“ เหอะ ครั้งก่อนเห็นว่าเก่งนี่ ถ้ากล้าก็มาลองดู ถ้ากูไม่ให้มึงฟันร่วงหมดปาก ก็คงไม่ใช่มู่เทียนเย่แล้วล่ะ”
"ก็มาสิ" เย่ฉ่าวเฉินไม่แสดงท่าทีกลัว
มู่เทียนเย่พูดต่อว่า "จะเอาก็มา ใครกลัวใคร!!"
ยิ่งท้ายิ่งทำให้พวกเขาหงุดหงิดมากขึ้น ทั้งสองคนก็ม้วนแขนเสื้อและเริ่มต่อสู้กันในห้องทำงาน ทันใดนั้นก็มีเสียง "ปั๊ง" ดังขึ้น ทั้งสองก็หันไปมอง เสี่ยวซีหร่านนั่งบนเก้าอี้และมองไปที่พวกเขาพร้อมกับดูถูกล้อเล่น บนพื้นข้างเท้าของเธอคือแก้วน้ำที่เธอเพิ่งทำแตก
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนเงียบ เสี่ยวซีหร่านยิ้มโค้งริมฝีปากและพูดช้าๆ "สู้ต่อสิ ฉันจะเป็นผู้ตัดสินให้ ใครชนะก็เลี้ยงมื้อเย็นฉัน แต่เร็วหน่อย ฉันหิวจะตายแล้ว เอาสิสู้ต่อเร็ว! "
มู่เทียนเย่และเย่ฉ่าวเฉินมองหน้ากันอย่างพร้อมเพรียงและแสดงความรังเกียจ พวกเขาต่างก็ได้ยินคำพูดของเสี่ยวซีหร่าน
"อ่าว ไม่สู้ต่อแล้วหรอ ฉันกำลังรอดูอยู่เลย! หนังตลกนี้สนุกจริงๆ!" เสี่ยวซีหร่านยกขาสองข้างขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม "อายุเท่าไหร่กันแล้ว? พวกแกแก่แค่ไหนแล้ว? ทั้งสองคนรวมกันก็จะหกสิบละ อายหรือเปล่า? พวกแกสู้ต่อสิ ฉันจะถ่ายวิดีโอให้เวยเวยดู ให้เธอดูในขณะที่ชีวิตลูกกับเธอจะรอดไหม ช่วงเวลาที่เป็นตายร้ายดีแต่คนสำคัญที่สุดของเธอกลับกำลังทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้”
คำพูดประชดประชันของเสี่ยวซีหรานทำให้เสือทั้งสองสงบลงอย่างรวดเร็วและกลับไปที่ที่นั่งอย่างเชื่อฟังกลายเป็นกระต่ายน้อย
เสี่ยวซีหรานยังไม่ปล่อยพวกเขาไป“ แน่ใจเหรอว่าไม่สู้ต่อแล้ว? เสียเวลาฉันจริงๆ ถ้าไม่สู้ต่อแล้ว ก็มาคุยกันว่าจะช่วยเวยเวยได้อย่างไง แต่ฉันอยากจะถาม เย่ฉ่าวเฉิน ตอนนั้นฉันบอกว่าฉันจะช่วย แต่แกบอกไม่จำเป็น แล้วตอนนี้ล่ะ? "
เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยใบหน้าเย็นชา "เสี่ยวซีหร่าน เหตุผลที่ฉันไม่ให้เธอช่วย เพราะไม่อยากให้เธอรู้ว่าเวยเวยคืออาเหยียน เธอเคยกังวลว่าเธอจะเลิกคบ ไม่ปฏิบัติต่อเธอในฐานะเพื่อน ฉันอยากให้เธอเป็นคนกลับมาอธิบายทั้งหมดด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เธอรู้ทุกอย่างแล้ว ฉันหวังว่าเธอจะช่วยฉันได้อย่างแน่นอน เวยเวยไม่ใช่แค่เพื่อนของเธอ "เขามองไปที่มู่เทียนเย่และพูดเล่น "แต่ก็เป็นน้องสาวด้วยนะ"
