“ฉัน……ตอนบ่ายฉันพึ่งมาถึง”เสี่ยวซีหร่านมีความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ น้อยครั้งมากที่เธอจะพูดโกหกโดยเฉพาะกับเพื่อน
“อย่างนั้นหรอ?ถ้างั้นตอนเย็นวันนี้มาเจอกันหน่อยไหม?ตอนเย็นพวกเรามาทานข้าวกัน ครั้งก่อนนี้ขอโทษมากๆ ที่ฉัน……”
เสี่ยวซีหร่านได้พูดตัดประโยคของเธอ“เย็นวันนี้ไม่ได้ ฉันมีนัดคุยธุระกับคนอื่นแล้ว แต่ว่าครั้งนี้ฉันมาเมืองAและอยู่ที่นี่นานหน่อย ประมาณสองวันจากนี้ ฉันก็ทำธุระเสร็จเกือบหมดแล้วไว้ฉันจะโทรหาเธอนะ”
มู่เวยเวยรู้สึกดีใจมากๆ และดูเหมือนว่าเรื่องที่หดหูใจของวันนี้จะถูกกลืนหายไปจดหมด“ก็ได้ๆ เธอต้องไม่ลืมนะ”
“แน่นอน เธอซื้ออะไรหนะ?”เสี่ยวซีหร่านมองพนักงานขายหยิบเอาของขวัญกล่องเล็กๆส่งมาให้กับมู่เวยเวย เธอจึงถามด้วยความสงสัย
“เค้กเกาลัด เธอล่ะจะซื้ออะไร?”
เสี่ยวซีหร่านก้มหน้าลงมองดูสินค้าหลากหลายอย่างที่อยู่ในตู้กระจกใส ทุกชิ้นชวนให้น้ำลายไหล แต่เลือกไม่ถูกเลยว่าต้องการชิ้นไหน “เธอแนะนำให้สักอย่างสิ กับร้านนี้ฉันไม่ค่อยมีความรู้เท่าไร”
มู่เวยเวยถือว่าเป็นผู้มีความชำนาญทางด้านขนมหวาน เธอชี้ไปที่เค้กที่ดูประณีตที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับพูดว่า“นี่คือเค้กช็อกโกแล็ต รสชาติเข้มข้นมีความขมฝาดปนอยู่เล็กน้อย นี่คือชีสเค้ก ทานไปแล้วให้ความรู้สึกละมุนอยู่ในปาก ส่วนชิ้นนี้เป็นเค้กผลไม้ เธอลองดูสิที่ด้านในของมันมีสตอเบอรี่ ลูกท้อ คุกกี้และอื่นๆมากมายแทรกอยู่เป็นชั้นๆ เมื่อเอาช้อนตักลงไปในหนึ่งคำก็จะรวมส่วนผสมทั้งหมดไว้ด้วยกัน……”
ตอนที่มู่เวยเวยพูดแนะนำเค้กไปสี่ถึงห้าอย่าง เสี่ยวซีหร่านที่ฟังอยู่ก็รู้สึกว้าวๆขึ้นมาด้วยความเซอร์ไพรส์ แม้แต่เจ้าของร้านก็มีความรู้สึกตะลึงเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าจะมีลูกค้าที่เข้าใจขนมหวานของร้านได้ดีขนาดนี้
“เป็นอย่างไรบ้าง?อยากทานอันไหน?”มู่เวยเวยมีความรู้สึกเต็มไปด้วยความสนใจ
เสี่ยวซีหร่านชี้ไปในตู้และพูดขึ้นว่า“ต้องการเค้กช็อกโกแล็ตและเค้กผลไม้กลับบ้านค่ะ”
“ตกลง กรุณารอสักครู่”
เสี่ยวซีหร่านมองมู่เวยเวยด้วยความสงสัย “ไม่นึกเลยว่าเธอจะเข้าใจเรื่องขนมหวานได้มากถึงเพียงนี้”
มู่เวยเวยรู้สึกเขินๆอยู่นิดๆ“ฉันชอบทานขนมหวาน ดังนั้นจึงมีความรู้เรื่องนี้อยู่มาก”
“ช่วงนี้เธอกำลังยุ่งอยู่กับงานอะไรอยู่?”
