วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 256

"กี่นาทีผ่านไปแล้ว" มู่เวยเวยจับมือเสี่ยวซีหรานไว้แน่นเพื่อส่งต่อความตึงเครียดของเธอ

"สามนาที" เสี่ยวซีหร่านมองเวลาในมือถือ

เมื่อกี้เหลือเวลาอีกนาทีครึ่ง ตอนนี้...ถ้ามันจะระเบิดคงระเบิดไปแล้ว

"ฉันจะโทรหาเขา" มู่เวยเวยตึงเครียดมาก จนโทรศัพท์ที่เพิ่งหยิบออกมาตกลงบนพื้น มู่เทียนเย่ก้มลงเก็บโทรศัพท์ให้เธอ และพูดอย่างเย็นชา "พี่โทรเอง"

มู่เวยเวยพยักหน้า

เมื่อกดโทรออก ปลายสายก็มีเสียงอัตโนมัติตอบกลับมาว่า ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้

ทั้งสามคนเงียบไปชั่วขณะ

"ต้องเกิดอะไรขึ้นกับเขาแน่" พี่ ฉ่าวเฉินเกิดเรื่องแล้ว ฉันอยากไปหาเขา มู่เวยเวยพูดและน้ำตารื้นออกมาอีก

มู่เทียนเย่ก็รอไม่ไหวแล้ว "โอเค พี่จะพาเธอไปหาเขา แต่ทางที่ดีเธอบอกรองประธานบริษัทเย่ฮวางไว้หน่อยดีกว่า เขาจะได้รับหน้าแทน" สำหรับศัตรูที่มองไม่เห็น มู่เทียนเย่คิดว่าเขาคงหนีไปแล้ว

"ค่ะ" มู่เวยเวยเผยยิ้มออกมาน้อยๆ จากนั้นก็เดินตรงไปหารองประธาน เมื่อรองประธานเห็นเธอก็รีบลุกขึ้นทันที

"ประธานเฉิน ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวค่ะ"

"อ้อ ครับๆ" รองประธานมีท่าทียินดีมาก เขาเดินตามมู่เวยเวยมาจนถึงมุมลับตาคน

เย่ฉ่าวเฉินบอกเธออยู่บ้างว่าประธานเฉินเป็นคนสนิทของเขา สามารถไว้ใจได้

"ประธานเฉินคะ เมื่อกี้ฉ่าวเฉินมีธุระเลยออกไปก่อนแล้ว เขาฝากฉันมาบอกคุณว่างานประจำปีให้คุณเป็นประธานจนจบ"

ประธานเฉินแปลกใจไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว "โอเค คุณสบายใจได้ ประธานเย่ไม่อยู่ก็ยังมีพวกผมอยู่ จะไม่ทำให้เกิดปัญหาแน่นอน"

"อืม งั้นก็ดี รบกวนด้วยนะคะ"

"นี่เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ"

ขณะที่มู่เวยเวยคุยกับประธานเฉินอยู่นั้น มู่เทียนเย่ก็ได้รับข้อความว่าระบบตรวจสอบของโรงแรมมีปัญหาทั้งหมด ตอนนี้ยังกู้คืนมาไม่ได้ ฝ่ายเทคนิคกำลังเร่งหาที่มา

"อืม พวกนายไปตรวจสอบดูรอบๆ ถ้ามีบุคคลน่าสงสัยให้จับทันที"

"ครับนาย"

มู่เทียนเย่วางสายและมองเสี่ยวซีหร่านอย่างเป็นห่วง

เสี่ยวซีหร่านอ่านสายตาเขาออกในทันที เธอรีบพูด "อย่าคิดจะกันฉันออก แม้ฉันจะไม่ได้รู้สึกกับเย่ฉ่าวเฉินขนาดนั้น แต่ฉันก็อยู่รอข่าวเฉยๆไม่ได้"

"ซีหร่านผมไม่อยากให้คุณได้รับอันตราย"

"เรื่องนี้คุณสบายใจเถอะ ถึงฉันจะสู้คุณไม่ได้แต่คนอื่นไม่คณามือฉันหรอก"

มู่เทียนเย่ยิ้มอย่างจำใจ "โอเค แต่คุณต้องสัญญากับผมก่อน ถ้ามีอันตรายอะไร คุณต้องยืนอยู่หลังผม"