สันนิษฐานว่ามู่เทียนเย่ได้รับการช่วยจากเสี่ยวซีหร่าน ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองนี้ไม่ธรรมดา เพียงแค่ได้เห็นมู่เทียนเย่คนที่ดื้อเช่นนี้เชื่อฟังคำพูดของเธอ เย่ฉ่าวเฉินพูดสิ่งนี้ด้วยความตั้งใจที่จะทำให้เสี่ยวซีหร่านพอใจ โดยประมาณว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนเดียวที่จะเยียวยามู่เทียนเย่ได้
ปรากฏว่าเสี่ยวซีหรานยิ้มและไม่ปฏิเสธ มู่เทียนเย่ก็ไม่มีการคัดค้าน เขาจะไปหาเสี่ยวซีหร่านอยู่แล้ว ยังไงเวยเวยก็เป็นน้องสาวของเขา
"ตามที่แกพูดแล้ว ตอนนี้เวยเวยน่าจะอยู่ที่หมินหนานหรอ?" มู่เทียนเย่ถามอย่างจริงจัง
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า "ใช่ ทิศทางที่ชี้ไปในแผนที่ขุมสมบัติสุดท้ายคือพื้นที่ภูเขาหมินหนานทางตอนใต้ หากไม่มีอะไรผิดพลาดพวกเขาจะไปที่นั่นแน่นอน"
“ภูเขามากมายขนาดนั้น ตามหาคนที่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” ดวงตาของมู่เทียนเย่เต็มไปด้วยความกังวล “ แต่พวกเขาก็ต้องมีที่อยู่อาศัย ยังไงก็ต้องหาที่พักแวะกินข้าว ถ้ามีร่องรอยทิ้งไว้ พวกเราส่งคนออกไปตามหาต้องได้เบาะแสมาบ้างแหละ"
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว“ ฉันก็คิดเหมือนกัน คนของฉันเกือบทั้งหมดถูกส่งไปที่นั่นแล้ว แต่มีภูเขามากเกินไป มันเป็นลำธารเต็มไปหมด”
"แกเคยเจอหัวโจกคนนั้นไหม?" มู่เทียนเย่ถาม
"เคย แต่มันสวมหน้ากาก ไม่เห็นหน้าและไม่รู้ว่าชื่ออะไร ความน่าเชื่อถือก็ไม่มีเลย ตอนนี้ทำได้แค่รอให้ฉู่เหยียนตื่นถึงจะรู้ได้ว่าไอ่คนนั้นมันเป็นใคร "
“ สวมหน้ากาก?” มู่เทียนเย่หลงคิดดูเหมือนจะไม่มีหน้ากากในหมู่คนที่เขาเห็นซึ่งมันแปลกจริงๆ
ทั้งสามคนกำลังสนทนา โทรศัพท์ของเย่ฉ่าวเฉินดังขึ้น จางเหอโทรมา ตาของเขาก็กระตุก ราวกับว่าเป็นลางสังหรณ์ไม่ดี
รับสาย
"เจ้านาย ฉู่เหยียนหนีไปแล้ว"
เย่ฉ่าวเฉินลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างกะทันหัน“หนีไปได้ยังไง? เธออยู่ในอาการโคม่าไม่ใช่หรอ?”
จางเหอรีบอธิบาย“เมื่อกี้เพิ่งได้ข่าวจากคนที่โรงพยาบาล ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ฉู่เหยียนถูกพาไปตรวจที่ห้องตรวจ พวกเขารออยู่ที่หน้าห้อง แต่พอคนที่ออกมาจากห้องก็ถูกสลับตัวไปแล้ว”
"เวรเอ้ย!" เย่ฉ่าวเฉินดุอย่างโกรธเกรี้ยว ถ้าไม่ใช่เห็นแก่สองคนนี้ เขาอาจจะโมโหร้ายกว่านี้ เขาหายใจเข้าลึกๆและสงบสติอารมณ์ของเขาและถามด้วยเสียงลึก "ฉู่เจิ่นหยุนอยู่ไหน?”
