฉู่เซวียนเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ขณะนั้นก็ได้มีรถเล็กคันหนึ่งกําลังแล่นมา ฉู่เซวียนหยิบปืนออกมาจากเอวและเล็งไปที่คนขับที่อยู่ด้านใน คนขับตกใจรีบเหยียบเบรค รถหยุดกึกที่ปลายเท้าของทั้งสองคน

ฉู่เซวียนเปิดประตูด้านหลัง ทั้งสองคนเข้าไปนั่งในรถ คนขับพูดอย่างสั่นเครือว่า "อย่าทําร้ายผม อย่าทําร้ายผม"

"พาเราไปที่ใจกลางเมือง A" ฉู่เซวียนกล่าวอย่างเย็นชา

"ได้ ได้" คนขับจับพวงมาลัยด้วยมือที่สั่นเทา สตาร์ทรถอยู่สองสามครั้ง แต่ก็สตาร์ทไม่ติด

ฉู่เซวียนกลัวว่าคนข้างหลังจะตามมาทัน จึงปลอบอารมณ์ของคนขับ "ไม่ต้องห่วง เราจะไม่ทําอะไรคุณหรอก แค่อยากติดรถไปด้วยเท่านั้น"

บางทีประโยคนี้อาจจะได้ผล ทันใดนั้นรถก็ส่งเสียงหึ่ง ๆ แล้วพุ่งทะยานออกไป

มู่เวยเวยเหนื่อยมาก แต่เธอยังคงขมวดคิ้วและถามฉู่เซวียนว่า "เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทําไมเรื่องถึงกลายมาเป็นแบบนี้ได้?"

ฉู่เซวียนรู้สึกงุนงง "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน"

"คุณไม่รู้? เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ฝีมือคุณหรอกเหรอ?" มู่เวยเวยถามด้วยความประหลาดใจ

"เป็นฝีมือผมเอง แต่ขั้นตอนไม่ใช่แบบนี้" ฉู่เซวียนก็สับสนเช่นกัน

"หมายความว่าอย่างไร?"

ฉู่เซวียนมองไปที่คนขับรถก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำว่า "ผมวางแผนให้พวกเขาจับตัวคุณไป แต่ไม่ได้ให้พวกเขาลงมือ และยิ่งไม่มีการยิงกันเหมือนในวันนี้"

"คุณแน่ใจไหมว่าคนที่คุณใช้เป็นเจ้าพวกนี้?"

ฉู่เซวียนไม่แน่ใจ "ผมไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาโดยตรง พูดให้ชัดก็คือเหตุการณ์ครั้งนี้ถูกวางแผนโดยเพื่อนของผม"

"เพื่อนของคุณ?" มีใบหน้าหนึ่งแวบเข้ามาในความคิดของมู่เวยเวย เธอถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า "ใช่เขาหรือเปล่า?"

ฉู่เซวียนมองเข้าไปในดวงตาของเธอและพยักหน้า

มู่เวยเวยไม่อยากจะเชื่อ "ฉู่เซวียน คุณ...... ใช่สิ ฉันลืมไปว่าคุณเป็นเพื่อนกับเขา พวกคุณเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่แรก"

ชายสวมหน้ากากคนนั้นต้องการเพียงแค่แผนที่สมบัติ ส่วนใครจะเป็นตายร้ายดียังไง เขาจะไปสนใจได้อย่างไร?

"ฉู่เหยียน" ฉู่เซวียนไม่พอใจกับน้ำเสียงของเธออย่างมาก "คุณจะโกรธผมเรื่องอะไร? ในเมื่อคิดจะบรรลุเป้าหมายก็ย่อมต้องมีการเสียสละบ้างเป็นธรรมดา หากคุณปรากฏตัวต่อหน้าเย่ฉ่าวเฉินอย่างไม่มีอะไรเสียหาย ไม่กลัวว่าเขาจะสงสัยเหรอ?"

