เวลาล่วงเลยไปอย่างช้าๆ ในทุกวินาที จางเห่อใจคอไม่ดี เขามองไปที่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ เขามีความรู้สึกกลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ จางเห่อ มานี่ “ เสี่ยวซีหร่านยืนตะโกนเรียกอยู่ข้างรถ น้ำเสียงของเธอมีความกังวลอยู่
เปลือกตาของจางเห่อกระตุก และรีบวิ่งไป ในตอนนี้ มู่เทียนเย่กำลังช่วยช่วยคนบนเรือ
“ มีอะไรครับคุณเสี่ยว? “
“เวยเวยไข่ขึ้นสูงและหมดสติไป นายรีบพาตัวเธอกลับไป “ สายตาของเสี่ยวซีหร่านมองไปที่เสื้อผ้าในมือเขา และถามด้วยความกังวล “ นี่คือ......”
จางเห่อพูดอย่างเคร่งขรึม “ นี่เป็นชุดที่เก็บขึ้นมาจากน้ำ เป็นชุดที่คุณชายใส่เมื่อวาน “
“เชี่ย! ” เสี่ยวซีหร่านสบถออกมา ไม่น่าละมู่เทียนเย่ถึงวิ่งเข้าไปช่วยหากลางทะเล ครั้งนี้เย่ฉ่าวเฉินโชคร้ายจริงๆ
“ คุณเสี่ยว สีหน้าของคุณดูไม่ดีเลย ผมจะให้คนส่งคุณและคุณผู้หญิงกลับบ้านนะครับ หมอประจำตระกูลจะรีบเข้ามาดูอาการทันที คุณก็ยุ่งอยู่ที่นี่มาทั้งคืนแล้ว ที่เหลือให้ผมจัดการเองครับ “
เสี่ยวซีหร่านรู่ดีว่าถ้าเธออยู่ต่อก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมาก เธอเงยหน้ามองคนที่อยู่บนเรืองกลางทะเลแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ ก็ดีเหมือนกัน ฉันกับเวยเวยจะกลับไปก่อน มีอะไรคืบหน้าให้รีบแจ้งพวกเรา”
“ ครับ รับทราบ แต่ว่า คุณเสี่ยว เรื่องนี้ “ จางเห่อกำชุดในมือแน่นขึ้นและพูดต่อว่า “ คุณอย่าพึ่งบอกเรื่องนี้กับคุณผู้หญิง ผมกลัวว่าเธอจะรับไม่ไหว “
เสี่ยวซีหร่านสัมผัสได้ถึงความซื้อสัตย์ของลูกน้องคนนี้ และเธอก็พยักหน้าเห็นด้วย
จางเห่อเรียกลูกน้องมาหนึ่งคน หลังจากที่สั่งการแล้วก็มองดูรถจนออกจากที่นี่ไป ในขณะเดียวกันก็แจ้งคุณหมอหานให้เตรียมยาทุกประเภทและไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่
บนรถ มู่เวยเวยตัวร้อนมาก ริมฝีปากของเธอซีดเซียว และปากของเธอก็พึมพำบางอย่างออกมา เสี่ยวซีหร่านตั้งใจฟัง สิ่งที่เธอพึมพำคือ “เย่ฉ่าวเฉิน “
เสี่ยวซีหร่านใช้สิ่งของที่เย็นที่มีอยู่ในรถตอนนี้วาวลงบนหน้าผากของเธอ พลางทำและพูดไปด้วยว่า “ เธอดูแลตัวเองให้ดีก่อน ก่อนจะเป็นห่วงเย่ฉ่าวเฉิน มีเศษแก้วปักอยู่บนเท้าของเธอมากขนาดนั่นยังไม่รู้ตัวอีก เธอเป็นท่อนไม้หรืออย่างไร? ยังเดินทั้งคืนอีก”
รถขับเร็วมาก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เสี่ยวซีหร่านก็ยังคงเร่งอยู่ตลอด เร็วเข้าเร็วเข้า เพราะว่าอุณหภูมิในร่างกายของมู่เวยเวยสูงขึ้นเรื่อยๆ
ประมาณหนึ่งชั่วโมง รถแล่นมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่ แต่ว่าที่เสี่ยวซีหร่านคิดไม่ถึงก็คือ มีนักข่าวล้อมรอบอยู่หน้าประตูเต็มไปหมด เยอะมากจนแทบจะเรียงยาวไปถึงห้องนอนเย่ฉ่าวเฉินอยู่แล้ว
“ทำไมถึงมีนักข่าวมามากขนาดนี้? “ เสี่ยวซีหร่านมึนงงเล็กน้อย เธอใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศตลอดหรือไม่ก็เที่ยวล่องทะเลขึ้นภูเขา เธอไม่ชินกับสถานการณ์ในประเทศจีนแบบนี้ที่พอมีเรื่องเกิดขึ้นเล็กน้อยก็มีนักข่าวเต็มหน้าบ้านไปหมด
คนที่ส่งพวกเขากลับมาพูดอย่างจริงจังว่า “ เมื่อเช้า คุณเสี่ยวไม่เห็นคลิปบนอินเทอร์เน็ตหรอ?”