“ไม่มีนะ อ่อใช้แล้ว ฉันเข้าร่วมการแข่งขันงานออกแบบเสื้อผ้าระดับประเทศ ตอนนี้ผ่านรอบการคัดเลือกแล้ว จึงยุ่งๆอยู่กับการคิดออกแบบอยู่”
“ยินดีด้วย ” เสี่ยวซีหร่านพูดชื้นชมด้วยความรู้สึกที่ออกมาจากใจ
ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน ขนมเค้กก็ห่อเสร็จ เสี่ยวซีหร่านทำการจ่ายเงิน จากนั้นก็ออกจากร้านขนมเค้กพร้อมกัน
“ฉันไปก่อนล่ะ มีอะไรก็ติดต่อมา”เสี่ยวซีหร่านโบกมือลาเธอ
มู่เวยเวยมองเห็นรถเก๋งคันสีดำที่จอดอยู่ข้างทาง เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับถามขึ้นว่า“เป็นเพื่อนคนนั้นของเธอหรือเปล่า?”
เสี่ยวซีหร่านยอมรับอย่างเต็มอก“อืม เขานั่นแหละ”
“ฉันเจอเขาได้ไหม?อยากเห็นชัดๆว่าเขามีรูปร่างหน้าตายังไง”มู่เวยเวยขอร้องเขย่าไปที่แขนของเธอพร้อมกับเอาศีรษะคลอเคลียที่ไหล่ของเธอ
แน่นอนว่าเสี่ยวซีหร่านต้องปฏิเสธ“อย่างนี้เกรงว่าจะไม่ได้ เขาไม่ชอบเจอคนแปลกหน้า ถ้าหากว่าเธอปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาอย่างกะทันหัน เขาก็คงจะโกรธมากแน่ๆ,”
มู่เวยเวยมองเธอด้วยรู้สึกตกใจ “ซีหร่าน นึกไม่ถึงว่าเธอจะกลัวผู้ชายคนหนึ่งโกรธ?”
เสี่ยวซีหร่านค่อยๆใช้สองมือของเธอตบเบาๆที่ใบหน้าของมู่เวยเวย“เอาล่ะ อย่างมาพูดหว่านล้อมฉันเลย รอให้เวลาเหมาะสม เธอก็จะพบเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติเอง”
มู่เวยเวยรู้สึกผิดหวังพร้อมกับทำท่ายักไหล่ “อย่างนั้นฉันจะรอเธอโทรมานะ ไปก่อนล่ะ บายๆ”
“บายๆ”
เมื่อกลับถึงรถ เสี่ยวซีหร่านเอาขนมเค้กที่ซื้อมาวางไว้ตรงที่นั่งทางด้านหลัง พอรถเคลื่อนที่มู่เทียนเย่จึงถามเธอขึ้นว่า“เมืองAเล็กมากๆเลยหรอ มาที่นี่ก็สามารถเจอได้”
เสี่ยวซีหร่านยิ้มพร้อมกับตอบกลับว่า“ใช้แล้ว ฉันก็รู้สึกว่ามันช่างบังเอิญจริงๆ สาวน้อยยังเอะอะที่อยากจะมาดูความเทพของคุณด้วยนะ แต่ถูกฉันหยุดไว้ได้ก่อน”
“อะไรคือความเทพล่ะ?”