"ที่ฉันโกรธ ไม่ใช่เพราะพวกเขาทุบตีด่าว่าฉัน พวกเขาจะทำยังไงกับฉัน ฉันไม่สน แต่เย่ฉ่าวเฉินล่ะ? เขาจะทำยังไง? เมื่อคนเหล่านั้นได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว คุณคิดว่าจะปล่อยตัวเขาไปไหม?"

ฉู่เซวียนก็รู้สึกหดหู่ใจมากเช่นกัน "ฉู่เหยียน ผมก็ไม่อยากให้เขาตายเหมือนกัน ถ้าเขาตายไป แล้วจะดีต่อผมยังไง? ตระกูลฉู่ของเรายังจะทำธุรกิจต่อหรือไม่?"

มู่เวยเวยจ้องเขาและพูดไม่ออก เมื่อคิดว่าเย่ฉ่าวเฉินอาจจะตายได้ทุกเมื่อ หัวใจของเธอราวกับถูกบดด้วยหินจนหายใจไม่ออก

เธอเกลียดเขา และเคยคิดอยากจะฆ่าเขา แต่ครั้งนี้เธอเป็นคนวางแผนใส่เขา แต่เขากลับไม่ลังเลที่จะช่วยเธอ หากเย่ฉ่าวเฉินต้องเสียชีวิตไปในสถานการณ์เช่นนี้ เธอคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ ทั้งที่เย่ฉ่าวเฉินมอบแผนที่สมบัติที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งให้เขาไปแล้ว ทําไมเขาถึงยังสั่งให้ลูกน้องมาหยุดพวกเขาไว้ด้วย?

แผนที่สมบัติมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? หรือเขาคิดจะฆ่าปิดปาก?

หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ สถานการณ์ของเย่ฉ่าวเฉินก็จะยิ่งอันตราย

"เอาโทรศัทพ์ให้ฉัน" มู่เวยเวยยื่นมือออกไป โทรศัพท์มือถือของเธอน่าจะตกอยู่ในบ้านที่เธอถูกขัง

ฉู่เซวียนหยิบโทรศัพท์ออกมาและวางลงในมือของเธอ มู่เวยเวยนึกเบอร์โทรศัพท์บ้านของบ้านตระกูลเย่ แล้วกดโทรออก สัญญาณรอสายดังอยู่เพียงสองครั้งก่อนที่โทรศัพท์จะเชื่อมติด

"ฮัลโหล สวัสดีครับ บ้านตระกูลเย่ครับ" เสียงราบเรียบของพ่อบ้านหวังดังขึ้น

"คุณอาหวัง ฉันคือฉู่เหยียนค่ะ"

"คุณฉู่? คุณ...... คุณชายช่วยคุณออกมาได้แล้ว?" พ่อบ้านหวังรู้สึกยินดี

ฉู่เหยียนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และหลับตา "อาหวังคะ เย่ฉ่าวเฉินอาจตกอยู่ในอันตราย คุณช่วยบอกให้จางเฮ่อรีบส่งคนไปช่วยเขาด้วยค่ะ" จากนั้นน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาจากตาของเธอ

"ที่ไหนครับ? เกิดอะไรขึ้นกับคุณชาย?" พ่อบ้านถามขึ้นอย่างรวดเร็ว จากที่ดีใจเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ

"เขาอยู่ในที่เกิดเหตุเพื่อช่วยฉัน ฉัน...... ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง" มู่เวยเวยนึกถึงภาพที่เขาจูบตัวเอง น้ำตาก็พรั่งพรูออกมาพร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้น

"คุณฉู่ครับ อย่าเพิ่งร้องไห้เลย บอกสถานที่ให้ผมก่อน ผมจะให้จางเฮ่อพาคนไปเดี๋ยวนี้"

"ที่ทางเชื่อมระหว่างเมือง A และเมือง S ที่นั่นมีทะเลสาบอยู่ใกล้ ๆ" มู่เวยเวยพยายามควบคุมเสียงของเธอ