เสี่ยวซีหร่านมึนงง “ ไม่เห็น โทรศัพท์แบตหมดไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้น? “
“ มีคลิปวีดีโอหนึ่งแชร์กันบนอินเทอร์เน็ต เป็นคลิปงานประจำปีของบริษัทเย่ฮวาง “ คนขับรถหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา หาคลิปวีดีโอนั่นและยื่นให้เสี่ยวซีหร่าน “นี่ไง “
เสี่ยวซีหร่านรับมาด้วยความอยากรู้ พอดูคลิปจนจบเสี่ยวซีหร่านก็สบถออกมา “ เชี่ย” เป็นเหมือนที่มู่เทียนเย่พูดจริงด้วย มีคนสอดแนมอยู่เบื้องหลัง นี่มันต้องการจะเอาชีวิตเย่ฉ่าวเฉินให้ได้เลย
เอาโทรศัพท์คืนให้คนขับรถ เสี่ยวซีหร่านมองดูด้านนอกผ่านกระจกรถก็เห็นนักข่างยืนเรียงกันยาวราวสิบเมตร สายตาของเธอรู้สึกรำคาญมาก
รถค่อยๆแล่นมาจอดหน้าบ้านอย่างช้าๆโดยบีบแตรหลายรอบมาก แต่ว่าพวกเขาทำราวกับว่ามองไม่เห็น ไม่เพียงแค่ไม่หลบอีกทั้งยังมาล้อมรอบแน่นขึ้นมากกว่าเดิมอีก พวกเขาต่างก็อยากรู้มากว่าคนที่อยู่ในรถเป็นใคร
มู่เวยเวยก็สลบอยู่ เสี่ยวซีหร่านรู้สึกกังวลมากขึ้น
“ แจ้งคนในคฤหาสน์ให้เปิดประตู” เสี่ยวซีหร่านพูดกับคนขับรถ
“แต่ว่าถ้าทำแบบนั้น นักข่าวพวกนี้จะวิ่งเข้าไปได้นะ”
แต่ไม่กลัวว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ เสี่ยวซีหร่านอยากจะเอาไม้หน้าสามไปไล่คนเหล่านี้ด้วยตัวเองมาก กำลังวุ่นวายชุลมุน ก็ได้ยินเสียงรถตำรวจกังมาแต่ไกล
ทันใดนั้น ก็มีตำรวจลงมาจากรถ มีคนหนึ่งเดินมาหยุดตรงหน้ารถที่เสี่ยวซีร่านนั่งอยู่ และพูดกับนักข่าวนับสิบคนตรงหน้า “มีคนแจ้งว่าพวกคุณบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว เชิญออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
ในวินาทีนี้ เสี่ยวซีหร่านรู้สึกว่าเจ้าหน้าท่าตำรวจน่ารักมาก ราวกับว่าเป็นทหารที่ถูกส่งมาจากสวรรค์
ไม่รู้ว่านักข่าวพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าอย่างไร ได้ยินตำรวจพูดเพียงว่า “ มันคืองานของคุณแต่ว่าถ้ากระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้อื่นมันไม่ถูกต้อง โปรดหลีกทางให้ด้วย ไม่อย่างนั้น ผมคงต้องเชิญตัวพวกคุณไปที่สถานีตำรวจ”
นักข่าวไม่มีทางเลือก จึงยอมหลีกทางแต่โดยดี ในขณะเดียวกัน ประตูใหญ่ก็ค่อยๆเปิดออก เห็นพ่อบ้านหวังยืนอยู่หน้าบ้าน คนขับรถรีบเหยียบคันเร่งเข้าไปในคฤหาสน์
เสี่ยวซีหร่านมองผ่านกระจกหลังรถก็เห็นว่าในตอนที่ประตูกำลังจะปิด ยังมีนักข่าวหลายคนที่พยายามจะเข้ามา แต่โดนบอดี้การ์ดหน้าบ้านขวางเอาไว้ได้
