งานประชุมประจำปีของบริษัทเย่ฮว่าง กำหนดไว้เมื่อวันที่ 20 มกราคม
ภายในงาน นอกจากจะมีพนักงานบริษัทและผู้จัดการบริษัทของแต่ละสาขาแล้ว ยังมีคนมีชื่อเสียงของเมืองเอมาเข้าร่วมด้วยอีกไม่น้อย ทุกๆปีไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยใหญ่จะประชันความดีความเด่นความสวยของตัวเองออกมา และแน่นอนคนที่เป็นที่เพ่งเล็งของสาวๆนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือเย่ฉ่าวเฉินนั่นเอง ถึงแม้ว่าเขาจะแต่งงานแล้ว แต่เหล่าบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่นั้นก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด
งานจะเริ่มเวลาประมาณสองทุ่ม แต่ไม่ทันไรประตูของหน้าโรงแรมหรูก็เต็มไปด้วยผู้คนที่จะมาเข้าร่วมงานตั้งทุ่มครึ่ง
"ฉันดูโอเคไหม?" มู่เวยเวยถามเย่ฉ่าวเฉินรอบที่ล้าน อันที่จริงเธอค่อนข้างตื่นเต้นและกดดัน เพราะนานมากแล้วที่เธอไม่ได้เจอคนเยอะๆแบบนี้
มู่เวยเวยควบคุมลมหายใจเข้าออก "ไม่รู้ว่าผิงอันอยู่ที่บ้านจะดื้อไหม"
"ไม่มีอะไรหรอก ผมซื้อรถของเล่นให้เขาสองคัน กว่าเขาจะแกะเสร็จ งานก็น่าจะจบพอดี" เย่ฉ่าวเฉินกล่าว
"คุณนี่เหมือนมีญาณทิพย์เลยนะ"
"แน่นอน ผมน่ะรู้ใจลูกที่สุดแล้ว"
ตอนแรกเย่ฉ่าวเฉินอยากจะใช้งานนี้ประกาศให้ทุกคนรู้จักผิงอันลูกของเขา แต่มู่เวยเวยไม่ยอม เธอคิดว่ามันไม่เหมาะ โดยเฉพาะช่วงนี้ ช่วงที่ติดตามข่าวของกวินไม่ได้ ตอนพวกเขาออกจากบ้านได้เพิ่มระบบการรักษาความปลอดภัยทุกอย่าง และได้กำชับให้จางเห่อดูแลผิงอันไม่ให้คลาดสายตา
เขาและเธอเดินทางมาถึงโรงแรม เย่ฉ่าวเฉินจูงมือมู่เวยเวยลงจากรถ เมื่อทั้งสองเดินเข้างาน เสียงโหวกเหวกเมื่อครู่ก็เงียบ จากนั้นบรรดาแฟลชต่างๆก็ประโคมมาที่พวกเขา
นานมากแล้วที่มู่เวยเวยไม่ได้เจอคนเยอะๆแบบนี้ เธอจึงค่อนข้างประหม่า โชคดีที่มีเย่ฉ่าวเฉินยืนโอบเอวอยู่ข้างๆ ไม่งั้นเธอคงขาอ่อนล้มพับไปแล้ว
"ยิ้มซิ จำไว้ว่าคุณคือแม่งานนี้" เย่ฉ่าวเฉินกระซิบ
มู่เวยเวยค่อยๆยิ้มออกมาก
ทั้งสองเดินจับมือกันเข้างาน ผู้คนต่างหลบทางให้ วันนี้มู่เวยเวยมาในลุคผมสั้นและสวมชุดสไตล์ผู้ดีอิตาลี ดูดีมีเสน่ห์มาก อีกด้าน เย่ฉ่าวเฉินมาในชุดเสื้อสูทสีดำ ดูเท่ สมาทไม่เบา บรรดาคนที่มาร่วมงานต่างพากันตกตะลึงกับความสวยหล่อของพวกเขา
คนของแผนกออกแบบเห็นมู่เวยเวยก็ถามด้วยความตกใจว่า