"โอเค ผมเข้าใจแล้ว" พ่อบ้านหวังหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อ "คุณฉู่ครับ เมื่อวานคุณถูกขังที่ไหนยังจําได้หรือไม่? หากคุณชายถูกจับตัวไปจริง ๆ นี่จะเป็นประโยชน์ต่อการค้นหาของจางเฮ่ออย่างมาก"

"ฉันถูกพวกเขาปิดตามาตลอดทาง ตอนกลางคืนบ้านหลังนั้นเงียบมาก เหมือนกับว่าเป็นบ้านเดี่ยวที่แยกออกมา ส่วนเรื่องอื่น ๆ ฉันไม่ทราบแล้วค่ะ"

"ผมเข้าใจแล้วครับ คุณฉู่ตอนนี้อยู่ที่ไหน? ต้องการให้ผมส่งรถไปรับคุณไหม?" ”

"ไม่จําเป็นค่ะ ตอนนี้ฉันอยู่กับฉู่เซวียน และเขาจะพาฉันกลับไปที่บ้านตระกูลเย่ค่ะ"

"เดินทางปลอดภัยครับคุณฉู่"

หลังจากที่พ่อบ้านหวังวางสายแล้ว จึงได้รีบไปแจ้งให้จางเฮ่อด้วยสีหน้าเป็นกังวล ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องจะมาถึงขั้นนี้

ฉู่เซวียนเองก็รู้สึกกังวลเช่นกัน เขารับโทรศัพท์กลับมาและโทรหาเพื่อนของเขา เขาต้องการจะรู้ว่าเกิดปัญหาขึ้นตรงไหนกันแน่

เมื่อปลายสายรับขึ้นแล้ว ฉู่เซวียนก็ถามขึ้นทันทีว่า "ทําไมอีกฝ่ายถึงได้ยิง? นายอยากให้ฉันตายในที่เกิดเหตุด้วยเหรอ?

"อาเซวียน ฉันขอโทษ มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น" ชายหน้ากากเงินกล่าวขอโทษ

"มีปัญหา? ปัญหาอะไร?"

"เจ้าสารเลวนั่นคิดจะฮุบสมบัตินั่นไปคนเดียว ก็เลย......"

"บัดซบ!" คนที่สุภาพอย่างฉู่เซวียนถึงกับอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา "แล้วเราจะทํายังไงกันดี? นายรีบส่งคนไปหาไอ้สารเลวคนนั้นสิ เราเหนื่อยยากกันมาตั้งนานเพื่อจะให้คนอื่นมาชุบมือเปิปไปอย่างนั้นเหรอ?"

"อาเซวียน นายใจเย็น ๆ ฉันได้ส่งคนออกไปตามหาแล้ว"

ฉู่เซวียนวางสายด้วยความโกรธและมองไปที่มู่เวยเวย "คุณได้ยินแล้วใช่ไหม?"

มู่เวยเวยพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ที่ตรากตรำมาทั้งหมดก็เพื่อให้คนอื่นได้ไปงั้นเหรอ?

แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อ? แผนที่สมบัติถูกมอบให้คนอื่นไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่เธอจะอยู่เคียงข้างเย่ฉ่าวเฉินอีก หากชายหน้ากากเงินหน้าด้านพอ จะต้องให้เธอไปหาแผนที่สมบัติอีกแน่นอน มู่เวยเวยรู้สึกว่าเขาสามารถทําเรื่องหน้าไม่อายเช่นนี้ได้

......