อีกคนอยากพึ่งเข้ามาสุดชีวิต อีกคนก็ขวางสุดชีวิต พอเห็นภาพแบบนี้มันดูตลก และทำให้เสี่ยวซีหร่านอยากจะหัวเราะออกมาแต่ว่ากลับต้องถอนหายใจแทน
คุณหมอหานมาถึงตั้งนานแล้ว และมีพยาบาลตามมาด้วยสองคน
พอรถหยุดนิ่ง คุณหมอหานเห็นอาการของมู่เวยเวย ก็อุทานออกมา” โอ้พระเจ้า ทำไมถึงตกอยู่ในสภาพนี้ได้ รีบอุ้มเธอเข้ามาเร็วเข้า”
มีสาวใช้สองคนกำลังจะเข้ามาช่วย แต่โดนเสี่ยวซีหร่านพูดเตือนว่า” ฝ่าเท้าของเธอมีเศษแก้วปักอยู่ พยุงไม่ได้ นายมานี่ มาอุ้มเธอออกไป” เสี่ยวซีหร่านชี้ไปที่บอดี้การ์ดรูปร่างกำยำคนหนึ่งแล้วพูด
บอดี้การ์ดยืนนิ่ง เพราะว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่ชอบให้ผู้ชายคนอื่นแตะต้องตัวมู่เวยเวย
เสี่ยวซีหร่านโกรธมาก แทบจะอยากใบ้เท้าถีบแล้ว “ ยังจะยืนนิ่งอยู่ทำไม? เร็วเข้า! ถ้ายังรอช้าอยู่เธอจะไปเจอยมบาลแล้วนะ”
บอดี้การ์ดไม่รอช้า รีบก้มลงอุ้มมู่เวยเวยออกจากรถ
มองดูเธอที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เสี่ยวซีหร่านค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย
“ คุณเสี่ยว ขอบคุณคุณมากจริงๆนะ” พ่อบ้านหวังพูดขอบคุณ” ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของคุณหมอหานเถอะ คุณรีบไปอาบน้ำแช่น้ำอุ่นสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวผมให้สาวใช้พาคุณไปที่ห้องรับแขกแล้วจะเตรียมเสื้อผ้าใหม่ให้”
เสี่ยวซีหร่านไม่ปฏิเสธ และเดินขึ้นไปตามสาวใช้ ตอนนี้เธอต้องการที่จะอาบน้ำจริงๆ ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นฤดูหนาว แต่อาจจะเป็นเพราะกดดันเกินไป เหงื่อออกเปียกชุ่มเต็มไปทั้งเสื้อ และในเท่าก็มีทรายเต็มไปหมด
สาวใช่เอาชุดใหม่มาให้เธอเปลี่ยนรวมถึงมีขุดชั้นในด้วย
“ คุณเสี่ยว นี่เป็นชุดที่คุณผู้หญิงพึ่งซื้อมาใหม่ ท่านใส่ได้ตามสบาย มีอะไรก็เรียกใช้ได้ตลอดเวลา ฉันรออยู่หน้าห้อง “ พอสาวใช้พูดจบก็เดินออกไปอย่างนอบน้อม
ยืนอยู่ใต้ฝักบัว น้ำอุ่นไหลลงตั้งแต่หัวลงไป เสี่ยวซีหร่านที่ตึงเครียดมาทั้งคืนก็ค่อยๆผ่อนคลายลง
ในห้องรักษาพยาบาลด้านล่าง คุณหมอหานขมวดคิ้ว ตั้งแต่เขาเคยรักษามู่เวยเวยมาครั้งนี้ถือเป็นอาการสาหัสมากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง ความร้อนในตัวเธอร้อนดั่งไฟ แต่เท้ากลับเย็นเหมือนดั่งน้ำแข็ง และยังมีเศษแก้วปักอยู่ที่เท้าเธออีก ไม่รู้ว่าโดนเส้นเลือดสำคัญหรือเปล่า
ตอนนี้เขาทำได้เพียงดึงผู้หญิงให้พ้นขีดอันตรายโดยใช้ทักษะการแพทย์ทั้งหมดของเขา
......