"เขา เขาก็หายไปแล้วกำลังหาอยู่" จางเหอตอบ
พูดอ้ำอึ้ง
เย่ฉ่าวเฉินแทบจะอาเจียนเป็นเลือดนาที เมื่อกี้ยังบอกอยู่ว่าจะรอให้ฉู่เหยียนตื่นขึ้นมา วินาทีถัดมาเธอก็หายตัวไป นั่นหมายความว่าตัวต่อรองเพียงชิ้นเดียวที่เขาถืออยู่ในมือของเขาหายไป เพราะว่าอยากเจรจากับชายสวมหน้ากาก
ฉู่เจินหยุนเลือกที่จะสร้างสันติภาพกับเขาในวันนี้ คงเป็นเพราะวางแผนไว้ทุกอย่างแล้ว คนเจ้าเล่ห์คนนั้นคงคิดแล้วว่าตัวเองปล่อยฉู่เหยียนไปไม่ได้ ดังนั้นก็เลยพาลูกชายหนีไป
"ไปหามันทันที ทางด่วน สนามบิน สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ ทุกที่ห้ามปล่อยมันหป" เย่ฉ่าวเฉินตะโกนใส่จางเหอ
"รับทราบ ฉันจะจัดการทันที แต่เจ้านาย ตอนนี้คนของเรามีไม่มากแล้ว......" จางเหอพูดอย่างระมัดระวัง คนแปดสิบเปอร์เซ็นต์ได้เข้าไปในภูเขาลึกในป่า คนที่อยู่กับจางเหอตอนนี้มีเพียงสิบกว่าคน
เย่ฉ่าวเฉินสงบลงและพูดว่า "แกรอแปปนึง" จากนั้นหันไปหามู่เทียนเย่ "ฉันขอยืมคนของแกหน่อย ฉู่เหยียนหนีไปแล้ว คนของฉันไม่พอ...... "
"ไม่มีปัญหา" มู่เทียนเย่ตอบ ยืนขึ้นและพูดว่า "ส่งรูปของฉู่เหยียนกับฉู่เจิ่นหยุนมาให้ฉัน คนของฉันไปที่สนามบินและสถานีรถไฟ คนของแกไปที่ทางหลวง อย่าลืมไปยังมีท่าเรือ เรื่องของเวยเวยเราค่อยมาคุยกันอีกที "
"โอเค" เย่ฉ่าวเฉินเข้าใจความแข็งแกร่งของมู่เทียนเย่ ทำให้เขาสบายใจขึ้น
มู่เทียนเย่พาเสี่ยวซีหรานออกไป ทั้งสองก็แยกจากกัน
......
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มู่เทียนเย่ก็หันหน้าไปถามเสี่ยวซีหร่าน "เธอหิวไม่ใช่หรอ? ฉันจะพาไปกินข้าว"
เสี่ยวซีหร่านแขวนแขนข้างหนึ่งและพูดอย่างอ่อนแรง "ยังทนได้อยู่ เรื่องของเวยเวยสำคัญกว่า"
มู่เทียนเย่บีบจมูกเล็กๆของเธอ “เธอเองก็สำคัญ ไปเถอะ ไปกินข้าวกัน”
ทันใดนั้นหัวใจของเสี่ยวซีหร่านก็อบอุ่นขึ้น เมื่อชายคนนี้เป็นห่วงน้องสาวของเขา แต่เขายังคิดที่จะดูแลเธ จะไม่ให้หวั่นไหวได้ยังไง?
มีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ใกล้ๆ เสี่ยวซีหรานรู้ว่ามู่เทียนเย่ชอบกินบะหมี่เบ็ดเตล็ด เธอจึงดึงเขาเข้าไปนั่งและสั่งบะหมี่เบ็ดเตล็ดสองชาม แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยชอบอาหารแบบนี้มากนัก
"ฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่ง เวยเวยเรียนทำบะหมี่เบ็ดเตล็ด พูดตามความจริง รสชาติก็ธรรมดามาก แต่ฉันก็ยังบอกว่าอร่อย เธอเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง มันง่ายมากที่จะทำให้เธอมีความสุข แค่ยกย่องว่าเธอเก่งในสิ่งที่เธอชอบ ยัยตัวแสบก็จะดีใจไปทั้งวันเลย......" มู่เทียนเย่พูดเบาๆ
เสี่ยวซีหรานเห็นว่าเขาเป็นห่วงจริงๆ เธอเข้าใจดีเพราะเวยเวยเป็นญาติคนเดียวของเขาในโลกนี้ เอื้อมมือไปจับบนโต๊ะ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน“ ไม่ต้องห่วง เธอจะไม่เป็นอะไร”
มู่เทียนเย่จับมือเล็กๆของเธอและพูดว่า "ตอนนี้ฉันทำได้แค่อธิษฐาน"
หลายคนถูกส่งตัวไปตามหาแต่เกือบจะดึกแล้วและยังไม่มีเงาของฉู่เหยียนและฉู่เจิ่นหยุน เย่ฉ่าวเฉินต้องการไปฮ่องกงเพื่อไปถามให้เข้าใจ แต่มู่เทียนเย่ตอบกลับจนต้องตะลึง