"ใช่มู่เวยเวยไหม? ใช่เวยไหม?" เสียวลี่ดึงคนข้างๆมาถาม
"เหมือนจะใช่นะ อยู่ไกลเกินไปอะ เห็นไม่ค่อยชัด"
ลีน่า พูดด้วยความมั่นใจว่า "ใช่เวยเวยแน่ๆ คืนแบบนี้ ประธานเย่ไม่สามารถพาใครมาได้ นอกจากมู่เวยเวย"
อีกคนหนึ่งยืดคอขึ้นเพื่อดูอีกครั้ง "ใช่เธอจริงๆด้วย ตัดผมสั้นแล้วสวยกว่าเดิมเยอะเลย"
เสียวลี่มองดีใจมากและเหยียดไปทางผู้หญิงสองสามคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล จากนั้นพูดเยาะเย้ยว่า "หึหึ ไหนใครคิดจะจับประธานเย่อีก ลองสำเหนียกดูตัวเองซิ ระดับอัพเกรดถึงหรือยัง"
ลีน่าปราม พร้อมกับขำเล็กน้อย "เบาๆหน่อย คนได้ยินเยอะไม่ดีนะ"
"ก็ฉันอยากให้พวกเธอได้ยินนี่" เสียวลี่ตอบ "มู่เวยเวยนี่โชคดีจังเลย ฉันอยากมีผู้ชายดีๆแบบประธานเย่บ้าง"
"เดี๋ยวๆหยุดเพ้อเจ้อก่อน ฉันว่าเธอลองหาแค่คนระดับเดียวกับเราดีกว่านะ" ลีน่าจิกกัดเธอ
"โห เธอก็อย่าตรงขนาดนั้นก็ได้ ขอฉันมโนบ้างไม่ได้หรือ?"
ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นอีก ทุกคนเงยหน้ามองดูคนที่กำลังเดินเข้ามา ก็ตกใจ
ศัตรูของเย่ฮว่างนี่นา เขาคือประธานบริษัทมู่ซื่อ มู่เทียนเย่นี่
เขามาได้อย่างไร?
"มู่เทีเยนเย่เขามาที่นี่ได้อย่างไร? คงจะไม่ได้มาสร้างปัญหาใช่ไหม?" เสียงคนกระซิบ
"น่าจะไม่หรอกมั้ง อย่างไรซะเขาก็คือประธานบริษัทมู่ซื่อเลยนะ เขามีหน้ามีตาอยู่คงไม่ทำเรื่องพรรนี้หรอก"
"ไม่แน่หรอก เธอลืมไปแล้วหรือ ว่าถ้าไม่ใช่เพราะบริษัทมู่ซื่อที่แย่งงานของพวกเราไป ปีนี้โบนัสเราอาจจะเยอะกว่านี้ก็ได้"
และแน่นอน มีคนเกลียดก็มีคนชอบ มีเสียงกระซิบชื่นชมความหล่อเหลาของมู่เทียนเย่
"พระเจ้าช่วย ทำไมแต่ก่อนฉันไม่เคยสังเกตเลยว่าประธานมู่หล่อขนาดนี้? มาดแมนมากๆ"
"สาวสวยที่ยืนข้างๆเขาคือใครกัน? เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อนเลย"
ท่ามกลางเสียงของผู้คนมากมาย เสี่ยวซีหร่านเลือกที่จะดึงแขนของมู่เทียนเย่เดินเข้าไปข้างหน้า
เธอเกิดมาอย่างราชินี เพราะฉะนั้นแล้วเธอไม่ต้องวางมาร์ดหรือฟอร์มอะไร
เมื่อมู่เวยเวยเห็นพวกเขาก็ดีใจ "ซีหร่าน เธอมาแล้วหรอ ว้าววันนี้เธอสวยมากเลย"
"ฉันรู้แล้ว" เสี่ยวซีหร่านตอบ
มู่เวยเวยชินและรู้นิสัยของซีหร่านดี จึงขำและตอบกลับว่า "ไหนบอกว่าวันนี้จะไม่มาไง? ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้?"