ผิงอันออกมาจากห้องเด็กเล็ก ใช้ขาน้อยๆของตัวเองเดินไปรอบห้อง แต่กลับไม่เห็นใครเลยสักคน และเขาก็เดินขึ้นบันไดทีละขั้นๆเพื่อไปหาพ่อกับแม่
คุณปู่หวังบอกเองว่าตอนเช้าก็จะได้เจอพ่อกับแม่แล้ว พวกเขาต้องเล่นกันอยู่ในห้องโดยไม่ให้ตัวเองเล่นด้วยแน่ๆ
ฮึ่บฮับฮึบฮับ ผิงอันหอบและปีนขึ้นไปด้วยมือและเท้า
ตราบใดที่พวกเขายังไม่ได้กลับมาที่เมือง A พ่อบ้านหวังก็ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาปูพรมหนาไว้บนทุกขั้นบันได และยังติดเบาะหนังนุ่มๆบนผนังด้วย ดังนั้น ถึงแม้ว่าคุณชายน้อยจะพลัดตกลงมาก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก
อือ ทั้งหมดนี้ก็เรียนรู้มาจากคราวก่อนที่เฉียวซินโยววางแผนใส่ร้ายมู่เวยเวย
พอปีนขึ้นไปได้เจ็ดแปดขั้น ผิงอันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ด้านบน พอเงยหน้าขึ้นดู นี่มันคุณป้าเสี่ยวไม่ใช่หรอ?
เสี่ยวซีหร่านเปลี่ยนชุดใหม่ใส่เรียบร้อยแล้ว ผมของเธอยังคงเปียกอยู่ เมื่อเธอเห็นผิงอันที่กำลังปีนป่ายขึ้นมา จากใจที่หดหู่ก็รู้สึกดีขึ้นมาก
"ผิงอัน หนูจะทำอะไร?" เสี่ยวซีหร่านลงบันไดมาแล้วนั่งลงตรงหน้าเขา
ผิงอันก็หยุดปีน แล้วลุกขึ้นประชันหน้ากับเสี่ยวซีหร่าน แววตาของเขาแสดงออกชัดเจนมาก " หาแม่ "
เสี่ยวซีหร่านจับไปที่ใบหน้าเล็กๆของเขา และอุ้มเขาขึ้นมาจากนั้นพูดอย่างอ่อนโยน " เด็กดี คุณแม่ไม่ได้อยู่ในห้อง คุณแม่ป่วยตอนนี้คุณหมอกำลังรักษาอยู่ "
ผิงอันเบิกตากว้าง เขาเข้าใจในคำพูดของเสี่ยวซีหร่าน แต่ไม่รู้ว่าควรแสดงออกอย่างไร เขาดึงมือเสี่ยวซีหร่านเพื่อให้เธอพาเขาไปหาแม่
" ตอนนี้ยังไปไม่ได้ รอให้คุณแม่อาการดีขึ้นแล้วเราค่อยไปหาเธอดีไหม? ถ้าหนูไปตอนนี้เดี๋ยวคุณแม่จะเป็นห่วงหนูแล้วอาการคุณแม่จะไม่ดีขึ้นนะ " เสี่ยวซีหร่านพยายามใช้คำที่เขาพอจะฟังรู้เรื่องอธิบาย
ผิงอันหยุดนิ่งไปสักพัก แล้วนึกถึงอีกคน " คุณพ่อล่ะ? " นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกคำว่า " พ่อ " แต่ไม่ได้พูดต่อหน้าเย่ฉ่าวเฉิน ถ้าเขาได้ยินว่าลูกชายเรียกเขาแบบนี้เขาต้องมีความสุขมากแน่ๆ