ที่ริมทะเลสาบ เย่ฉ่าวเฉินต่อสู้อยู่คนเดียว ต่อให้เขาจะเก่งกาจแค่ไหน ก็ต้องมีช่วงเวลาที่ลูกกระสุนถูกยิงจนหมด ดังนั้น เมื่อปืนมากกว่าสิบกระบอกเล็งไปที่ศีรษะของเขา เย่ฉ่าวเฉินก็ยกสองมือขึ้น

คนฉลาดย่อมหลีกเลี่ยงความเสียเปรียบตรงหน้า

ชายคนนั้นชกเข้าไปที่หน้าอกของเขาด้วยความโกรธ "ทําไมแผนที่จึงไม่สมบูรณ์?" ”

เย่ฉ่าวเฉินเอามือกุมหน้าอก "ตอนที่พ่อฉันให้มา แผนที่สมบัติก็ไม่สมบูรณ์อยู่แล้ว"

ชายคนนั้นขว้างหมัดเข้ามาอีกครั้ง แต่เย่ฉ่าวเฉินกลับหลบหลีกได้อย่างชํานาญ ชายคนนั้นก็สบถคําหยาบออกมา จากนั้นทั้งสองคนจึงต่อสู้กันภายใต้ปากกระบอกปืนที่จ่ออยู่นับสิบ

เย่ฉ่าวเฉินนั้นฝึกศิลปะการต่อสู้มาอยู่แล้ว ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะเย่ฉ่าวเฉินได้ ชายคนนั้นโกรธมาก จึงได้หยิบปืนออกมาและยิงไปที่เย่ฉ่าวเฉิน เย่ฉ่าวเฉินหลบไม่พ้น กระสุนนัดนั้นยิงเข้าไปถูกที่หัวไหล่ของเขา

"เก่งนักไม่ใช่หรือไง?" สู้ต่อสิ" ชายคนนั้นยกเท้าขึ้นเตะไปที่หน้าอกของเย่ฉ่าวเฉิน เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรง ขณะที่กําลังจะลุกขึ้นก็ถูกชายคนนั้นจ่อปืนไปที่หัว "ฉันคิดว่าเย่ฉ่าวเฉินจะแกร่งสักแค่ไหน ที่แท้ก็มีปัญญาแค่นี้"

เย่ฉ่าวเฉินกุมบาดแผลที่เลือดไหลไว้แน่น และเยาะเย้ยเขา "พวกแกมีตั้งมากมายขนาดนี้ ส่วนฉันเพียงคนเดียว แกคิดว่าเป็นการชนะที่สมศักดิ์ศรีมากเหรอ?"

"แล้วยังไง ตราบใดที่ชนะ ฉันก็ไม่สนใจกฎกติกาอะไรมากมาย พูดมา ชิ้นส่วนแผนที่ที่ขาดหายไปอยู่ที่ไหน? ถ้าไม่พูด ฉันจะยิงแกทิ้งซะ"

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มเยาะและมองไปที่เขา "ได้สิ ถ้าแกฆ่าฉัน ก็อย่าฝันว่าจะได้ส่วนที่เหลือ"

ขณะที่ชายคนนั้นชูกําปั้นขึ้นและกำลังจะต่อยลงไปนั้น ก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา จึงถามเขาว่า "พูดอย่างนี้หมายความว่า ชิ้นส่วนที่หายไปอยู่ในมือของแก?"

"แกคิดว่ายังไงล่ะ?" คําพูดของเย่ฉ่าวเฉินมีความคลุมเครือ

ชายคนนั้นจ้องเขม็งไปที่เขาอย่างโกรธแค้น ก่อนจะพูดกับลูกน้องว่า "พามันกลับไป ฉันจะค่อย ๆ ถามมัน ฉันไม่เชื่อว่ามันจะไม่ยอมพูดถึงที่เศษที่เหลือ"

เย่ฉ่าวเฉินถูกดึงขึ้นมาจากพื้นอย่างหยาบคาย ทำให้เลือดที่หัวไหล่ไหลออกมาเร็วขึ้น เลือดสีแดงสดย้อมเสื้อเชิ้ตสีขาวไปครึ่งตัว ดูน่ากลัวมาก

ชายคนนั้นกลัวว่าเย่ฉ่าวเฉินจะเสียเลือดมากจนตาย จึงพูดกับคนข้าง ๆ อย่างหงุดหงิดว่า "ตามหมอมา เกรงว่าเขาจะตายซะก่อนที่เราจะได้รู้อะไร"

"ครับ ลูกพี่"