"โอเค ฉันรับปาก"

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จทั้งสามคนก็ออกจากโรงแรมไปอย่างรีบร้อน และรถของมู่เทียนเย่ก็รออยู่หน้าประตูแล้ว

"ไปริมทะเล"

มู่เวยเวยมองแสงสีนอกกระจก ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงผิงอันที่บ้านขึ้นมา เธอจึงรีบหยิบโทรศัพท์โทรออกไปบ้านตระกูลเย่ เธอรอสายครู่เดียวก็มีคนรับ "สวัสดีครับ บ้านตระกูลเย่ครับ"

"อาหวัง ฉันเองค่ะ ผิงอันโอเคมั้ยคะ"

"อ้อ คุณหนู คุณชายน้อยสบายดีครับ เมื่อกี้ยังเล่นรถกับจางเห่ออยู่เลย ไม่มีร้องงอแงเลยครับ"

น้ำเสียงของมู่เวยเวยจริงจังมาก "ทางนี้เกิดปัญหาค่ะ ที่บ้านระวังกันหน่อยนะคะ ดูแลผิงอันดีๆ"

เสียงพ่อบ้านเปลี่ยนไปทันที "ครับๆ ทราบแล้ว ผมจะไม่ให้คุณชายน้อยเป็นอะไรไป เอาชีวิจผมเป็นประกันเลย เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายครับ จะให้พวกเราทำอะไร"

มู่เวยเวยกำลังจะบอกว่าไม่ต้อง แต่หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งก็บอกรายละเอียดไป "เมื่อกี้มีคนจะใช้ระเบิดทำลายงานประจำปี เย่ฉ่าวเฉินต้องการช่วยทุกคนก็เลยเอาระเบิดออกไปคนเดียว ตอนนี้ฉันกับพี่ชายกำลังตามไปทางริมทะเล"

พ่อบ้านหวังหายใจเข้าอยากตกอกตกใจ "เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ยังไง คุณหนูไม่ต้องรีบนะครับ ผมกับจางเห่อจะหาทางช่วยอยู่ทางนี้ คุณต้องดูแลตัวเองดีๆนะ"

มู่เวยเวยน้ำตารื้น "ค่ะ"

หลังวางสายสายน้ำตาของมู่เวยเวยก็หยดลงมา เสี่ยวซีหร่านลูบไหล่เธอ และเอาทิชชู่มาซับน้ำตาให้ พลางปลอบ "เย่ฉ่าวเฉินไม่เหมือนคนปกติ เขาอาจจะมีเก้าชีวิตก็ได้ ไม่ทางตายง่ายๆแบบนี้หรอก"

มู่เวยเวยปล่อยน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ความตึงเครียดค่อยๆบรรเทาลง จากนั้นก็ยกหัวออกมาจากไหล่ของเสี่ยวซีหร่านและนั่งตัวตรง

"ขอบใจนะซีหร่าน" มู่เวยเวยพูดแผ่วเบา

เสี่ยวซีหร่านแทบจะตบหัวเธอ "เธอจะขอบคุณฉันทำไม ถ้าพูดอีกฉันโยนเธอออกไปจริงๆแน่"

มู่เวยเวยกัดริมฝีปาก สายตาเต็มไปด้วยความกังวลใจ

มู่เทียนเย่ที่นั่งข้างคนขับได้แต่ก้มหน้ามองโทรศัพท์ตลอดเวลา จนเสี่ยวซีหร่านขมวดคิ้วถามว่า "มาขนาดนี้แล้วคุณยังมีอารมณ์ดูโทรศัพท์อีกหรอ"

มู่เทียนเย่ตอบโดยไม่เงยหน้า "ระเบิดลูกใหญ่ขนาดนั้นถ้าระเบิดขึ้นมาต้องเสียงดังมากๆ ผมก็เลยหาข่าวในเน็ตว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มั้ย"

"ใช่สิ คุณพูดถูก งั้นฉันหาด้วย" เสี่ยวซีหร่านยังไม่ทันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงมู่เทียนเย่พูดด้วยความตกใจ "มีข้อมูลแล้ว"

มู่เวยเวยกับเสี่ยวซีหร่านโน้มตัวเข้ามา ถามพร้อมกัน "เขาว่าไง"