เสี่ยวซีหร่านหอมแก้มเขาหนึ่งที " คุณพ่อของผิงอันกำลังไปทำเรื่องทียิ่งใหญ่อยู่ เดี๋ยวก็กลับมาแล้วนะ "
เย่ฉ่าวเฉินทำเพื่อนคนนับพันโดยการออกไปโยนระเบิดตามลำพัง นี่ถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากเรื่องหนึ่ง
“ อ้อ ” ผิงอันเชื่อคำพูดที่หลอกเด็กของผู้ใหญ่ ใบหน้ามีรอยยิ้มปรากฏขึ้น ดวงตาโตๆของเขายิ้มจนเป็นรูปพระจันทร์เลย " คุณป้าไปเล่นกับหนูหน่อย "
" ได้สิ เดี๋ยวคุณป้าเล่นด้วย " เสี่ยวซีหร่านอุ้มเขาลงบันไดแล้วตรงไปที่ห้องของเล่น เธออยากไปดูมู่เวยเวยมากว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ไม่อยากไปรบกวนการรักษาของคุณหมอหาน อีกทั้งหมดสติไปนานขนาดนั้น ตอนนี้ก็ยังไม่น่าจะฟื้น
จนถึงตอนนี้ทางด้านเย่ฉ่าวเฉิน มู่เทียนเย่ยังไม่ได้ส่งข่าวอะไรมาเลย
ในห้องรักษาพยาบาล คุณหมอหานฉีดยาลดไข้ให้กับมู่เวยเวยก่อนหนึ่งเข็ม เพื่อควบคุมอุณหภูมิในร่างกายเธอให้คงที่ จากนั้นก็ค่อยเริ่มการรักษาและเขาให้พยาบาลช่วยทำความสะอาดเท้าเธอที่โดนเศษแก้วบาดและปักอยู่บนฝ่าเท้า
มู่เวยเวยที่ในตอนนี้ยังไม่ได้สติ บางครั้งเธอก็พึมพำบางคำออกมา
เวลาผ่านไปช้ามากราวกับหอยถากที่กำลังคืบคลาน พ่อบ้านหวังนอกจากไปดูผิงอันแวบหนึ่ง ก็เฝ้าอยู่หน้าห้องรักษาพยาบาลกับฉินหม่าตลอด ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงแล้ว คุณหมอหานออกมาจากห้องรักษาพยาบาลแล้ว คิ้วเขายังคงขมวดอยู่เหมือนเดิม
" คุณผู้หญิงเป็นยังไงบ้าง? " พ่อบ้านหวังรีบถาม
“อุณหภูมยังคงสูงอยู่ แต่ว่าเศษแก้วที่ปักอยู่บนฝ่าเท้าเอาออกหมดแล้ว พระเจ้า มันลึกสามเซนติเมตรเชียวนะ ผมก็ไม่รู้เหมือนว่าเธอทนได้ทั้งคืนได้อย่างไร " คุณหมอหานส่ายหน้าและพูด " ตอนนี้มีปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่ง เท้าของมู่เวยเวยได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ต่อไป......"
