"ฉันเป็นแขกของพวกคุณ หมายเลข015เย่ฉ่าวเฉิน"
"สวัสดีค่ะคุณเย่ ไม่ทราบว่าอยากให้เราช่วยอะไรคะ?"
"ของที่ฉันฝากไว้ที่บริษัทคุณ อยากถอนออกมา แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ที่เมืองA ให้คนไปช่วยถอนได้ไหม?"
"ต้องขออภัยด้วยนะคะ ตามข้อบังคับของเรา คุณต้องมารับด้วยตนเอง ไม่สามารถให้คนอื่นมารับแทนได้"
เย่ฉ่าวเฉินรู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์ต้องเป็นแบบนี้ ยังไม่ทันวางสาย ก็มีหมัดลอยมา โชคดีที่เขาหลบทัน
“ เย่ฉ่าวเฉิน มึงจงใจสินะ เมื่อวานแกไม่คิดที่จะส่งแผนที่สมบัติที่สมบูรณ์แบบเลยใช่ไหม?” ชายผู้นั้นกำลังโกรธมาก
เย่ฉ่าวเฉินยื่นโทรศัพท์ให้เขาและเยาะเย้ย "คุณเฉา คุณกับฉันต่างก็อยู่ในหมากนี้ และเข้าใจถึงอันตราย ฉันมาเองคนเดียว แบบนี้จะไม่เหลือทางรอดให้ตัวเองไว้หน่อยได้ยังไง? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขุมสมบัติมหาศาลแบบนี้”
ชายคนนั้นจ้องมองเขาด้วยความโกรธ ชักปืนขึ้นมาต่อหน้าเขา“ เย่ฉ่าวเฉิน มึงคิดว่ากูไม่กล้าฆ่ามึงหรอ? กูก็แค่ไม่เอาส่วนแบ่งครึ่งนั้น”
เย่ฉ่าวเฉินมองเขาและมือกอดอก เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าเขาไม่ยิงแน่นอน เพราะความโลภของเขามากเกินกว่าที่จะยอมไม่เอาส่วนแบ่งที่เหลือ
ขณะที่ชักปืนออกมา ผู้คุ้มกันก็เข้ามาพูดอะไรบางอย่างที่ข้างหูของลูกพี่ด้วยสีหน้าลุกลี้ลุกลน สีหน้าของซิ้งเฉาเปลี่ยนไป เขาวางปืนลงและพูดกับลูกน้องว่า "พามันขึ้นรถ"
"ครับ"
เย่ฉ่าวเฉินถูกผู้คุ้มกันผลักไปที่รถ เห็นว่ามีคนเจ็ดแปดคนในบ้านกำลังวิ่งมาที่รถ พวกเขา......เหมือนกำลังวิ่งหนี
หรือว่ามีคนเจอที่นี่?
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกมีความหวัง เขาจำคำพูดของซิ้งเฉาได้ เรื่องของเขาได้มาจากคนอื่น หรือว่าตอนนี้ “คนอื่น” กำลังมา?