เย่ฉ่าวเฉินถูกปิดตาทันทีที่ขึ้นรถ มือทั้งสองข้างของเขาถูกมัดไว้ด้านหน้า และโทรศัพท์มือถือของเขาก็ถูกยึด

เบื้องหน้าของเขามืดสนิท เย่ฉ่าวเฉินถึงได้มีเวลาคิดถึงมู่เวยเวย ไม่รู้ว่าพวกเขาไปถึงไหนกันแล้ว ถูกจับตัวได้หรือไม่ ที่จริงแล้ว ขอเพียงเธอปลอดภัย เขาก็ไม่สนใจว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ตราบใดที่ยังไม่ตาย เขาก็สามารถหนีจากเงื้อมมือของคนกลุ่มนี้ได้แน่

ยิ่งไปกว่านั้น เขาอยากรู้มากว่าคนเหล่านี้เป็นใคร และรู้เรื่องแผนที่สมบัติได้อย่างไร ตั้งแต่ที่พ่อแม่จากไป ความลับนี้ก็ถูกฝังอยู่ในดินไปพร้อมกับพวกเขา หากมีใครสักคนหวังดีเปิดเผยความลับนี้ออกมา ตระกูลเย่ของพวกเขาก็คงจะไม่สงบสุขแล้ว คงจะมีผู้คนมากมายแวะเวียนมารบกวน เพราะความมั่งคั่งที่เหลือคณานับมันมีแรงดึงดูดมากเหลือเกิน

รถแล่นไปทางทิศใต้และหยุดลงหลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง เย่ฉ่าวเฉินถูกลากลงจากรถ

"เดินไป" มีคนผลักไหล่เขา เย่ฉ่าวเฉินสะดุดจนเกือบจะล้มลง จึงมีคนจับเขาไว้ทั้งซ้ายและขวาและพาเขาเข้าไปในห้อง จากนั้นก็ได้แก้มัดผ้าสีดําออกจากตาของเขา

เย่ฉ่าวเฉินลืมตาขึ้นและมองไปรอบ ๆ มันเป็นบ้านหรู ปูพื้นด้วยกระเบื้องหินอ่อน โซฟาหนังแท้ โต๊ะและเก้าอี้ไม้โรสวูด ทั้งยังมีการประดับตกแต่งด้วยการปิดทอง เป็นบรรยากาศสไตล์อาร์ตนูโว

"ดูอะไร?" ชายคนนั้นตะโกนใส่เขา "พามันไปที่ห้องเมื่อวาน แล้วก็พาหมอไปด้วย"

ดังนั้นเย่ฉ่าวเฉินจึงถูกนําตัวไปที่ห้องชั้นหนึ่ง ภายในห้องนั้นตกแต่งอย่างเรียบง่ายมีเพียงเตียงนอน และห้องน้ำ บนพื้นยังมีกระเป๋าที่ถูกโยนทิ้งไว้ใบหนึ่ง เย่ฉ่าวเฉินจําได้ว่าเป็นกระเป๋าของมู่เวยเวย

ที่นี่คือที่ที่มู่เวยเวยถูกขังไว้เมื่อวาน?

"อยู่ที่นี่ไป เดี๋ยวหมอก็มา"

ประตูถูกปิดลง เย่ฉ่าวเฉินเดินไปที่หน้าต่าง ด้านนอกมีเหล็กดัดติดอยู่ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหนี เขามองทะลุกระจกไปก็เห็นเพียงต้นไม้ที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น

ที่นี่คือเมือง S เหรอ? ดูจากระยะเวลาการขับรถ ที่นี่น่าจะเป็นชานเมืองของเมือง S บริเวณโดยรอบเงียบสงบมาก ไม่มีเสียงของยานยนต์ใด ๆ

ประตูถูกผลักให้เปิดออกจากด้านนอก มีชายสวมแว่นตาเดินเข้ามาพร้อมกล่องยาในมือ ตามมาด้วยบอดี้การ์ดในชุดสีดําสองคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