มู่เทียนเย่อ่านโพสถ์บนเวยป๋อ "ตะกี้กำลังจะนอน นอกหน้าต่างมีเสียงดังมาก ดังจนกระจกสะเทือน ที่ไหนระเบิดรึเปล่า"

ใต้โพสถ์นั้นยังมีรูปแนบมาด้วย ในคืนที่มืดมิดมีแสงสีแดงอยู่ไกลๆ ถ้าเดาไม่ผิดตรงนั้นน่าจะเป็นจุดที่ระเบิด

"ดูออกมั้ยว่าที่ไหน" มู่เวยเวยถามอย่างตึงเครียด

มู่เทียนเย่ซูมเข้าไปในภาพ "มันเบลอไป มองไม่ชัด...อย่าเพิ่งกังวล พี่จะถามส่วนตัวเขาไป"

มู่เวยเวยจ้องตามนิ้วมือพี่ชายด้วยใจที่เต้นแรงแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า

"เขาตอบกลับมาแล้ว บอกว่าอยู่ริมทะเล แต่ไม่แน่ใจว่าที่ไหน"

มู่เวยเวยถอยกลับไปนั่งที่อย่างอ่อนแรง พูดอย่างนี้อย่าพูดดีกว่า

รถแล่นไปริมหาดอย่างเร่งร้อน คนขับใช้สมรรถณะของรถคันนี้อย่างเต็มกำลัง รถคันนี้เต็มไปด้วยความหดหู่ ก่อนที่เสี่ยวซีหร่านจะถามมู่เทียนเย่ทำลายความเงียบ "คุณว่าใครส่งระเบิดมา"

มู่เทียนเย่มองตรงไปข้างหน้า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล "ไม่รู้ เย่ฉ่าวเฉินทำให้คนขุ่มเคืองเยอะจะตาย"

เสี่ยวซีหร่านบีบไหล่เตือนเขาว่าทำไมถึงพูดตรงขนาดนั้น มู่เวยเวยยังนั่งอยู่ตรงนี้ พูดอย่างนี้จะยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจขึ้นไปอีก

"พี่ชายพูดถูก เย่ฉ่าวเฉินมีศัตรูเยอะมาก" มู่เวยเวยพูดอย่างหดหู่

เสี่ยวซีหร่านพูด "แต่ก็ต้องมีจุดประสงค์สิ"

มู่เทียนเย่เงียบไปครู่หนึ่ง "ฉันว่าต้องเกี่ยวกับกาวินแน่"

"ทำไม"

มู่เทียนเย่อธิบาย "ในเมือง A ถึงจะมีศัตรูของเย่ฉ่าวเฉินเยอะ แต่ทุกคนก็เข้าใจวัฒนธรรมจีน จะทำอะไรก็ต้องรอให้ข้ามปีไปก่อน แถมถ้าระเบิดนี้ระเบิดขึ้นมา ทุกคนในเมืองA ก็ต้องตาย ฝั่งตรงข้ามคงไม่อยากเป็นเป้าให้ทุกคนตามฆ่าหรอก พวกเขาก็ต้องคิดถึงตรงนี้ด้วย" มู่เทียนเย่พักไปแปบหนึ่ง "แต่กาวินไม่สนใจกฏ และไม่สนใจด้วยว่าในงานมีใคร เขาต้องการเอาคืนเย่ฉ่าวเฉินเท่านั้น"

มู่เวยเวยฟังแล้วก็ขนลุกขึ้นมา กาวินคนที่ใส่หน้ากาก คนที่ดูไม่มีความโหดเหี้ยมขนาดนั้น คนที่อ่อนโยนกับผิงอันมาก แต่เขากลับทำเรื่องแบบนี้

"แต่เรื่องนี้มีเงื่อนงำ" มู่เทียนเย่ขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน

"อะไร" เสี่ยวซีหร่านถาม

"จากข้อมูลของเย่ฉ่าวเฉิน ซูเซวียนเพื่อนของกาวินก็กำลังตามหาเขาอยู่ตามเกาะต่างๆ ถ้ากาวินเข้าเมืองมาแล้ว เขาก็น่าจะรู้เรื่องนี้สิ"