เสี่ยวซีหร่านหันไปมองชายที่ยืนอยู่ข้างๆตาเขม็ง จากนั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุดเซ็งว่า "เพราะเขาเอาแต่เร้าหรือจนฉันรำคานอะซิ ไม่งั้นนะฉันไม่ยอมมางานแบบนี้เด็ดขาด"
ที่เมืองเอส ถ้ามีงานประชุมหรืองานสังสรรค์แบบนี้ อย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นเงาของเสี่ยวซีหร่าน และที่เธอยอมมางานนี้เหตุผลหลักๆมีสองอย่าง คือ เขาเห็นแก่หน้าของพี่น้องคู่นี้ สองคือมู่เทียนเย่บอกเขาว่างานนี้ต้องมีสาวสวยๆมายัดเยียดนามบัตรให้เขาแน่ เธอเลยยอมมาเพื่อเป็นไม้กันหมาให้เขา
มู่เทียนเย่เห็นสายตาของน้องสาวและพูดอย่างหงุดหงิดว่า "มองอะไร? เธอคิดว่าพี่อยากมากงานประจำปีของเย่ฮวางหรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะรักษาหน้าเธอพี่ไม่มาหรอกนะ"
"โอเคๆๆๆ ความผิดฉันเอง รบกวนเวลาของทั้งสองเลย" มู่เวยเวยกล่าวขอโทษ
งานวันนี้มีผู้เข้าร่วมเป็นนักธุรกิจใหญ่ๆมากหน้าหลายตา พวกเขาต่างก็พากันสงสัยเรื่องของเย่ฉ่าวเฉินกับมู่เทียนเย่มาก ยิ่งเห็นการปรากฏตัวครั้งนี้ของมู่เทียนเย่อีก ยิ่งทำให้ทุกคนสงสัยกว่าเดิม
หรือว่ามู่เทียนเย่กับเย่ฉ่าวเฉินจะจับมือกันแล้ว?
เพราะที่เมืองเอ เย่ฮวางถือว่าเป็นบริษัทยักใหญ่และทรงอิทธิพลมาก ถ้ายิ่งร่วมมือกับบริษัทมู่ซื่อแล้วละก็ ภายในอนาคตคาดว่าคงจะไม่มีใครกล้ามากล้ำกลายพวกเขาแน่
"แต่ว่านะ งานเลี้ยงประจำปีของเย่ฮวาง ฉันคิดว่าจะใหญ่โตกว่านี้เสียอีก " มู่เทียนเย่จงใจพูดเมื่อเห็นเย่ฉ่าวเฉินเดินมา
เย่ฉ่าวเฉินตอบกลับ "งั้นฉันจะคอยดูนะ ว่างานประจำปีของมู่ซื่อที่จะจัดพรุ่งนี้ จะโอ่อ่าแค่ไหน"
"แต่ฉันไม่เชิญนายนะ" มู่เทียนเย่ตอบ
เย่ฉ่าวเฉินรีบตอบกลับ "นายไม่กล้าเชิญฉันซินะ กลัวว่าถ้าฉันไป ฉันจะแย่งซีนนาย"
"เย่ฉ่าวเฉิน ฉันว่ามีประโยคหนึ่งเหมาะกับนายนะ"
"ว่า?"
มู่เทียนเย่เดินเข้ามากระซิบและพูดว่า "อย่าเสแสร้งมาก ระวังฟ้าจะผ่าเอา"
เย่ฉ่าวเฉินอึ้ง แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรทำได้แค่มองไปทางเข้าอย่างเคืองๆ
เสี่ยวซีหร่านมองดูทั้งสองกัดกันไปมา จึงหันไปพูดกับมู่เวยเวยว่า "เธอรู้สึกไหมว่าพวกเขาเหมาะกันมาก"
"ห๊า" มู่เวยเวยอ้าปากค้าง และหันไปมองทั้งสอง พร้อมกับหลุดขำออกมา "ฮ่าๆ ใช่ๆเธอพูดถูก พวกเขาเหมือนคู่แค้นแสนรักเลย"
"คู่แค้นแสนรักอะไร ดูยังไงก็คู่อาฆาตพยาบาท" มู่เทียนเย่ตอบกลับทันควัน
เย่ฉ่าวเฉินตอบเห็นด้วย "ถูกต้อง แถมยังเป็นคู่ที่อาฆาตพยาบาทมากๆด้วย"
"ดูซิ ตอนนี้ความเห็นก็ดันตรงกันอีก" เสี่ยวซีหร่านเอ่ยแซว
เย่ฉ่าวเฉินเตรียมจะตอกกลับ แต่ก็ได้มีรองประธานบริษัทมากระซิบว่า "ท่าประธานครับ ได้เวลาขึ้นกล่าวเปิดงานบนเวทีแล้วครับ"
เย่ฉ่าวเฉินรีบคุมอารมณ์ และตอบกลับว่า "โอเค"
ไม่นาน เสียงของผู้คนจอแจนับพันก็เงียบลง ทุกคนต่างจดจ้องไปที่เย่ฉ่าวเฉิน รูปร่างเขาภายใต้้สปอตไลท์นั้น ช่างน่าหลงใหลและดูกล้าหาญ จนกระทั่งผู้หญิงทุกคนยอมที่จะมอบกายสวามิภัก
"สวัสดีทุกท่าน ผมเย่ฉ่าวเฉิน"
หลังจากพูดจบก็มีเสียงปรบมือดังกึกก้อง
"ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาร่วมงานวันนี้ ในตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา พวกเราต่างฝ่าฝันอุปสรรคและความลำบากด้วยกันมามาก แต่พวกเราก็ไม่แม้แต่จะยอมแพ้หรือถดถอย และเรื่องที่ลืมไม่ได้เลยคือ เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้น ทำให้ผมเห็นความร่วมมือร่วมใจของทุกท่าน ที่ช่วยกันผ่านสิ่งนั้นมา วันนี้ผมตัวแทนของเย่ฮวาง ขอกล่าวขอบคุณพวกท่านจากใจจริง"
เสียงปรบมือดังกึกก้องอีกครั้ง
มู่เวยเวยจ้องมองคนที่กำลังพูดอยู่บนเวที ก็นึกถึงภาพที่เขากำลังแบกเธอขึ้นหลัง คงจะเป็นตอนนั้นซินะ ที่ทำให้ใจของเธอเต้นแรงกับเขาอีกครั้ง
เสี่ยวซีหร่านกระซิบข้างหูมู่เทียนเย่ "วชจะว่าไป ดูแบบนี้แแล้วเย่ฉ่าวเฉินก็หล่อเหมือนกันนะ"
มู่เวยเวยขำเล็กน้อย จากนั้นตอบกลับว่า "สู้พี่ชายฉันไม่ได้หรอก"
"นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ไม่มีใครเทียบได้หรอก"
มู่เทียนเย่ได้ยินแบบนั้น ก็จับมือเสี่ยวซีหร่านแน่นขึ้น
"วันนี้เป็นงานประจำปีของเย่ฮวาง หวังว่าทุกท่านจะมีแต่ความทรงจำดีๆในงานนี้ และหวังอีกว่า ในปีหน้า ทุกท่านจะร่วมมือร่วมใจช่วยกันพัฒนาเย่ฮวางของพวกเราต่อไป"
เย่ฉ่าวเฉินกล่าวก็ลงจากเวที
"ภรรยาสุดสวยของผม เป็นเกียรติมาเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับ?" พูดจบก็โค้งตัวและยื่นมาที่ด้านหน้ามู่เวยเวย
"แน่นอนอยู่แล้ว" มู่เวยเวยยื่นมือตอบกลับ ใจเต้นรัวๆ
เพลงบรรเลงต่อไป ทั้งสองเต้นเคล้าคลอ เย่ฉ่าวเฉินโอบกอดมู่เวยเวยไว้
พลางฉุกคิดเรื่องปีที่แล้วได้
ช่วงตอนนี้เป็นเวลาที่มู่เวยเวยหายตัวไป เขาจึงทำได้แค่เมาหัวราน้ำ และมีผู้หญิงไม่น้อยที่มาเชิญเขาเต้นรำด้วย แต่ก็ถูกปฏิเสธหน้าหงายทุกคน เพราะแท้จริงแล้วคนที่เย่ฉ่าวเฉินอยากจะเต้นรำด้วยมีแค่คนเดียวเท่านั้น
ในปีนี้ เธอคนนั้นกลับมาแล้ว
เมื่อทั้งสองเต้นรำเสร็จ มู่เวยเวยก็ชวนเย่ฉ่าวเฉินไปทักทายคนของแผนกออกแบบที่เธอสนิท
เสียวลี่มองเห็นมู่เวยเวยที่กำลังเดินเข้ามา ก็สะกิดที่แขนของเหอเหม่ยหลิง "ประธานเหอ เวยเวยมาทางนี้แล้ว"
เหอเหม่ยหลิงได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มและรอให้เวยเวยเดินเข้ามา
"ประธานเหอ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ" มู่เวยเวยกล่าวคำทักทาย
"สวัสดีค่ะคุณนายเย่" เหอเหม่ยหลิงตอบกลับ เมื่อก่อนมู่เวยเวยอยู่ใต้อำนาจเธอ เพราะฉะนั้นเธฮสามารถเรียกชื่อได้เลย แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะตอนนี้เธอคือภรรยาของประธานบริษัทเย่ฮวาง
แต่มู่เวยเวยรู้สึกไม่ค่อยชินและทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกเรียกแบบนี้ เธอเลยพูดกับเหม่ยหลิงว่า "ประธานเหอคะ ฉันว่าคุณเรียกฉันเวยเวยเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ"
"เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะค่ะ"
"มีอะไรไม่เหมาะหรือคะ? ในอนาคตฉันก็ต้องไปทำงานที่แผนกออกแบบอยู่ดี ยังไงซะตอนนั้นฉันก็เป็นลูกน้องคุณแหละค่ะ"
เหอเหม่ยหลิงได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อยแลละถามกลับว่า "จริงหรือคะ? งั้นคุณไม่ต้องไปเรียนต่อที่ยุโรปแล้วหรือ?"