ในสถานการณ์ที่วุ่นวายแบบนี้ เขาสามารถหยิบปืนและขโมยรถหนีไปได้ แต่เขาไม่ไป เขาต้องรู้ให้ได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร
"เห้ย พวกแกวิ่งทำไมวะ มีคนตามหาพวกแกหรอ?" หลังจากที่รถแล่นไปที่ถนน เย่ฉ่าวเฉินยิ้มและถามผู้คุ้มกันข้างซ้ายเขา
ชายคนนั้นเหลือบมองเขา "แกนี่พูดมากจังวะ"
"ถึงยังไงก็ไม่มีไรทำนิ เห้ย พวกแกจะพาฉันไปไหน?" เย่ฉ่าวเฉินหันไปถามชายทางขวา
“ ถ้าแกพูดอีกคำ ฉันจะปิดปากแก” ผู้คุ้มกันขู่เขา
เย่ฉ่าวเฉินหุบปากอย่างไม่เต็มใจ
รถสี่ห้าคันกำลังวิ่งไปทางทิศใต้ ราวกับว่ามีเสือหมาป่าไล่ตามพวกเขาอยู่ เมื่อเห็นท่าทางของคนทั้งสองข้างและข้างหน้ายิ่งอยู่ยิ่งกระวนกระวาย ทำให้เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่ามือที่อยู่ข้างหลังก็จัดการได้ง่ายๆ
ซิ้งเฉาที่ปกติโหดร้ายมาก ถึงแม้จะสมองไม่มีไอคิว แต่ก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว แต่กลับถูกคนไล่ต้อนเหมือนกระต่ายถูกล่า เขานี่จัดการง่ายจริงๆ
หลังจากที่รถแล่นไปข้างหน้านานกว่าหนึ่งชั่วโมง เข้าสู่ใจกลางเมืองS เมืองเมื่อมีรถมากขึ้นความเร็วก็ช้าลง แต่ก็ง่ายต่อการจะกำจัดการไล่ตามของฝ่ายตรงข้าม
เย่ฉ่าวเฉินมองออกไปข้างนอกผ่านกระจกรถโดยบังเอิญ รถที่คุ้นเคยคันหนึ่งพุ่งเข้ามาในสายตา มองไปที่ป้ายทะเบียนรถ นี่รถของบ้านเขาไม่ใช่หรอ? น่าเสียดายที่ฟิล์มของรถบังมองไม่เห็นว่าใครอยู่ข้างใน แต่เขาเดาว่าน่าจะเป็นจางเหอพาคนตามมา
เขาหายตัวไป จางเหอกับผู้ดูแลหวังคงจะกังวลแทบตาย พวกเขาคงแทบพลิกแผ่นดินหา แต่ไม่รู้ว่าเวยเวยจะเป็นห่วงบ้างไหมนะ
เธอ......คงเป็นห่วงแหละ เพราะว่าตัวเองทำไปก็เพื่อช่วยเธอ ถึงยังไงแล้ว ก็เป็นเพราะแผนที่สมบัติที่อยู่ในมือทำให้เธอต้องเหนื่อยไปด้วย ตัวเองต้องช่วยเธอก็สมควรแล้ว
รถขับหมุนวนไปรอบๆเมืองSเป็นเวลานาน จากนั้นก็ไปจอดที่หน้าประตูตึกร้างสองชั้น ขณะนั้นเป็นเวลาเย็นแล้ว
เย่ฉ่าวเฉินถูกผลักเข้าไปที่ประตู ซิ้งเฉากำลังดื่มน้ำอย่างร้อนรน ดื่มเสร็จก็นั่งลงบนเก้าอี้และหอบ
เย่ฉ่าวเฉินนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัว มองไปที่ซิ้งเฉาอย่างจริงจังและถามว่า "มีคนกำลังไล่ตามแกหรอ?"
เขาลืมตาและมองไปที่เย่ฉ่าวเฉินไม่พูด
"ให้ฉันลองทายดูสิ้" เย่ฉ่าวเฉินพูดพร้อมกับยกขาและเอียงศีรษะ "อีกฝ่ายกำลังเล็งแผนที่สมบัติในมือแกล่ะสิ ใช่ไหม?"
ชายคนนั้นก็ยังไม่พูด
เย่ฉ่าวเฉินพูดต่อ "แกเพิ่งได้แผนที่สมบัติ อีกฝ่ายก็ได้ข่าวทันที สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ คนที่ไล่ตามแกให้แกมาแย่งแผนที่สมบัติไป เมื่อแกได้ไปก็เล่นตุกติก ทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิด เพราะงี้......”