เสี่ยวซีหร่านไม่เห็นด้วย "จะพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก ถ้าไอ้สวะนั่นซ่อนตัวดีมาก มันไม่อยากให้ฉู่เซวียนตามรอยมันเจอ แล้วฉู่เซวียนจะหามันเจอได้ยังไง"

นี่เป็นสิ่งที่มู่เทียนเย่กำลังกังวลอยู่ "ถ้าคนร้ายเป็นกาวินจริงๆ งั้นก็อันตรายมาก มันรู้จักพวกเราเป็นอย่างดี แต่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ถ้ามีวันหนึ่งมันมาเดินผ่านหน้าเรา เราก็คงมองมันไม่ออก"

"จริง" เสี่ยวซีหร่านตอบและหันไปมองมู่เวยเวยที่เต็มไปด้วยความกังวล เธออดคิดในใจไม่ได้ว่า ผู้หญิงดีๆแบบนี้ ทำไมถึงโชคร้ายนัก เจอแต่เรื่องร้ายๆ

ถนนเส้นที่ไปริมหาดโล่งมาก เพราะตอนนี้ดึกแล้วจึงไม่มีรถสัญจร มู่เทียนเย่ไม่รู้จุดที่แท้จริงจึงได้แต่ขับไปตามทาง

ในที่สุดก็ถึงริมหาด เมื่อรถจอดสนิทมู่เวยเวยก็รีบลงมาอย่างรอไม่ไหว และเพราะกระโปรงยาวเกินไปทำให้เธอแทบหกล้ม โชคดีที่มู่เทียนเย่ตาไวจึงรับเธอไว้ได้ทัน พลางหยิบเสื้อคลุมของคนขับรถมาคลุมไหล่โล่งๆของเธอ "ค่อยๆ"

แน่นอนว่าเสื้อคลุมของมู่เทียนเย่อยู่บนตัวของเสี่ยวซีหร่านแล้ว

ทะเลภายใต้ค่ำคืนมืดมิดเงียบสงบมาก มีแค่ลมเย็นๆและเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ยังดีที่มีแสงจันทร์ส่องกระทบลงมาบนน้ำ ให้เห็นแสงสว่างเล็กน้อย

มู่เวยเวยตะโกนออกไปอย่างไร้จุดหมายท่ามกลางความมืด "เย่ฉ่าวเฉิน"

มีแค่เสียงลมที่ตอบกลับมา

มู่เทียนเย่ เสี่ยวซีหร่านและคนขับรถ ทั้งสามคนต่างไม่กล้าอยู่ไกลจากเธอ จึงได้แต่หาใกล้ๆบริเวณนั้น

"ไม่ต้องกลัว คนของผมเอง" มู่เทียนเย่พูด

คนที่มาคือลูกน้องที่มู่เทียนเย่สั่งให้มาล่วงหน้า พวกเขาหาอยู่บนหาด เมื่อได้ยินเสียงทางนี้เลยขึ้นมาดู

"นาย"

"เจออะไรมั้ย" มู่เทียนเย่ถามตรงๆ

คนที่มาส่ายหน้า "ตอนนี้ยังไม่เจอเลยครับ แต่ตอนพวกผมมาบนอากาศยังได้กลิ่นไหม้ แต่พอลมพัดมากลิ่นก็หายไปหมด"

มู่เทียนเย่ใจเต้นแรง "กลิ่นแรงมั้ย"

"ไม่แรงครับ ได้แค่กลิ่นดินปืนจางๆ อาจเป็นเพราะว่าพวกผมมาช้าไป"

จากเวลาที่ระเบิดจนกระทั่งคนกลุ่มแรกมาถึงเวลาก็ผ่านไปชั่วโมงหนึ่งแล้ว เวลานานขนาดนั้นแต่ก็ยังได้กลิ่นดินปืนอยู่ นั่นแสดงให้เห็นถึงอนุภาคของระเบิดได้ดีทีเดียว

ไอ้สารเลวนั่นต้องการจะให้โรงแรมระเบิดเป็นจุล

มู่เทียนเย่ด่าในใจ และสั่งลูกน้อง "หาต่อไป แล้วก็เอาเรือกู้ชีพออกทะเลด้วย หาทั้งริมหาด และในทะเลเลย"

"จะทำเดี๋ยวนี้ครับ"