"อ่อ ที่จริงเป็นแค่เรียนเสริมค่ะ แค่ปีเดียวก็จบแล้ว" มู่เวยเวยแถ
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใคครสงสัยกับสิ่งที่เธอพูด
"งั้นก็ดีเลยค่ะ ยินดีต้อนรับกลับสู่แผนกออกแบบนะคะ"
"ใช่ๆ เวยเวย ปีนี้ที่เธอไม่อยู่ทุกคนคิดถึงเธอมากเลย" เสียวลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆกล่าว
"ฉันก็คิดถึงพวกเธฮมากเลย" มู่เวยเวยตอบกลับอย่างจริงใจ
ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่เปลี่ยนไปเลย ทุกคนกลับมาคึกคักและสนิทกันเหมือนเดิม จนลืมผู้หญิงที่ชื่อฉู่เหยียนไป
ขณะที่มู่เวยเวยกำลังระลึกความหลังกับเพื่อนๆอยู่นั้น ทางด้านเย่ฉ่าวเฉินก็โดนสอบถามด้วยคำถามมากมาย
"ประธานเย่ ผมไม่คิดเลยว่าความสัมพันธ์ของคุณกับประธานมู่จะรวดเร็วแบบนี้" พ่อค้าที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งจากเมืองเอกล่าว
เย่ฉ่าวเฉินตอบกลับอย่างมารยาท "ประธานมู่เป็นพี่เขยผม ความสัมพันธ์ดีกันมันเป็นเรื่องสมควรแล้วครับ"
"โอ้? แต่ผมเคยได้ยินมาว่า มู่ซื่อแย่งธุรกิจกัยเย่ฮวางมาไม่น้อย คุณทนได้หรือ?"
เย่ฉ๋าวเฉินโกหกว่า "ไม่ได้แย่งหรอกครับ ผมให้ภรรยาเป็นคนจัดการเอง เธอมีหุ้นอยู๋ที่มู่ซื่อด้วย"
ไม่มีใครเชื่อคำโกหกของเย่ฉ่าวเฉิน แต่ก็ไม่มีใครทักท้วงหรือถามอะไรต่อ เพราะไม่แน่ว่าเย่ฮวางกับมู่ซื่ออาจจะจับมือกันแล้วก็ได้
"อ่อๆ ภรรยาคุณนี่ดีจังเลยนะครับ ต่อไปมีงานอะไรอย่าลืมผมนะครับ"
"แน่นอนครับ ถ้ามีโอกาสพวกเราได้ร่วมงานกันครับ"
อีกฝั่ง ทางด้านเสี่ยวซีหร่าน ก็ผู้ชายไม่น้อยเข้าไปทักทายอยากยินรู้จักเธอ แต่ก็โดนเธอหงายหน้าคว่ำหมดทุกคน
มู่เทียนเย่รู้สึกหึงมาก "คืนนี้ผมน่าจะไม่พาคุณมาด้วย"
"ตอนนี้นายรู้หรือยังว่าทำไมฉันไม่ชอบเข้าร่วมงานอะไรแบบนี้" เสี่ยวซีหร่านตอบอย่างเบื่อหน่าย
"เข้าใจแล้วครับ ต่อไปผมจะไม่บังคับคุณอีกแล้ว" มู่เทียนเย่ตอบกลับ
เสี่ยวซีหร่านมองไปทางเขาแล้วยขำปลอบใจ "เอาล่ะไ ไม่มีอะไรสักหน่อย ยังดีที่มีนายอยู่ตรงนี้ด้วย"
"หรือว่า เรากลับดีไหม? ปรากฎตัวเท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...