"มึงช่วยหุบปากได้ไหมวะ!" ชายคนนั้นตะโกนออกมาด้วยควมโกรธ
เย่ฉ่าวเฉินเห็นปฏิกิริยาของเขาก็รู้เลยว่าตัวเองทายถูก แถมอีกฝ่ายต้องมีอำนาจแข็งแกร่งมากแน่นอน แกร่งจนซิ้งเฉาทำได้แค่วิ่งหนี ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นเขาก็ยิ่งยังไปไม่ได้
ผ่านมาครึ่งวัน คนเป็นสิบๆคนอยู่ในอาการกระวนกระวายนอกจากเย่ฉ่าวเฉิน โชคดีที่สถานการณ์เย็นลง อีกฝ่ายก็ไม่ไล่ตามแล้ว
ท้องฟ้ามืดลงเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าผู้คุ้มกันไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาจากไหนสิบกว่ากล่องสำหรับมื้อเย็น ซิ้งเฉาโยนให้เย่ฉ่าวเฉินหนึ่งกล่อง เขาไม่เคยกินของพวกนี้เพราะมันมีสารปรุงแต่งหลายสิบอย่างในกล่อง อาหารแบบนี้จะไม่ปรากฏบนโต๊ะอาหารของเขาแน่นอน แต่เมื่อเวลาคนหิวโหย ใครจะมามัวเรื่องมากกันล่ะ?
บางส่วนพักกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป บางส่วนเฝ้า อากาศร้อนอบอวลไปด้วยกลิ่นของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
เย่ฉ่าวเฉินกัดคำนึงรู้สึกว่ากลืนไม่ลง ในขณะที่กำลังจะกินคำที่สอง ก็มีเสียงวุ่นวายดังมาจากข้างนอก
ซิ้งเฉาที่อยู่ข้างๆเขาชักปืนออกมาอย่างรวดเร็วและวิ่งออกไป แต่ก่อนที่เขาจะวิ่งไปที่ประตู ประตูก็มีเสียงดัง “ปั๊ง” มีคนเตะเข้ามาก่อน ทันใดนั้นก็มีปืนจ่อเข้าที่หัวเขาทันที
"อย่าขยับ วางปืนลง" ผู้มาเยือนมองไปรอบๆห้องด้วยสายตาเย็นชาและหยุดชั่วขณะเมื่อเขาเดินผ่านเย่ฉ่าวเฉิน
ซิ้งเฉาค่อยๆก้าวถอยหลัง ตะโกนใส่ผู้คนที่บุกเข้ามา "อย่าหุนหัน พวกเราวางปืนลงทั้งหมดแล้ว"
เวลาต่อมา มีชายอีกคนเดินเข้ามาที่ประตู สูงหล่อเหลาและสวมเสื้อยืดสีขาว แต่เย่ฉ่าวเฉินสามารถมองออกในทันทีว่าเสื้อยืดดูธรรมดา แต่มีราคาแพงมาก
เขาเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังหรือเปล่านะ? ทันใดนั้นก็ได้ยินเขาพูดว่า "เฉาจื่อกัง กล้าดีจังเนอะ กล้ามาแตะต้องของของเจ้านาย?"
ที่แท้คนที่ชื่อซิ้งเฉา ก็คือเฉาจื่อกัง
"จางเหิง อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันจะกล้าเอาของของเจ้านายได้ยังไง" ความหยิ่งผยองของเฉาจื่อกังในช่วงสองวันที่ผ่านมาหายไปทั้งหมด กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆตัวหนึ่ง
"แล้วแกวิ่งหนีอะไร" จางเหิงหยุนถามอย่างใจเย็นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
เฉาจื่อกังถูกปืนจี้อยู่ที่ขาไม่สามารถหนีไปไหนได้ ยิ้มและพูดหยอก "จางเหิง คุณช่วยบอกให้พี่ชายพวกนี้วางปืนลงก่อนดีไหม? มีอะไรก็ค่อยๆคุยกัน"