" ต่อไปจะไม่สามารถยืนได้หรอ? " ฉินหม่าถามขึ้นด้วยความกังวล
" ไม่ถึงขนาดนั้น แค่อาจจะยืนนานไม่ได้ อีกทั้งเท้าอาจจะเย็นตลอดไป"
" แล้วคุณผู้หญิงจะฟื้นเมื่อไหร่? "
" ไม่แน่ใจ ตอนนี้ยังอยู่ในภาวะอันตรายอยู่ แต่ขอให้ผ่านคืนนี้ไป ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว "
พ่อบ้านหวังถอนหายใจเฮือกใหญ่ " คุณหมอหาน สองสามวันนี้คุณพักอยู่ในคฤหาสน์ก่อนเถอะ อาจจะต้องการคุณตลอดเวลา "
คุณหมอหานคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว เขาพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในห้องรักษาพยาบาล
" โอ้ ลืมไปว่าได้เวลาดื่มนมของคุณชายน้อยแล้ว " จู่ๆฉินหม่าก็คิดขึ้นได้ รีบวิ่งไปที่ห้องเด็กเล็ก เปิดประตูเบาๆ ก็ตะลึงไปสักพัก จากนั้นก็เอาผ้าห่มไปห่มให้ทั้งสองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง
ไม่ได้นอนมาทั้งคืน เสี่ยวซีหร่านเล่านิทานให้ผิงอันและตัวเองก็ค่อยๆหลับตามไปด้วย ผิงอันพอได้ยินเสียงเล่านิทานของเธอก็ค่อยๆหลับไป
ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเกี่ยวกับการค้นหาและช่วยเหลือคนในทะเล ใบหน้าของมู่เทียนเย่มืดมน ใบหน้าของจางเห่อก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ เจ้าหน้าที่ค้นหาและกู้ภัยยังคงขยายพื้นที่ในการค้นหาอยู่เรื่อยๆ พวกเขาดำดิ่งลงไปในน้ำเย็นๆนี้นับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ยังหาไม่เจอ
การหายตัวไปอย่างลึกลับของเย่ฉ่าวเฉินยังหาข้อสรุปไม่ได้ ในช่วงเที่ยง บุคคลที่แจ้งเตือนข่าวได้เปิดเผยข่าวที่น่าตกใจอีกครั้ง นั้นก็คือ ก่อนที่เย่ฉ่าวเฉินจะใช้เวทมนตร์ดวงตาของเขาจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง อีกทั้งเขายังมีลูกชายหนึ่งคน ดวงตาของเขาเดี๋ยวก็สีฟ้าเดี๋ยวก็สีม่วง และสิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าลูกชายเขาก็เป็นตัวประหลาดเช่นกัน
ตอนนี้คนทั้งเมืองกำลังดุเดือดกันมาก ทุกคนดูกระตือรือร้นที่จะอยากรู้ความลับของคนรวยกันมาก โดยเฉพาะเย่ฉ่าวเฉินที่ไม่ใช่คนรวยธรรมดา ซักพักผู้คนก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องลูกชายของเย่ฉ่าวเฉิน บางคนก็ยืนยันว่าข่าวนี้เป็นเท็จ แต่ก็มีบางคนที่พูดว่าพวกเขาเคยเห็นเด็กชายที่ตาสีฟ้าและสีม่วง และหน้าตาเขาเหมือนเย่ฉ่าวเฉินมาก
ทั้งหมดนี้ต้องมีความจริงเพียงหนึ่งเดียว ดังนั้นทุกคนจึงหวังว่าเย่ฉ่าวเฉินจะออกมาพูดอะไรบ้าง แต่ว่า คนของบ้านตระกูลเย่ไม่มีใครก้าวออกมาอธิบายเรื่องนี้เลย พนักงานของบริษัทเย่ฮวางทุกคนต่างก็ลากลับบ้านเพื่อฉลองวันตรุษจีนกันหมด ที่ที่จะได้รับการยืนยันเรื่องนี้ได้ก็เหลือแค่คฤหาสน์ตระกูลเย่ เพราะเหตุนี้นักข่าวก็มาล้อมรอบที่หน้าบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ
ท้องฟ้าเริ่มมืด อุณหภูมิที่ลดลงอย่างกะทันหันทำให้ทีมกู้ภัยทำงานกันอย่างยากลำบากมาก ทุกคนต่างก็หมดแรง