รองเท้าของมู่เวยเวยถูกถอดออกจากเท้าไปนานแล้ว และกระโปรงยาวๆก็เป็นอุปสรรคกับเธอเช่นกัน มันขัดขาเธอทุกก้าวที่เดิน ดังนั้นเธอจึงฉีกมันออกด้วยความโกรธ เธอฉีกมันขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงเข่า เมื่อรู้สึกเดินสบายแล้วจึงปล่อยมือลง โดยไม่ได้คำนึงเลยว่าแบบนี้จะทำให้หนาว

"เย่ฉ่าวเฉิน" เธอเรียกออกไป เธอหวังแค่ให้เขาตอบกลับมา ไม่ว่าเขาจะแขนขาด ขาขาดก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่ให้เขายังมีชีวิตอยู่ก็พอ

ชายฝั่งยาวมาก ไม่มีใครรู้จุดที่ระเบิดแน่ชัด ทำให้ทุกคนได้แต่หาแถวนี้อย่างมีความหวัง หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงก็มีรถห้าหกคันปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืด และมันก็กำลังมุ่งตรงมาทางนี้ด้วย

มู่เทียนเย่หยิบปืนขึ้นมาถือ ดันเสี่ยวซีหร่านกับมู่เวยเวยไว้ข้างหลังเขา และคนอื่นๆก็อยู่ในท่าเตรียมพร้อมเช่นกัน

รถขับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แสงไฟหน้ารถส่องตาอย่างรุนแรง มู่เทียนเย่ยกมือขึ้นมาเล็งคนขับรถคันแรก และก็เหมือนคนขับรถจะเห็นทันจึงกระพริบไฟรถและขับช้าลง

มู่เทียนเย่ขมวดคิ้วแปลกใจ หรือว่าจะเป็นคนของเขา

หลังจากนั้นรถก็จอดลงห่างออกไปสามเมตร คนลงมาจากรถหลายคน จนมู่เวยเวยเดินมาข้างหน้าและกดปืนของมู่เทียนเย่ลง

"พี่นี่เป็นคนของเย่ฉ่าวเฉิน"

หัวหน้ารีบวิ่งมาค้อมตัวให้มู่เวยเวย "คุณหนู จางเห่อสั่งพวกเรามาตามหานายครับ"

"ที่บ้านคนพอมั้ย"

"คุณหนูสบายใจได้ จางเห่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ที่บ้านคนเยอะพอครับ"

"งั้นก็ดี" มู่เวยเวยพูดเสียงแหบพร่า

"พวกเราเริ่มหาจากตรงไหนดีครับ"

มู่เวยเวยถอยออกไป "ให้พี่ชายจัดการเถอะ ตอนนี้ทุกคนต้องฟังคำสั่งเขา"

"ครับคุณหนู" พวกเขาไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวางใจ แม้ก่อนหน้านี้จะมีความขัดแย้งกับมู่เทียนเย่ไม่น้อย แต่เขารู้ว่าตอนนี้ทั้งสองบ้านมีสัมพันธ์อันดีกันแล้ว

มู่เทียนเย่ก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป "เอาเรือช่วยเหลือออกให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วก็ริมหาดตรงนี้คนของฉันเพียงพอแล้ว พวกนายออกไปดูข้างนอก ต้องหาอย่างละเอียดและรวดเร็ว"

"ครับประธานมู่" หัวหน้าหันไปสั่งการ ไม่นานคนหลายสิบคนก็หายไปในแสงจันทร์ มีแค่เสียงเรียกเบาๆดังลอยมา

มู่เวยเวยรู้สึกเจ็บเท้ามาก ไม่รู้ว่าเมื่อกี้เหยียบโดนอะไร แต่เธอหยุดตอนนี้ไม่ได้ เย่ฉ่าวเฉินอาจจะรอเธอไปช่วยอยู่มุมไหนสักแห่งก็ได้

"เวยเวยตรงนี้คนพอแล้ว เธอกับซีหร่านไปนั่งรอบนรถเถอะ" มู่เทียนเย่ทนไม่ไหว สองคนนี้เป็นคนสำคัญของเขา

"พี่ ฉันไม่เหนื่อย" มู่เวยเวยปฏิเสธ

"อย่าดื้อ!" มู่เทียนเย่พูดเสียงดุ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