“ เจ้านายบอกให้แกไปเอาของ แต่แกกลับคิดจะโกงกิน ฉันไม่มีพี่น้องแบบนี้”
เฉาจื่อกังอธิบายด้วยรอยยิ้มที่น่าอึดอัดใจ "จางเหิง คุณเข้าใจผิดแล้วจริงๆ ฉันไม่มีความคิดนั้นเลย ฉันแค่คิดว่านานๆกว่าจะได้ออกมาที ก็อยากพักผ่อนเที่ยวให้อิ่มแล้วค่อยกลับไป"
รอยยิ้มของจางเหิงยิ่งสดใสขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นไม่เข้าตา "งั้นแกอธิบายหน่อยสิ้ ทำไมโทรศัพท์แกถึงโทรไม่ติด? "
"ฉัน......ฉันทำโทรศัพท์หาย" เฉาจื่อกังพูดตะกุกตะกัก
เย่ฉ่าวเฉินนั่งอยู่ไม่ไกล ตั้งใจฟังบทสนทนาของพวกเขาและกำลังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จางเหิง? มันสะกดคำไหน? ไม่เคยจะได้ยินชื่อนี้เลย
"อ๋อ~ ทำโทรศัพท์หายแล้ว ตอนฉันไปหาแกที่บ้าน แกวิ่งหนีอะไรเอ่ย"
ดวงตาของเฉาจื่อกังร้อนรนเป็นไฟ ทันใดนั้นก็มองไปที่เย่ฉ่าวเฉินและพูดว่า "ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าเป็นคุณ ฉันคิดว่าเป็นลูกน้องของเย่ฉ่าวเฉิน ดังนั้นก็เลยรีบออกมาจากที่นั่น"
ทันทีที่เขาพูดในสิ่งนี้ออกมา จางเหิงก็ชกเข้าที่หน้าท้องอย่างแรง รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปหมด "เฉาจื่อกกัง แกคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรอ? จะมาเชื่อนิทานหลอกเด็กแบบนี้”
เฉาจื่อกังก้มตัวลงและจับหน้าท้องของเขา "จางเหิง สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง"
จางเหิงชกเขาอีกครั้งแรงกว่าเดิม จนเย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วขณะที่เขาฟัง "ฉันว่าแกคงลืมไปแล้วล่ะว่าทรยศเจ้านายสุดท้ายมันเป็นไง"
เฉาจื่อกังเงยหน้าขึ้นมองเขา "แกอยากฆ่าฉัน?"
“ไม่ใช่ฉันอยากฆ่า แต่เป็นเจ้านายที่อยากฆ่าแก ฉันก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”
"แกไม่มีสิทธิ์นั้น ฉันอยากเจอเจ้านาย" เฉาจื่อกังตะโกนใส่เขา
"ตั้งแต่แกคิดจะทรยศเจ้านาย แกก็หมดโอกาสตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เฉาจื่อกัง เอาของคืนมา ฉันจะลงมืออย่างรวดเร็วไม่ต้องทนทุกข์ทรมานก่อนลงไปยมโลก...... "
เฉาจื่อกังเงียบไปครู่หนึ่งและในที่สุดก็ถอนหายใจและพูดว่า "เอาล่ะ คราวนี้ฉันจะยอมรับ แต่พี่น้องเหล่านี้พวกเขาไม่เกี่ยวข้อง อย่าทำอะไรพวกเขา"
"ได้ ฉันรับปาก" จางเหิงสัญญาทันทีและเขาก็ไม่ได้อยากฆ่าคนมากขนาดนี้
เฉาจื่อกังยืดตัวขึ้นและเอื้อมมือไปหยิบแผนที่ขุมสมบัติจากกระเป๋าของเขา ใช้โอกาสตอนนี้ คนถือปืนไม่ระวัง เขารีบไปคว้าปืนจากนั้นก็ล้มลงในการชุลมุน
นี่เป็นเรื่องความเป็นความตาย เฉาจื่อกัง ใช้ทักษะเกือบทั้งหมดในการจัดการกับคนทั้งหมดที่จางเหิงพามา