“ ถ้าแกไม่อยากตายก็อย่าไปฮ่องกง ฉู่เจิ่นหยุนเป็นคนแบบไหน เขาให้สวนสนุกนี้กับแกก็ดีแค่ไหนแล้ว ถ้าไปถิ่นของมัน แกก็รนหาที่ตายแล้ว”
"งั้นก็ช่างมันเถอะ" เย่ฉ่าวเฉินโกรธมาก
"ตามหาเวยเวยก่อนดีกว่า เรื่องนี้เร่งด่วนมาก พรุ่งนี้ฉันจะพาคนออกไปพร้อมกับแก"
มู่เทียนเย่เหนื่อยล้ามาทั้งคืน เมื่อเห็นเสี่ยวซีหรานนอนหลับอยู่บนโซฟาเขาจึงไปรับเธอและกลับไปที่อพาร์ทเมนต์ใจกลางเมือง
เดิมทีมู่เทียนเย่ไม่ต้องการให้เสี่ยวซีหรานไป เขาไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรระหว่างการเดินทางครั้งนี้ จะมีอันตรายอะไรไหม เขายอมให้เธอไปเสี่ยงไม่ได้ แต่ไม่มีเหตุผลไหนจะสมเหตุสมผลได้ต่อหน้าเสี่ยวซีหราน
“ ตอนที่ฉันเดินทางไปทั่วโลก เธออาจจะยังอยู่ในวิทยาลัย เอาล่ะ ฉันดูแลตัวเองได้” เสี่ยวซีหร่านตบบ่าเขาเหมือนเพื่อน“ จะว่าไปแล้ว เธอปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวที่เมือง A แทนที่จะทำให้ฉันรู้สึกกลัวเธอพาฉันไปด้วยดีกว่า ความสามารถในการเอาตัวรอดของฉะนสูงมาก ไม่แน่อาจจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง"
"แต่ว่า……"
ก่อนที่มู่เทียนเย่จะพูดเสี่ยวซีหร่านจับมือเขา ส่ายหัวและพูดว่า "ฉันตัดสินใจแล้ว เธอไม่สามารถคัดค้านได้"
ดวงตาของมู่เทียนเย่เต็มไปด้วยความทุกข์ใจและทำอะไรไม่ถูก ในที่สุดเขาก็ดึงเธอเข้ามาและกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา "อาหราน ฉันจะปกป้องเธอเอง"
"แน่นอนสิ ฉันเป็นผู้หญิงของเธอ เธอไม่ปกป้องใครจะปกป้องล่ะ?"
เมื่อพบกันที่สนามบินเขาเห็นเสี่ยวซีหร่านมาด้วยกัน เย่ฉ่าวเฉินแตะจมูกของเขาและไม่พูดอะไรในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่สามารถยั่วยุผู้หญิงคนนี้ได้
หลังจากเครื่องบินขึ้นทั้งสามคนได้ร่วมกันปรึกษากันว่าจะเริ่มจากจุดไหนก่อน
เสี่ยวซีหรานแนะนำว่า“เอาอย่างงี้ เมื่อเราไปถึงพื้นที่แล้ว เราก็ติดต่อกับหน่วยลาดตระเวนในพื้นที่ก่อน แล้วบอกว่าเวยเวยและเด็กหายไปมีเบาะแสที่นี่ ให้พวกเขาช่วยหา ระบบของพวกเขาดีมาก และฉันรู้จักคนในท้องถิ่นบางทีฉันอาจจะช่วยได้”
มู่เทียนเย่พยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า "มีเหตุผล ต่อให้คนเรามีเพิ่มขึ้นอีกห้าสิบคน ไม่มีเบาะแสไม่มีเป้าหมายเดินหาไปทั่วก็คงไม่ช่วยอะไร"
"แต่ว่า พวกเราไม่มีคนรู้จักในเมืองFเลยนิ" เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างลังเล
มู่เทียนเย่ก็เงียบเช่นกัน
เสี่ยวซีหรานที่อยู่ข้างมองไปที่ชายร่างใหญ่สองคนที่ขมวดคิ้วและพูดว่า "ก็แค่ตามหาคนไม่ใช่หรอ? พวกเธอไม่รู้จักฉันรู้จัก"
เย่ฉ่าวเฉินและมู่เทียนเย่มองไปที่เธอพร้อมกัน สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ แต่เพื่อนที่ฉันรู้จักไม่ได้ทำงานที่เมืองF” เธอบอก
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกท้อแท้ในทันทีและกระซิบเบาๆ "ถ้างั้นที่เธอพูดก็เป็นเรื่องไร้สาระสิ"
เสี่ยวซีหรานเกือบจะตบเขา แต่เห็นว่ามู่เทียนเย่อยู่ที่นั่นก็อดไว้ไว้และหันกลับมาและพูดว่า "เขาทำงานในแผนกตรวจสอบที่เมืองF"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...