มู่เทียนเย่มองพระอาทิตย์ในทางทิศตะวันตก เขารู้สึกเศร้าใจมาก เขากัดฟันและพูดกับจางเห่อว่า " บอกให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่กำลังช่วยค้นหาอยู่ตอนนี้ขึ้นฝั่งเถอะ "
เขารู้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้สื่อถึงอะไร เขาไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วยเย่ฉ่าวเฉิน แต่ด้วยบรรยากาศแบบนี้ เวลาล่วงเลยไปยาวขนาดนี้ ถ้าเย่ฉ่าวเฉินตกลงไปในทะเลจริงเขาคงไม่มีชีวิตแล้ว
จางเห่อรู้เหตุผลนี้ ดังนั้นเขาเลยไม่ได้ต่อต้าน เขาเพียงแค่กำหมัดแล้วตอบว่า " อือ " แล้วหันไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่นับสิบคน
ถึงจะเลิกค้นหาและช่วยเหลือทาวทะเลแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะยุติการช่วยเหลือนี้นะ ผู้คนราวสามสี่สิบคนพยายามช่วยกันค้นหาตัวเขา นี่เป็นความหวังเดียวของทุกคน
หวังว่าเย่ฉ่าวเฉินจะถูกคลื่นซัดไปที่ชายหาดใดชายหาดหนึ่ง ถ้าเป็นแบบนี้โอกาสที่จะรอดก็มีค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป โอกาสที่จะเป็นไปได้ก็น้อยลงเรื่อยๆ
ช่วงเวลาเช้าตรู่ เครื่องบินลงจอดที่สนามบินในเมือง A นี่เป็นเครื่องบินที่บินมาจากยุโรป เสี่ยวฟางตั้งหน้าตั้งตามองไปที่ประตูทางออกนั้น ทันใดนั้นตาของเธอก็เป็นประกายเมื่อเธอได้พบกับเด็กหนุ่มที่จากไปเป็นเวลานาน
บางทีอาจจะเรียกเขาว่าเด็กหนุ่มไม่ได้แล้ว เพราะว่าเขาได้เติบโตขึ้นมากแล้ว ใบหน้าของเขาเทียบได้กับนายแบบได้สบายๆเลย อาจจะเป็นเพราะว่านั่งเครื่องบินเป็นเวลานาน สีหน้าของเขาดูเหนื่อยล้ามาก เขาสวมใส่เสื้อแจ็คเก็ตขนยาวสีดำและสวมรองเท้าบูทมาร์ติน ออร่าในตัวดึงดูดทุกสายตาของคนที่ผ่านไปมาในสนามบิน
เย่ฉ่าวเหยียนกลับมาแล้ว
เสี่ยวฟางทักทายเขา รับกระเป๋าเดินทางมาจากมือเขา " คุณชายรอง คุณกลับมาแล้ว "
เย่ฉ่าวเหยียนยิ้มให้เสี่ยวฟาง และก้าวขาเดินไปข้างหน้า " ตอนนี้ที่บ้านเป็นไงบ้าง? "
เสี่ยวฟางเดินตามหลังเขาโดยห่างกันไม่ถึงครึ่งเมตร " กำลังค้นหาตัวของคุณชายใหญ่อยู่ ตอนที่ฉันออกมา คุณผู้หญิงยังไม่ฟื้น "
เย่ฉ่าวเหยียนขมวดคิ้ว " นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เดี๋ยวอธิบายให้ฉันอย่างละเอียดบนรถด้วย "
" ได้ "
รถเบนท์ลีย์ขับฝ่าหมอกตรงไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ พอถึงหน้าประตู ฟ้ายังไม่สว่างดีเลยก็มีนักข่าวจำนวนมากหลับอยู่ตรงนั้น ดังนั้นเย่ฉ่าวเฉินเข้าบ้านไปได้อย่างราบรื่น
พ่อบ้านหวังแทบไม่ได้นอนทั้งคืน พอได้ยินเสียงรถก็รีบวิ่งออกมาดูหน้าประตู
" คุณชายรอง ในที่สุดคุณก็กลับมา " น้ำเสียงของพ่อบ้านหวังมีความคาดหวังแฝงอยู่ ราวกับว่าเย่ฉ่าวเหยียนเป็นฟางเส้นสุดท้ายในชีวิต
เย่ฉ่าวเหยียนยิ้มและเดินไปกอดคนแก่ตรงหน้า ลูบหลังเขา " คุณอาหวัง ไม่ต้องเสียใจ มีผมอยู่ทั้งคน "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...