และเย่ฉ่าวเฉินคนที่ถูกมัดกลายเป็นคนที่ไม่มีใครสังเกตเห็น สิ่งที่เขาทำได้มากที่สุดในระยะประชิดนี้คือหลีกเลี่ยงคนที่ชนเขาอย่างกะทันหัน
ไม่กี่นาทีต่อมา การชุลมุนสิ้นสุดลงด้วยกระสุนปืน เฉาจื่อกังถูกยิงเข้าที่หน้าอกและล้มลงกับพื้น ทันใดนั้นเลือดสีแดงก็เปื้อนกระเบื้องพื้น
"พวกมึงทุกคนอยากตายตามมันไปไหม?" จางเหิง เหลือบมองไปที่คนของเฉาจื่อกัง หลายสิบคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ก้มศีรษะของพวกเขาสำหรับคนเหล่านี้มันเป็นงานยากที่จะติดตามใครก็ได้ แต่จำเป็นต้องเอาชีวิตรอดจากความตายก่อน
จางเหิง พอใจกับการแสดงของพวกเขามาก ก้มตัวและพลิกกระเป๋ากางเกงของเฉาจื่อกัง และพบแผนที่ขุมสมบัติขาดครึ่งในกระเป๋าซ้ายของเขา
ของล้ำค่าขนาดนี้ เฉาจื่อกังต้องเอาไว้ใกล้ตัว เก็บไว้ที่ห้องหรือในรถเขาไม่ไว้ใจแน่นอน
จางเหิงวางแผนที่เข้าด้วยกันและดูอย่างระมัดระวัง เขาขมวดคิ้วเพราะเห็นว่าแผนที่นี้ยังไม่สมบูรณ์
จางเหิงเดินไปที่ฝั่งตรงข้ามของเย่ฉ่าวเฉิน โดยแยกโต๊ะออกจากเขาและท่าทีของเขาค่อนข้างใจดี“ คุณเย่ ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว”
เย่ฉ่าวเฉินนั่งบนเก้าอี้ วางมือบนหัวใจและมองไปที่เขาด้วยสายตาที่ไม่แยแส "ชมเกินไปแล้ว"
“ คุณเย่ ทำไมแผนที่อันนี้ถึงไม่สมบูรณ์?” จางเหิงมองเขาอย่างลังเล
เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะเยาะ "ฉันจะรู้ได้ยังไง? แต่ที่แน่ๆ ตอนที่ฉันเอาให้เฉาจื่อกังมันสมบูรณ์แบบแล้ว"
ร่องรอยความสงสัยคืบคลานผ่านดวงตาของ จางเหิงเขาไม่เห็นว่าแผนที่ขุมสมบัติหน้าตาเป็นอย่างไรและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเฉาจื่อกัง และเย่ฉ่าวเฉิน ตอนนี้เย่ฉ่าวเฉินบอกว่ามันสมบูรณ์แล้ว แล้วส่วนที่เหลือล่ะ?
รู้แบบนี้ไม่น่ารีบฆ่าเฉาจื่อกังเลย คนตายมันพูดไม่ได้
จางเหิงจ้องไปที่เย่ฉ่าวเฉินโดยไม่เห็นความตึงเครียดใดๆบนใบหน้าของเขา เขาพูดความจริงหรือว่าเขาใจกล้า จางเหิงเรียกลูกน้องของเฉาจื่อกังมาและถามเขาว่า "เฉาจื่อกังเคยบอกอะไรเกี่ยวกับแผนที่นี้ไหม?"
"ไม่เคย เขาไม่เคยพูดถึงแผนที่ต่อหน้าพวกเราเลย"
สายตาจางเหิงจ้องกลับไปที่เย่ฉ่าวเฉินอีกครั้ง เขาขี้เกียจพูดเรื่องไร้สาระและชักปืนออกมาจ่อที่ขมับของเขาโดยตรง“ ถ้าแกไม่พูด งั้นคุณเย่ก็ไม่มีค่าอะไรแล้ว ถ้าอย่างงั้นก็ไปอยู่กับเฉาจื่อกัง ระหว่างไปยมโลกพวกแกจะได้เป็นเพื่อนร่วมทางกันด้วย "
เย่ฉ่าวเฉินกัดฟัน จางเหิงเป็นคนที่โหดเหี้ยม เขากล้าพูดกล้าทำแน่
"เอาล่ะ ฉันยอมรับว่าแผนที่นี้ไม่สมบูรณ์"
“ แล้วที่เหลือล่ะ?”