“รูปร่างหน้าตา”เสี่ยวซีหร่านยื่นมือออกไปจับที่ปลายคางของเขาพร้อมกับยิ้ม “อันที่จริงที่ฉันชอบคุณก็เพราะใบหน้านี้ของคุณ”
“หา? อย่างนั้นฉันต้องขอบคุณพ่อแม่ของฉันที่ให้ใบหน้านี้กับฉันมาและทำให้เกิดเธอเกิดความชื่นชอบขึ้น ”
“ดังนั้นก็ต้องดูแลมันดีๆนะ หากว่าวันไหนเกิดดูไม่หล่อขึ้นมาล่ะก็ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะไปชอบผู้ชายคนอื่นก็เป็นได้”
มู่เทียนเย่ฉีกยิ้มเล็กน้อย “เธอยอมแพ้ซะเถอะ เธอหาไม่เจอแล้วล่ะ”
“อวดดีนะ”
ไม่ไกลจากตรงนั้น มู่เวยเวยใช้สายตามองรถคันนั้นค่อยๆจากๆไป สมองของเธอค่อยๆนึกขึ้นมาได้ว่าวันที่ฝนตกหนักวันนั้นดูเหมือนว่าเคยเห็นรถที่รูปร่างลักษณะแบบนี้……
บ้าแล้วๆ มู่เวยเวยส่ายหน้าไปมา เธออาจจะคิดมากไป รถเล็กสีดำที่ลักษณะแบบนี้บนท้องถนนก็มีมากมายถมเถไป
ตอนที่กลับมาถึงคฤหาสน์ เย่ฉ่าวเฉินก็เลิกงานและกลับมาบ้านแล้ว
เรื่องที่เธอเล่ามาวันนี้เป็นเรื่องที่เย่ฉ่าวเฉินพอจะเดาได้ เพราะว่าวันนั้นที่ฝนตก เขาให้คนไปที่บ้านตระกูลมู่ตรวจดูทุกๆห้องแล้ว ดังนั้นจึงอนุญาตให้เธอไปดูที่บ้านได้ด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดในตัวเขาเอง
แต่แปลกตรงที่ นึกไม่ถึงว่าท่าทางของเธอจะไม่ได้ดูว่าเศร้าเสียใจเท่าไหร่ เมื่อถามถึง จึงรู้ว่าเธอพบกับเสี่ยวซีหร่านแล้ว
เย่ฉ่าวเฉินเม้มปากแน่นไม่พูดไม่จาอะไร ผู้หญิงที่น่ารำคาญคนนี้ทำไมถึงได้มาที่เมืองAอีกแล้วล่ะ?
ผ่านการลงมือก่อสร้างมาแล้วห้าเดือน สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดของเมืองAกำลังจะสร้างเสร็จแล้ว เพื่อเป็นการส่งมอบงานที่สมบูรณ์แบบ เกือบจะทุกวันที่เย่ฉ่าวเฉินและฉู่เซวียนหมกมุ่นอยู่ที่ไซต์งานก่อสร้าง
ถึงอย่างนั้น เรื่องที่เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกกังวลใจมากที่สุดวันนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
คนงานคนหนึ่งได้ตกลงมาจากนั่งร้านสูง แล้วเสียชีวิตคาที
เย่ฉ่าวเฉินและฉู่เซวียนรีบบึ่งไปยังสถานที่เกิดเหตุ ศพล้วนมีแต่เลือดเต็มไปหมด สมองกระแทกพื้นเละ น่าสยดสยอง
เย่ฉ่าวเฉินรีบตัดสินใจโดยทันที เขาเรียกคนงานทั้งหมดมารวมตัวกัน และพูดกับหัวหน้าผู้ดูแลว่า“รีบติดต่อครอบครัวของคนที่ประสบเหตุ พวกเรามาร่วมปรึกษาหารือกันอย่างส่วนตัว ยังมีอีก อย่าให้ลูกน้องของคุณพูดมากไป ไม่ว่าใครจะมาถาม ก็ตอบไปว่าไม่รู้เรื่อง โดยเฉพาะพวกสื่อมวลชน”
“ทราบแล้วประธานเย่”
เย่ฉ่าวเฉินพูดกับหัวหน้าแผนกวิศวกรรมเฉินข่าย“ใครก็ไม่สามารถให้เข้ามาได้ อีกเรื่องก็คือให้แจ้งกับห้องจัดงานศพทราบและรีบเคลื่อนย้ายศพออกไป”
“ครับ ประธานเย่”
ฉู่เซวียนรอให้เขาจัดการขั้นตอนต่างๆเสร็จเรียบร้อย จึงถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า“หรือว่าไม่ควรจะแจ้งตำรวจให้ทราบเรื่องหรอ?”