"ฉันเก็บมันไว้ในห้องนิรภัยในเมือง A" เย่ฉ่าวเฉินพูดอ้างคำนี้ออกไป ถึงยังไงก็ไม่มีใครเห็นอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงสามารถวาดใหม่ได้ในตอนนั้น
จางเหิงจ้องมองเขาอย่างดุร้ายราวกับว่ากำลังตัดสินความจริงจากสิ่งที่เขาพูด
"คุณเย่ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ล้อเล่นกับฉัน"
เย่ฉ่าวเฉินตะคอกอย่างเย็นชา“ ถ้าไม่เชื่อ แกก็ไปที่ห้องนิรภัยในเมือง A ตรวจสอบดูว่าฉันเก็บอะไรไว้ในนั้นก็ได้”
จางเหิงมีพิรุธและจ้องมองเขาโดยไม่พูด
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างใจเย็น "คุณจางใช่ไหม ฉันอยากรู้จริงๆว่าเจ้านายของคุณคือใคร"
จางเหิงยิ้ม "ขอโทษด้วย อันนี้ฉันบอกไม่ได้"
"เหอะ ขโมยของๆฉัน แต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะบอกชื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเจ้านายขี้ขลาดขนาดนี้ ทำไมกลัวเย่ฉ่าวเฉินอย่างฉันกลับไปแก้แค้นหรอ?”
เมื่อจางเหิงได้ยินคำพูดของเขา ดวงตาของเขาก็โหดร้ายมาก กำหมัดแน่นจะชกเขา เย่ฉ่าวเฉินปฏิกิริยาเร็ว ยกขาขึ้นเตะขอบโต๊ะอย่างรวดเร็วโต๊ะก็พุ่งเข้าไปหาจางเหิง เขารีบหลบไปอีกด้าน โต๊ะที่เต็มไปด้วยกล่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคว่ำ น้ำซุปและบะหมี่ก็กระจัดกระจาย ทำให้น้ำซุปจำนวนมากกระเด็นใส่จางเหิง
"เย่ฉ่าวเฉิน มึงรนหาที่ตายหรอ"
ทันทีที่จางเหิงพูดเช่นนี้ ปืนทั้งหมดก็เล็งไปที่เย่ฉ่าวเฉิน
เย่ฉ่าวเฉิน เหลือบมองอย่างเฉยชา "คุณจาง ถึงคุณจะเป็นนักเลงที่น่าเกรงขามขนาดไหน ต่อให้อยากเอาชีวิตฉัน ก็ต้องให้ฉันรู้ก่อนว่าจะตายเพราะฝีมือใคร"
จางเหิงหายใจเข้าลึกๆบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์และยิ้มที่มุมปากพูดว่า “ คุณเย่ เรายังไม่ได้แผนที่สมบัติที่เหลืออยู่ เราจะปล่อยให้คุณตายได้อย่างไง? ดังนั้น คุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเจ้านายพวกเราคือใคร"
เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าคำตอบต้องเป็นแบบนี้และยังคงเยาะเย้ยเขาต่อไป "ดูแล้วก็เป็นคนขี้ขลาดจริงๆ โอเค ฉันก็จะไม่ถามถึงคนขี้ขลาดแบบนี้ มันไม่สมกับเป็นคู่ต่อสู้ของเย่ฉ่าวเฉินแบบฉัน"
จางเหิงกำหมัดแน่น อยากต่อยเข้าไปที่หน้าของคนหยิ่งผยองคนนี้
"พวกแก พามันไปขังไว้ที่ห้อง พรุ่งนี้ออกเดินทางไปที่เมืองA" จางเหิงพูดอย่างโกรธ ๆ
“จะว่าไปแล้วแกก็ใจกล้ากว่าเฉาจื่อกัง เขาต้องการแผนที่สมบัติที่เหลืออยู่ แต่ไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปเมือง A ไม่รู้ว่าเขาเป็นเสือยังไงถึงไม่กล้าเข้าถ้ำเสือ? มันหนะทำการใหญ่ไม่ได้หรอก” เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจและตามผู้คุ้มกันไปที่ห้อง
......
ค่ำคืนที่มีแต่ความเงียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...