เย่ฉ่าวเฉินชำเลืองตามองเขาหนึ่งครั้ง“ตำรวจยุ่งจะตาย พวกเราไม่อยากให้เขามีงานยุ่งมากยิ่งขึ้น”
“แต่ว่า เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเรื่องชีวิตของคน……”
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างเย็นชาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ประธานฉู่ คุณไม่เข้าใจในการจัดการตามขั้นตอนของที่นี่ ที่นี่หนะ หากว่าปกปิดให้เป็นส่วนตัวได้ก็ต้องปกปิด หรือว่าที่โรงพยาบาลมีคนตายหนึ่งคนก็ต้องแจ้งให้ตำรวจทราบล่ะ?อีกแค่สามวันสวนสนุกแห่งนี้ก็จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว มาจนถึงขั้นนี้แล้วฉันไม่อยากจะให้มันเป็นข่าวใหญ่ ชั่งอัปมงคลเสียจริงเลย”
ฉู่เซวียนจำใจ เพราะเขาก็ไม่เข้าใจจริงๆนั้นแหละ แต่ว่าเขากับเย่ฉ่าวเฉินก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ก่อนที่จะทำการเปิดสถานที่นี้ ไม่อยากให้มีข่าวเชิงลบออกมา
เย่ฉ่าวเฉินยืนอยู่ในที่เกิดเหตุอยู่สักพัก ประกันได้เข้ามาพบ จากนั้นเขาได้โทรศัพท์หาเพื่อนที่เป็นนักตรวจสอบ
“เว่ยจื่อ คนที่ไซต์งานก่อสร้างของผมเสียชีวิตหนึ่งราย ผมอยากแจ้งให้คุณทราบก่อน หากว่ามีคนเข้าไปหาคุณทางนั้น ช่วยส่งข้อความบอกผมด้วย”
“เสียชีวิตยังไง?”
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่นั่งร้านที่มีความสูงสิบกว่าเมตรและพูดว่า“ตกลงมาจากที่สูง ตายคาที่”
“ได้ ฉันทราบแล้ว”
คนที่เสียชีวิตไม่ใช่คนในพื้นที่ ญาติของเขาหลังจากที่ได้ทราบข่าวก็รีบมาจากบ้านเกิดเข้ามาที่เมือง A เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ทำการออกหน้า แต่จัดการให้เฉินข่ายไปรับหน้าพูดคุย ไม่ว่าจะต่อรองอะไร หากว่าไม่เป็นการมากเกินไป ก็สามารถรับข้อเสนอไว้ได้ทั้งหมด
เย่ฉ่าวเฉินกับฉู่เซวียนนั่งรอข่าวที่ไซต์งานก่อสร้าง สามชั่วโมงหลังจากนั้น เฉินข่ายก็โทรศัพท์มาหา
“ประธานเย่ ทางครอบครัวเขาได้เรียกร้องเงินชดเชยเป็นจำนวนหกล้านบาท นอกจากนั้นก็ยังต้องการที่ให้เราหางานให้กับลูกชายของเขาด้วย”
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว เขาไม่ค่อยจะชอบการที่มาถ่วงเวลา และปัญหาที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น
“บอกพวกเขาว่า ชดเชยให้ทั้งหมดเจ็ดล้านห้า เรื่องอื่นไม่ขอยุ่งเกี่ยว นี่เป็นข้อเสนอสุดท้าย”
“ตกลง”
และเมื่อเฉินข่ายกลับไปคุยกับทางครอบครัวผู้เสียชีวิตอยู่นาน เขาก็ได้โทรศัพท์กลับมาว่า ทางครอบครัวตกลงรับข้อเสนอนี้
“ได้ รีบจัดการเผาศพคนตายได้เลย และรีบส่งครอบครัวผู้เสียชีวิตกลับไป ขอเลขที่บัญชีหนึ่งบัญชี ฉันต้องการที่จะโอนเงินให้พวกเขาไปวันนี้เลย”
นับตั้งแต่เกิดเรื่องจนจัดการเรื่องเสร็จเรียบร้อย ใช้เวลาเพียงแค่สิบชั่วโมง เรื่องของคนงานผู้นี้ราวกับว่าระเหยไปเหมือนกับไอน้ำ ร่องรอยอะไรก็ไม่ได้หลงเหลือไว้
คิดว่าเรื่องนี้จะผ่านเลยไปได้โดยเรียบง่ายอย่างนั้นหรอ
ไม่นึกเลยว่าตอนเช้าของวันที่สอง ข่าวโด่งดังในอินเตอร์เน็ตเรื่องคนในไซต์งานก่อสร้างของสวนสนุกเสียชีวิตจะเป็นข่าวดัง ยังมีรูปแปะมาด้วยหนึ่งรูปแถมไม่ได้ทำการเซ็นเซอร์ ทำให้คนที่เห็นภาพรู้สึกเกิดความหวาดเสียวไปตามๆกัน
เย่ฉ่าวเฉินเห็นข่าวนี้ตอนที่กำลังทานอาหารเช้าอยู่ ทันใดนั้นเขาก็เกิดโมโหขึ้นจนกินข้าวไม่ลง
“จางเห่อ”เย่ฉ่าวเฉินตะโกนร้องเรียงเสียงดัง จางเห่อรีบวิ่งเข้ามา
“ไปตรวจสอบหน่อยว่า ใครเป็นคนเอาข่าวพวกนี้แพร่ออกไป”เย่ฉ่าวเฉินกำมือแน่จนเห็นเส้นเลือดและเส้นเอ็นที่แขน จางเห่อตอบรับจากนั้นก็รีบออกไป
ยังดีที่ศพถูกเผาในคืนนั้น และญาติผู้เสียชีวิตก็ถูกส่งกลับหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ
มู่เวยเวยไม่ค่อยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย รู้เพียงว่าที่ไซต์งานก่อสร้างเกิดเรื่องที่มีคนงานเสียชีวิต แต่เย่ฉ่าวเฉินจัดการปกปิดเรื่องพวกนี้อย่างดีแล้ว
“จะเป็นไปได้ไหมว่ามีคนตั้งใจอยู่เบื้องหลังและเป็นคนทำเรื่องพวกนี้?”มู่เวยเวยถามเขา
เย่ฉ่าวเฉินมีสายตาเย็นชาและแผงไปความคิดชั่วร้ายอยู่ข้างใน“เชอะ ตอนที่สวนสนุกถูกสร้างขึ้นมา ไม่รู้ว่าขัดผลประโยชน์ของนักธุระกิจกี่คนต่อกี่คน แน่นอนว่าพวกเขาต้องหวังเป็นอย่างยิ่งว่าก่อนเปิดสวนสนุกอย่างเป็นทางการก็จะอยากให้มันเสียชื่อเสียงเละเทะ คนที่ต้องการจะยื่นแขนขาเข้ามาขัดแน่นอนว่ามีจำนวนไม่น้อยเลย”
“อย่างนั้นคุณเตรียมจะจัดการทำยังไง?”
เย่ฉ่าวเฉินยืดอกมั่นใจ“คนที่เสียชีวิตไปเราได้ทำการส่งญาติเขากลับบ้านไปแล้ว หากว่าไม่มีคำพูดของพวกเขาออกมา ก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก ถ้าจะอาศัยเพียงรูปภาพๆเดียวทำให้สวนสนุกมีชื่อเสียงมัวหมอง อย่างนั้นมันจะไม่เป็นการฝันหวานไปหน่อยหรอ ”
“อย่างนั้นคุณเลือกวันที่จะทำการเปิดแล้วหรอ?”
“ยังเลย ยังมีคนงานกว่าร้อยคนที่ทำการฝึกอบรมงานอยู่ในสวนสนุก และตอนนี้ก็มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หรือว่าฉันต้องรีบหาคนมากำหนดฤกษ์เปิดงานในเร็วๆนี้ซะแล้ว”
มู่เวยเวยครุ่นคิดอยู่สักพักจากนั้นก็พูดขึ้นว่า“ เอาเป็นเลื่อนไปอีกสักเดือนจะดีไหม หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไปค่อยทำการตัดริบบิ้นเปิดงาน”
“เพราะอะไร?”เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยความสงสัย
มู่เวยเวยมีท่าทางเคร่งขรึม“อีกหนึ่งเดือน ฉันกับชายหน้ากากสีเงินก็จะถึงกำหนดเวลานัดแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ฉันคิดว่าต้องดึงฉู่เซวียนเอาไว้จะเป็นการดีที่สุด หากว่าสวนสนุกแห่งนี้เปิดทำการแล้ว ฉู่เซวียนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป เมื่อเขาไป ในมือของพวกเราก็จะขาดน้ำหนักไปอีกหนึ่ง”
เย่ฉ่าวเฉินเกือบจะลืมเรื่องนี้แล้ว เมื่อมู่เวยเวยพูดเตือนสติ เขาจึงได้นึกถึงความสำคัญของฉู่เซวียนขึ้นได้
“เธอพูดถูก อันที่จริงฉู่เซวียนเดินเข้ามาหาเราเอง พวกเราก็จะไม่ยอมให้เขาไปโดยเปล่าประโยชน์”
“และการยืดเวลาออกไปอีกหนึ่งเดือนก็จะทำให้คุณทำงานสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์แบบ การเปิดกิจการที่ลวกๆแบบนี้ ก็ไม่เท่ากับการรอเวลาให้ทุกอย่างเตรียมพร้อมจนเสร็จเพื่อให้แขกและลูกค้าได้เห็นสิ่งที่ดีที่สุด”
เย่ฉ่าวเฉินใช้สายตาที่แปลกประหลาดมองไปที่มู่เวยเวย รู้สึกว่าระยะเวลาเพียงคืนเดียวเธอก็กลับมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
มู่เวยเวยเห็นสายตาของเขา เธอจึงยิ้มและพูดออกมาว่า “คุณอย่ามามองฉันแบบนี้นะ อันที่จริงความคิดนี้ก็เหมือนกับการออกแบบเสื้อผ้า ใช้เวลาสามวันทำเสื้อผ้าออกมาก็คงไม่สวยดูดีเท่าใช้เวลาหนึ่งเดือน ดังนั้นทำอย่างช้าๆย่อมทำออกมาได้อย่างละเอียดอ่อนกว่า”
“ถูกต้อง”เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้าไปใกล้ๆเธอ และจ้องไปที่ตาของเธอพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ฉันรู้สึกว่าเธอจะเปลี่ยนไปมากเลย”
“จริงหรอ?คนย่อมโตขึ้นจริงไหม นั่นถึงจะเป็นรื่องปกติ ”มู่เวยเวยไม่เปลี่ยนสีหน้าพร้อมกับทานโจ๊กที่อยู่ในชาม
เธอโตขึ้นจริงๆ แต่ก็เสียอะไรไปมาก
หากว่าเลือกได้ เธอคงยอมที่จะเป็นเด็กตลอดไป
……
รถกำลังอยู่ระหว่างทางวิ่งไปที่บริษัท เลขาหลิวก็โทรศัพท์มาบอกว่ามีกองทัพนักข่าวกว่าสิบคนปิดล้อมที่หน้าบริษัทเพื่อรอสัมภาษณ์เขา ให้เย่ฉ่าวเฉินขึ้นลิฟท์มาจากที่จอดรถเลย
“นักข่าวพวกนี้วันๆว่างมากหรือยังไง ?ปีนี้มาตั้งกี่ครั้งแล้ว?”เย่ฉ่าวเฉินบ่น
น้อยครั้งมากที่มู่เวยเวยจะอธิบาย“ไม่ใช่ว่าพวกเขาชอบมาหาคุณ แต่เป็นเพราะคนที่มีเงินและอยู่เบื้องหลังของพวกเขาชอบที่จะมาหาคุณ ตอนนี้พวกสื่อมวลชนล้วนแล้วแต่พึ่งเงินจากผู้ประกอบการโฆษณาในการเลี้ยงชีพ ใครจ่ายเงินเดือนให้กับพวกเขา พวกเขาก็จะขายข่าวให้คนนั้นเพื่อให้พวกคนเหล่านั้นได้หน้า ประกอบกับที่คุณเป็นคนที่มีชื่อเสียง ยิ่งจะดึงดูดสายตาของประชาชนมากมาย นักข่าวเล็กๆพวกนี้ก็จำใจที่จะต้องทำ ”
เย่ฉ่าวเฉินมองเธอด้วยสายตาที่แปลกๆ“ทำไมเธอถึงได้เข้าใจอาชีพนี้ล่ะ?”
“เมื่อก่อนตอนที่เรียนพวกเรามีอาจารย์ที่เคยทำอาชีพสื่อมวลชนมาก่อน ตอนอยู่ในชั่วโมงบางครั้งก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ฉันคิดว่ามันน่าสนใจจึงจำได้”
เมื่อถึงบริษัท เย่ฉ่าวเฉินได้เรียกให้หัวหน้าฝ่ายโฆษณาเข้ามาพบ“ลงไปเรียกนักข่าวพวกนั้นขึ้นมา ตอนเก้าโมงครึ่ง ผมจะยอมรับการให้สัมภาษณ์”
“ประธานเย่?คุณไม่ได้บอกว่าให้เหยียบข่าวเอาไว้หรอ?”หัวหน้าแผนกคนสวยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยสีหน้าที่เป็นปกติ “ตอนที่ข่าวยังไม่ได้หลุดออกไป แน่นอนว่าจะต้องเหยียบเอาไว้ แต่ตอนนี้เรื่องเกิดขึ้นมาแล้ว คิดว่าต้องเผชิญหน้าจัดการกับมันจึงจะถูก เพื่อเป็นการป้องกันว่าจะมีคนใส่ไฟเข้าไปอีก”
“อ้อ ทราบแล้ว”
ภายในหนึ่งเดือนมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ข่าวที่ดังในสังคมตอนนี้คือเรื่องที่มีคนงานก่อสร้างคนหนึ่งเสียชีวิตมันก็เหมือนกับพายุที่พัดมาระลอกหนึ่ง หากวันนี้พัดผ่านไปได้แล้ว พรุ่งนี้ก็อาจจะไม่เห็นเงาของมันเลยก็เป็นไปได้
ถ้าเหยียบเอาไว้ก็ยิ่งจะทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังไม่หยุดที่จะสุ่มไฟ ไม่เท่ากับยอมรับไปตรงๆ และทำให้คนที่ทำการปลุกปั่นเงียบปากไปในที่สุด
พอถึงตอนเก้าโมงครึ่ง เย่ฉ่าวฉินมาถึงยังห้องประชุม กล้องถ่ายภาพ แสงสีเสียง ไมโครโฟนล้วนเตรียมพร้อมวางอยู่ต่อหน้าของเขา
เย่ฉ่าวเฉินมองไปรอบๆ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มและพูดขึ้นว่า“ได้ยินมาว่าเพื่อนๆพี่ๆนักข่าวมากันตั้งแต่เช้าไม่ทันได้ทานข้าวก็รีบมากันแล้ว ลำบากทุกท่านจริงๆ”
พวกนักข่าวที่ได้ฟังรู้สึกเหมือนกับว่าพูดเสียดสีพวกเขา
“ประธานเย่ คุณสามารถอธิบายเรื่องเมื่อวานตอนบ่ายที่ไซต์งานก่อสร้างให้ฟังโดยละเอียดได้ไหม?”นักข่าวหญิงคนหนึ่งยิงคำถามยาก
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธอจากนั้นก็มีท่าทีเมินเฉย“ผมมาที่นี่ก็เป็นเพราะเรื่องนี้ ทุกท่านนั่งลงก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นกับข่าวสารที่ได้รับเป็นข้อมูลเดียวกัน คนงานหนึ่งคนตกลงมาจากนั่งร้านสูง และพวกเราก็รีบทำการติดต่อญาติของเขาพร้อมกับให้เงินเยียวยาในจำนวนที่มากพอ ญาติของผู้เสียชีวิตก็รู้สึกพอใจ ”
“อย่างนั้นไม่ได้หมายความว่าไซต์งานของพวกคุณความปลอดภัยไม่ได้มาตรฐาน?”และเป็นอีกครั้งที่นักข่าวคนเดิมถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...